คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 314 ตระกูลฉู่
“ฮ่าๆๆ ไม่คิดเลยว่าการเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันของสภาวะจิตใจของท่านจะทำให้คฤหาสน์เฟิงหัวนี้พัฒนาขึ้นมาเล็กน้อย”
ทันใดนั้น เสียงอันทรงพลังของซิวก็ดังขึ้น ครานี้แม้แต่เสี่ยวเฮยและอสูรมายาตัวอื่นๆก็ได้ยินอย่างชัดเจน
“พี่ซิว ท่านออกมาแล้ว”
เมื่อได้ยินเสียงซิว เสี่ยวเฮยและอสูรอื่นๆก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นพวกมันก็ยิ้มอย่างมีความสุข
“ไม่ ข้ายังต้องใช้เวลาอีกสักพัก แต่ข้าไม่จำเป็นต้องจำศีลเต็มรูปแบบอีกต่อไปแล้ว”
ซิวกล่าวตอบ มันยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่จนกว่าจะวิวัฒนาการเสร็จสมบูรณ์ ทว่าตอนนี้มันไม่จำเป็นต้องเก็บตัวทั้งทางกายและทางจิตอีกต่อไป
เมื่อฉินอวี้โม่ได้ยินเช่นนั้น นางก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้
นางยังจำได้ดีว่าคฤหาสน์เฟิงหัวที่นางหลอมออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถพัฒนาได้ ภายใต้สถานการณ์ปกติ ความแข็งแกร่งที่พัฒนาเพิ่มขึ้นและอารมณ์ความรู้สึกของเจ้าของจะส่งผลให้สิ่งที่มีคุณสมบัติในการพัฒนาเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
น่าจะเป็นเพราะการพัฒนาพลังของนางก่อนหน้านี้ และเมื่อพูดคุยกับเหล่าอสูรมายาของตนเอง อารมณ์ความรู้สึกของฉินอวี้โม่ก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน ดังนั้นจึงส่งผลให้คฤหาสน์เฟิงหัวพัฒนาขึ้นเล็กน้อย
บัดนี้สภาวะพลังในคฤหาสน์เฟิงหัวมีความหนาแน่นและเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งความเร็วของการฝึกฝนข้างในนี้ก็ดีกว่าโลกภายนอกเสียอีก
“คฤหาสน์เฟิงหัวที่นายหญิงหลอมขึ้นมาช่างเป็นคฤหาสน์มิติที่ยอดเยี่ยมจริงๆ หากมันพัฒนาไปจนถึงสภาวะสูงสุด ข้าอยากรู้นักว่ามันจะเป็นอย่างไร”
แม้ว่าซิวจะมีความรู้กว้างขวางแต่มันก็ยังสงสัยอยู่ไม่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่มันได้เห็นคฤหาสน์มากคุณสมบัติอย่างคฤหาสน์เฟิงหัว ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่ง การล่องหนและการเหาะเหิน ทั้งหมดล้วนเป็นคุณสมบัติหายาก คฤหาสน์มิตินี้ได้รวบรวมคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ไว้หลายอย่างและยังมีคุณสมบัติที่สามารถพัฒนาได้อีก ซิวมีความสนใจเป็นอย่างมากและอยากรู้ว่าคฤหาสน์เฟิงตัวในสภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุดจะเป็นอย่างไร
ฉินอวี้โม่เองก็อยากรู้ไม่ต่างกันและคฤหาสน์เฟิงหัวในตอนนี้ก็สร้างความประหลาดใจให้นางได้มากแล้ว นางตั้งตารอวันที่มันจะพัฒนาไปถึงสภาวะที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อคฤหาสน์เฟิงหัวพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ มันก็จะมีคุณสมบัติอื่นๆเพิ่มขึ้นมาอย่างแน่นอนและนางอยากรู้ว่าคุณสมบัติเหล่านั้นจะเป็นอะไร
“นายหญิง ตอนนี้พลังขอบเขตจ้าวพิภพของท่านบรรลุระดับสูงแล้ว ต่อให้ข้าไม่ได้อยู่ด้วย ท่านก็จะไม่มีปัญหาหากต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือในขอบเขตจ้าวสุริยะ แต่ท่านจะประมาทไปไม่ได้เด็ดขาด ศัตรูที่เราจะต้องเผชิญในอนาคตแข็งแกร่งอย่างมาก ท่านยังต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตจ้าวสุริยะให้ได้โดยเร็วที่สุด เมื่อถึงตอนนั้น เราจะไปที่ชนเผ่ามายาและกอบกู้สิ่งที่ควรจะเป็นของท่านมา จากนั้นเราจะไปที่ดินแดนเทพมายาเพื่อตามหามารดาของท่าน”
ซิวยิ้มพลางอธิบายให้กับฉินอวี้โม่
