จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) - บทที่ 453 การต่อสู้สามเซียนรุมหนึ่ง
บทที่ 453 การต่อสู้สามเซียนรุมหนึ่ง
ท้องฟ้าส่งเสียงคำรามครืนครัน พลังลมปราณระเบิดตัวขึ้นกลางอากาศเหมือนเกลียวคลื่น ในขณะที่เงาร่างของคนอีกสองคนปรากฏตัว
นี่คือการมาถึงของผู้มีพลังยุทธ์ขั้นเซียนอีกสองคน
คนหนึ่งเป็นขั้นเซียนจากเผ่าพันธุ์นกยูงปีศาจ นามว่าค่งหลี่ฉุน
อีกคนเป็นขั้นเซียนจากเผ่าพันธุ์หมาป่าปีศาจ นามว่าหลางมู่
เฮยจงก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน
ผู้มีพลังขั้นเซียนของทุกเผ่าพันธุ์มารวมตัวกันเกือบหมดแล้ว
เมื่อผู้มากฝีมือปรากฏตัวรวมกันอยู่ในที่แห่งนี้ บรรดาผู้คนและสัตว์ร้ายกลายพันธุ์บนยอดเขาฮั่นหยาง ก็ต้องล่าถอยออกไปเพราะไม่อาจทนรับแรงกดดันไหว
เพียงแค่ผู้สูงส่งเหล่านี้ปรากฏตัว ก็ทำให้วิญญาณของพวกมันสั่นคลอนแล้ว นี่คือความน่ากลัวของผู้มีพลังยุทธ์ขั้นเซียนที่แท้จริง
หลังจากที่หวงไห่รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ใบหน้าของมันก็แดงก่ำ สีหน้าไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก
เมื่อพวกหลางมู่ปรากฏตัว จิ่วโยวก็นำบริวารสัตว์ป่ากลายพันธุ์ในร่างมนุษย์ของตนเอง ล่าถอยลงไปจากยอดเขา
“ขอบคุณพี่หวงที่ช่วยเหลือ” ดวงตาสีเขียวปัดของหลางมู่เป็นประกายแวววาว
มันได้รับรายงานว่าหวงไห่เป็นคนออกหน้าคอยคุ้มกันพื้นที่ของหมาป่าปีศาจ ดังนั้น หลางมู่จึงต้องขอบคุณแล้ว
ฟู่!
หวงไห่เดือดดาลจนกระอักเลือดออกมาจากปาก
บ้าบอที่สุด เหตุผลที่มันลงมือในครั้งนี้ เพราะเข้าใจว่ามีคนสังหารสมาชิกเผ่าพันธุ์พังพอนปีศาจของมันต่างหาก
ถ้าหวงไห่รู้ว่านี่เป็นเรื่องราวของพวกหมาป่าปีศาจ มันก็จะนั่งดูอย่างมีความสุขเท่านั้น
“น้องเฮย ช่วยมอบคำอธิบายมาหน่อยได้หรือไม่?” หวงไห่หันไปขึงตามองเฮยจง เนื่องจากบริวารของเฮยจงเป็นคนที่บอกว่าสมาชิกของเผ่าพันธุ์พังพอนปีศาจโดนฆ่าตาย ดังนั้น มันจึงรีบรุดมารับมือกับหลุนหุยโดยไม่ฟังเหตุผลอะไรอีก
เฮยจงเพิ่งจะรู้ความจริงเช่นกัน มันเองก็ทำอะไรไม่ถูก
เมื่อได้ยินคำถามของหวงไห่ เฮยจงก็มีสีหน้าอับอาย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าข่าวที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนข่าวนี้ ล้วนมาจากคนของเผ่าพันธุ์มังกรดำของมันเอง
“เจ้า มานี่สิ” เฮยจงเรียกลูกศิษย์ที่รายงานข่าวให้เดินเข้ามา
“นายท่านครับ ยอดเขาที่หมาป่าปีศาจกับพังพอนปีศาจมากางเต็นท์อยู่ใกล้กัน ข้าน้อยเข้าใจผิดคิดว่าเกิดเหตุขึ้นบนยอดเขาของพังพอนปีศาจ ข้าน้อยก็เลย…” มนุษย์มังกรดำที่รายงานข่าวพูด สีหน้าเศร้าสลด
คิดว่า? เมื่อได้ยินสองคำนี้ หวงไห่ก็ช้ำใจจนกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
“พี่หวง ข้าละอายใจเหลือเกิน ที่แท้ก็เป็นความผิดพลาดจากศิษย์ชั่วของข้าเอง” เฮยจงรู้สึกขายหน้าเหลือเกินที่ปัญหาเกิดขึ้นจากลูกน้องของตน
ทุกคนมีสีหน้าประหลาดพิกล หวงไห่โง่เขลาเช่นนี้ ทำไมถึงสามารถฝึกปรือพลังจนขึ้นมาถึงขั้นเซียนได้?