อันที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องมีการย้ำเตือนใดๆ ฉินอวี้โม่ก็เข้าใจในจุดๆนี้เป็นอย่างดี นางจะประมาทเพียงเพราะพลังเพิ่มขึ้นได้อย่างไรกัน? อย่างที่ซิวว่าไว้ ศัตรูที่นางจะต้องเผชิญในอนาคตข้างหน้าต่างก็ไม่ธรรมดาเลย หากว่านางยังปล่อยให้ตนเองหยุดอยู่ที่เดิมและไม่ทุ่มเทหมั่นฝึกฝนต่อไป นางจะต้องเผชิญกับวิกฤติมากมายที่รอนางอยู่อย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งของนางในปัจจุบัน หากไม่มีไพ่ตายใดๆ ในดินแดนอ้างว้างแห่งนี้นางก็ถือว่ามีพลังอยู่เพียงระดับกลางเท่านั้น ยังมีอีกหลายคนที่แข็งแกร่งกว่านางมาก และหากไปที่ดินแดนเทพมายา ผู้ที่มีพลังในขอบเขตจ้าวพิภพจะเป็นเพียงจอมยุทธ์ระดับต่ำเท่านั้น
“ข้าจะเก็บตัวบ่มเพาะต่อไป ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เมื่อท่านจะออกไปข้างนอก อย่าลืมรักษาระดับพลังขอบเขตจ้าวพิภพให้เสถียรคงที่ล่ะ”
ซิวยิ้มน้อยๆ มันเป็นเพียงคำย้ำเตือนเท่านั้นและมันไม่เคยสงสัยในตัวฉินอวี้โม่
ความแตกต่างระหว่างฉินอวี้โม่และเจ้านายคนก่อนของมันก็คือนางมักจะมีความคิดความอ่านของตนเองอยู่เสมอและรู้ตัวควรต้องทำอย่างไร
“นายหญิง ดูเหมือนจะมีคนอยู่ข้างนอก”
ทันทีที่เสียงของซิวหายไป เสียงของมารยาก็ดังขึ้นในโสตประสาทของนาง
ตอนนี้ฉินอวี้โม่และอสูรมายาอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวและโลกภายนอกเป็นป่าทึบ ป่าผืนนี้เป็นเส้นทางระหว่างเมืองไป๋อวี้ไปถึงจวนตระกูลเฟิง ตอนที่ฉินอวี้โม่พูดคุยกับซิวเมื่อครู่ มารยาได้ใช้จิตของมันสำรวจสิ่งแวดล้อมโดยรอบ
ด้วยการตั้งสมาธิสำรวจโดยรอบเล็กน้อย มันก็พบว่ามีกลุ่มคนกำลังมุ่งหน้าผ่านมาทางนี้
“รอดูสถานการณ์ก่อนเถอะ”
ฉินอวี้โม่ไม่ได้ออกจากคฤหาสน์ในทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของมารยา นางเพียงยืนมองออกไปนอกคฤหาสน์เท่านั้น
ภายในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ฉินอวี้โม่ก็มองเห็นร่างของคนหลายคนกำลังมุ่งหน้าผ่านมาทางนี้
ผู้ที่อยู่หน้าสุดคือบุรุษหนุ่มร่างผอมบางและดูไม่สูงนัก เขาสวมอาภรณ์สีขาวและใบหน้าซีดเซียว
บุรุษหนุ่มคนนั้นมีใบหน้าหล่อเหลาพอสมควรและดูจะมีอายุประมาณสิบห้าถึงสิบหกปี ผิวพรรณของเขาซีดเซียวและร่างผอมบางอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายของเขาน่าจะอ่อนแอกว่าคนปกติมาก
“ชายรอง พักก่อนเถอะ”
บุรุษวัยกลางคนถัดจากเขากล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความเป็นห่วงกังวล
“เข้าใจแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของบุรุษวัยกลางคน บุรุษหนุ่มก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนพยักศีรษะเบาๆและไม่ปฏิเสธ
“ดื่มน้ำนี่ก่อนเถอะ”
บุรุษวัยกลางคนอีกคนเดินเข้ามาหาเด็กหนุ่มและยื่นกระบอกน้ำให้กับเขา
“ขอบคุณท่านลุงสี่”
บุรุษหนุ่มยิ้มเล็กน้อยก่อนจิบน้ำ
“ป่านี้อยู่ไม่ไกลไปจากจวนตระกูลเฟิง เราคงจะไปถึงตระกูลเฟิงก่อนงานเลี้ยงเริ่มต้นได้โดยที่ไม่มีปัญหา”
บุรุษวัยกลางคนถัดจากบุรุษหนุ่มกล่าวออกมา ดูเหมือนว่าพวกเขาเหล่านี้กำลังมุ่งหน้าตรงไปที่จวนตระกูลเฟิงเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงเช่นกัน
“นั่นเป็นเรื่องที่ดี หากไม่ใช่เพราะข้าที่ถ่วงเวลาพวกท่านจนล่าช้า พวกท่านก็คงจะไปถึงจวนตระกูลเฟิงแล้ว หากข้ารู้ล่วงหน้าล่ะก็ ข้าก็คงจะไม่ตกปากรับคำท่านปู่และมาที่นี่กับพวกท่านหรอก”
เด็กหนุ่มร่างผอมพยักศีรษะและก็กล่าวด้วยอารมณ์ที่เต็มเปี่ยม น้ำเสียงของเขาเจือความโทษตัวเองอยู่ไม่น้อย