หวงไห่ทั้งอับอายและโกรธแค้น การลงมือครั้งนี้นอกจากจะทำให้มันเสียหน้าแล้ว ยังทำให้ต้องเสียอาวุธวิเศษไปหนึ่งชิ้นอีกด้วย
“อุตส่าห์ลงแรงเหนื่อยแทบตาย สุดท้ายก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยสินะ”
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกตลกขบขันเป็นอย่างยิ่ง
“น้องเฮย น้องหลาง ฝากพวกเจ้าจัดการคนผู้นี้ด้วย” หวงไห่อับอายขายหน้าเกินรับไหว และหวังว่าเฮยจงกับหลางมู่จะช่วยกันจัดการฉู่ชวิ๋นต่อจากนี้
เฮยจงเกิดความลังเลเล็กน้อย หันไปมองหน้าหลางมู่ ความจริงเรื่องทุกอย่างนี้เกิดขึ้นก็เพราะบริวารของมันรายงานข่าวผิดพลาด จึงเป็นไปไม่ได้ที่เฮยจงจะไม่ยื่นมือช่วยเหลือหวงไห่
หลางมู่หันขวับกลับมาจ้องมองหน้าฉู่ชวิ๋น แล้วถามว่า “เหตุใดเจ้าต้องมาฆ่าคนของเผ่าพันธุ์หมาป่าปีศาจด้วย?”
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอ ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “ทุกคนต่างก็อยากได้ทำเลที่ดีที่สุดอยู่แล้ว นี่คือเรื่องปกติจะตายไป”
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ยอมรับแล้วใช่ไหมว่าเป็นคนสังหารบริวารของข้า?” หลางมู่ขยับออกมาด้านหน้า แผ่รังสีอำมหิตใส่ฉู่ชวิ๋น
“จะแก้แค้นก็ได้นะ ไม่มีใครห้ามหรอก” ฉู่ชวิ๋นตอบกลับน้ำเสียงราบเรียบ
วูบ!
ดวงตาของหลางมู่เป็นประกายแวววาว พลังลมปราณพวยพุ่งออกมาจากร่างกาย เงาขนาดใหญ่ของกรงเล็บหมาป่าปรากฏขึ้นด้านหลังมัน เงานั้นมีความสูงหลายฟุต กลิ่นไอปีศาจลอยออกมาด้วยความรุนแรง
“ทุกคนถอยไปก่อน” ฉู่ชวิ๋นว่า
จิ่วโยวนำบริวารของตนเองถอยออกไปไกลราวหนึ่งกิโลเมตร
ฉู่ชวิ๋นกําหมัดแน่น ระเบิดพลังลมปราณออกมาจากร่างกาย ก่อนที่เขาจะต่อยหมัดออกไป แล้วลมปราณสีม่วงก็พุ่งเข้าใส่หลางมู่
หลางมู่ยกมือโบกสะบัด เงากรงเล็บหมาป่าขยับตามมือของหลางมู่ พุ่งเข้าใส่ฉู่ชวิ๋นในทันที
ฉู่ชวิ๋นรัวกำปั้นด้วยความรวดเร็วรุนแรง พลังลมปราณสีม่วงพุ่งออกไปเหมือนสายรุ้ง ปะทะเข้ากับเงากรงเล็บหมาป่า จนเกิดระเบิดขนาดใหญ่
ตู้ม!
กลอักษร “พิฆาต!”
พลังลมปราณรูปทรงตัวอักษรพุ่งเข้าใส่หลางมู่ตามติดไปอย่างรุนแรง
หลางมู่ยกมือขึ้นป้องกัน เงากรงเล็บหมาป่าหมุนตัวกลับมา พุ่งชนตัวอักษรเหล่านั้นกระจายหายไป
ครืน!
มวลอากาศระเบิดตัว พื้นดินสั่นสะเทือน ต้นไม้โบราณและก้อนหินที่ตั้งอยู่โดยรอบรัศมี 500 เมตรแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี
เงากรงเล็บหมาป่าระเบิดตัวหายไป หลางมู่เซถอยหลังไปหลายก้าว พื้นดินแตกแยกเป็นรอยร้าวขนาดใหญ่
หลางมู่มองหน้าฉู่ชวิ๋นด้วยความไม่อยากเชื่อ
“น้องเฮย ไม่คิดจะลงมืออะไรบ้างเลยหรือ?” หวงไห่ตะโกนออกมา เป็นเวลาเดียวกับที่ตัวมันเองโถมทะยานเข้าหาฉู่ชวิ๋นพร้อมกับซัดพลังจากฝ่ามือ
“ตายซะเถอะ!”
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเย็นชาปานน้ำแข็ง โคจรลมปราณจำแลงเต็มสูบก่อนที่จะระเบิดพลังทั้งหมดปล่อยออกไปใส่หวงไห่
เปรี้ยง!
พลังลมปราณที่หวงไห่ซัดเข้ามาเมื่อปะทะกับพลังลมปราณจำแลงก็สลายหายไปหมด หวงไห่ส่งเสียงครางในลำคอ ขณะที่ตัวมันกระเด็นออกไปไกล
ในขณะเดียวกันนี้ เฮยจงคำรามเสียงดัง ยกมือขึ้นเล็กน้อย พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พลังลมหมุนที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าปรากฏขึ้น กลายเป็นมังกรสายลมตัวหนึ่งพุ่งเข้าหาฉู่ชวิ๋นด้วยความเกรี้ยวกราด
ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นโคจรพลังลมปราณ
“วิชา วายุมังกรอินทนิล”
พลังลมหมุนที่รวมตัวเป็นรูปร่างมังกรม่วงปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ทำให้อากาศแปรปรวน พื้นดินสะเทือนสะท้าน เกิดรอยแตกร้าวในวงกว้าง
มังกรสายลมของมนุษย์มังกรดำปะทะเข้ากับวายุมังกรอินทนิล เกิดการระเบิดขนาดใหญ่ ยอดเขาที่อยู่เคียงข้างถูกพลังระเบิดซัดกระจายหายไป แสดงให้เห็นถึงแรงระเบิดที่รุนแรงเป็นอย่างยิ่ง
บรรดามนุษย์และสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ที่รับชมเหตุการณ์อยู่ไกลๆ ต่างก็มือเย็นเท้าเย็นกันหมดแล้ว
ฉู่ชวิ๋นแข็งแกร่งมากเกินไป ไม่ต้องใช้อาวุธใดๆ เขาก็สามารถต้านทานการโจมตีจากผู้มีพลังยุทธ์ขั้นเซียนได้ถึงสามคน
หวงไห่ หลางมู่ และเฮยจง ล้วนแต่ตกตะลึง
พวกมันมีพลังขั้นเซียน เพียงยกมือยกเท้า ก็สามารถสั่นสะเทือนฟ้าดิน พลังขั้นเซียนเช่นนี้ ไม่มีทางที่จอมยุทธ์ธรรมดาสามัญจะรับมือได้เด็ดขาด
แต่ไม่คิดเลยว่า พวกมันสามคนร่วมมือกัน ก็ยังเอาชนะคนเพียงคนเดียวไม่ได้
“คนผู้นี้เป็นใครกัน?” หลางมู่หันมาถามหวงไห่
“มันมีนามว่าหลุนหุย เห็นว่าเป็นข้ารับใช้ผู้ติดตามขององค์หญิงจิ่วโยว” หวงไห่ตอบกลับมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
หลางมู่กับเฮยจงเบิกตาโตจ้องมองหวงไห่เหมือนมองคนปัญญาอ่อน ฝีมือแข็งแกร่งระดับนี้ยังต้องเป็นลูกน้องคนอื่น แม้แต่คนที่โง่ที่สุดก็เชื่อเรื่องนี้ไม่ลงแล้ว
หวงไห่โกรธแค้นเช่นกัน ตัวมันเองก็ไม่เชื่อ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“เข้ามาโจมตีพร้อมกันเถอะ!”
ฉู่ชวิ๋นมีพลังฝีมือแข็งแกร่ง พลังของเขาเทียบเท่าพลังยุทธ์ขั้นเซียนแล้วแน่ ๆ ดังนั้น ชายหนุ่มจึงอยากใช้โอกาสนี้ทดสอบความแข็งแกร่งของตนเอง
บรรดามนุษย์และสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ที่รับชมอยู่ห่างไกลตกตะลึงกันหมดสิ้น ไม่อยากจะเชื่อว่าฉู่ชวิ๋นคิดจะสู้กับสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ขั้นเซียนถึงสามคนด้วยตัวคนเดียวจริงๆ ?
“สุดยอดไปเลย สักวันหนึ่ง ถ้าข้าทะลวงถึงขั้นเซียนเมื่อไหร่ ข้าก็อยากจะทำแบบนี้ดูบ้างเหมือนกัน” เสือใหญ่ทอดสายตามองฉู่ชวิ๋นด้วยความเคารพเทิดทูน
พวกของสิงโตทองคำก็มีสายตาแบบนี้เช่นกัน
ฉู่ชวิ๋นดูยิ่งใหญ่เหลือเกิน หาญสู้กับผู้มีพลังยุทธ์ขั้นเซียนถึงสามคนด้วยตัวเพียงคนเดียว เรื่องราวอย่างนี้จะมีใครอีกกล้าทำบ้าง?
กลุ่มสัตว์ร้ายกลายพันธุ์รู้สึกโกรธแค้นยิ่งนัก ที่เห็นว่าฉู่ชวิ๋นแสดงความอวดดีออกมาเช่นนี้
หลางมู่ดวงตาเป็นประกายเคร่งขรึม เช่นเดียวกับเฮยจงและหวงไห่ สีหน้าของพวกมันฉายความอำมหิตออกมาชัดเจน
ไม่เคยมีมนุษย์หน้าไหนกล้าท้าทายพวกมันขนาดนี้มาก่อน
“ตายซะเถอะ!”
หลางมู่เป็นคนแรกที่กระโดดเข้ามาหาฉู่ชวิ๋น
เฮยจงกับหวงไห่กระโดดตามติดเข้ามาพร้อมกัน
ฉู่ชวิ๋นโครจลมปราณจำแลงไหลเวียนสู่แขนขาอย่างลื่นไหลไร้รอยต่อ
“พวกแกนั่นแหละตาย!”
การตั้งรับไม่ใช่วิธีของฉู่ชวิ๋น เขาชอบเป็นฝ่ายบุกมากกว่า
ฉู่ชวิ๋นมีความเร็วมากกว่าความเร็วเสียงถึงห้าเท่า การเคลื่อนไหวร่างกายของเขาทำให้เกิดแรงเสียดสีกับสายลม
กำปั้นของเขาต่อยออกไปส่งเสียงเหมือนฟ้าคำราม ผู้ที่เป็นเป้าหมายของชายหนุ่มก็คือหลางมู่นั่นเอง
เปรี้ยง!
พลังลมปราณของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน แรงระเบิดแพร่กระจายในวงกว้าง รุนแรงระดับที่ทำให้ศิลาใหญ่แตกกระจายในพริบตา
หลางมู่เซถอยหลังไปหลายก้าวจากแรงหมัด
ฉู่ชวิ๋นหมุนตัวพริ้วไหว พลัน ร่างของเขาก็มาปรากฏอยู่เบื้องหน้าหวงไห่ในวินาทีต่อมา แล้วชายหนุ่มก็รัวกำปั้นใส่ฝ่ายตรงข้ามไม่ยั้งมือ
หวงไห่ก็ต่อยหมัดกลับมารัวๆ เช่นกัน
เปรี้ยง!
หวงไห่สูญเสียอาวุธวิเศษไปแล้วหนึ่งชิ้น ก่อนหน้านี้ก็ได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง ทำให้เมื่อเผชิญกับหมัดของฉู่ชวิ๋นอีกครั้ง ก็ได้แต่ต้องลอยกระเด็นออกไป
“เจ้าต้องตายสถานเดียวเท่านั้น!”
เฮยจงคำรามด้วยความโกรธแค้น ซัดพลังจากฝ่ามือกระแทกเข้าใส่ฉู่ชวิ๋น ต้องการทำให้ร่างของชายหนุ่มระเบิดกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ฉู่ชวิ๋นโคจรลมปราณคุ้มกายสีม่วงขึ้นมาห้อมล้อมรอบกาย
“ตู้ม” เกิดเสียงดังโครม
พลังลมปราณของฝ่ายตรงข้ามกระแทกเข้ากับลมปราณคุ้มกายอย่างรุนแรง
วูบ!
พลังลมปราณสีม่วงซัดสวนกลับเข้าใส่เฮยจงอย่างจัง
เฮยจงซัดพลังสวนกลับมาด้วยความไม่กลัวเกรง
ตู้ม!
พลังลมปราณจากหมัดของฉู่ชวิ๋นถูกฝ่ายตรงข้ามสลายไปได้ก็จริง แต่นั่นก็ทำให้เฮยจงถึงกับต้องเซถอยหลังไปหลายก้าว
กระบวนท่า สี่นิ้วกำราบมาร
ท้องฟ้าคำราม แผ่นดินสั่นสะเทือน นิ้วมือขนาดใหญ่ยักษ์เหมือนเสาหินร่วงลงมาจากท้องฟ้า ตรงดิ่งลงมาที่เหนือศีรษะของหลางมู่
หลางมู่ตะโกนสุดเสียง เงาของกรงเล็บหมาป่าที่ด้านหลังมันปรากฏขึ้นอีกครั้ง ก่อนทะยานขึ้นไปตะปบเข้าใส่นิ้วมือขนาดยักษ์ที่หล่นลงมา
เปรี้ยง!
เมื่อกรงเล็บหมาป่าปะทะเข้ากับนิ้วมือขนาดยักษ์ การระเบิดอย่างรุนแรงก็ตามมา พื้นดินยุบตัวลงไป นิ้วมือขนาดยักษ์ยังร่วงหล่นลงมาเรื่อยๆ ใกล้จะทับลงไปที่หลางมู่ทุกทีแล้ว
หลางมู่คำรามเสียงดัง รัศมีสีเหลืองปกคลุมทั่วร่างกาย เตรียมตัวตั้งรับการทับลงมาจากนิ้วมือยักษ์บนอากาศ
ตู้ม!
นิ้วมือยักษ์ระเบิดตัว หมอกควันและฝุ่นผงฟุ้งตลบในอากาศ ปกคลุมทั่วท้องฟ้าและดวงอาทิตย์
ฉู่ชวิ๋นกระโดดเข้าใส่หวงไห่เป็นรายต่อมา พร้อมกันนั้นก็ชกต่อยหมัดออกไปอย่างรุนแรง
เปรี้ยง…!
หมัดของชายหนุ่มสามารถสลายลมปราณคุ้มกายของหวงไห่ได้ทีละชั้น หากเปลี่ยนคนตรงหน้าเป็นผู้มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 9 มันผู้นั้นก็คงตายไปตั้งแต่หมัดแรกแล้ว
ขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นเป็นเหมือนเครื่องจักรสังหาร ไม่ว่าจะเป็นหมัดเท้าเข่าศอกหรือว่าหัวไหล่ ต่างก็เป็นอาวุธอันตรายของเขาทั้งสิ้น
ผลั่ก!
ฉู่ชวิ๋นตวัดเท้าเตะ แรงเตะของเขาฟาดเข้าใส่คู่ต่อสู้เหมือนกับเป็นแส้เหล็ก ทำให้หวงไห่ลอยกระเด็นไปไกลกว่า 1 กิโล
โครม!
หวงไห่ลอยไปกระแทกกับภูเขาหิน จนก่อให้เกิดเหตุการณ์เนินเขาถล่มตามมา
เมื่อถึงตอนนี้ เฮยจงโคจรพลังเต็มขีดจำกัด มันกู่ร้องสุดเสียงในขณะที่กระโดดเข้าใส่ฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นไม่เคยล่าถอย เขามีแต่เดินหน้าลุยเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับเฮยจง ชายหนุ่มก็โจมตีด้วยหมัดเท้าเข่าศอกและศีรษะอีกชุดใหญ่
ชายหนุ่มไม่ใช้พลังจิตวิญญาณ ไม่ได้ใช้วิชาใด ๆ นี่เป็นเพียงแค่กระบวนท่าศิลปะการป้องกันตัวพื้นฐาน แต่ฉู่ชวิ๋นกลับสามารถใช้ออกมาได้อย่างรุนแรงน่ามหัศจรรย์เหลือเกิน
ฉู่ชวิ๋นจำเป็นต้องลับฝีมืออยู่เสมอ เขาเพิ่งบรรลุขั้นแก่นแท้ลมปราณช่วงปลาย จำเป็นต้องเผชิญหน้าการต่อสู้อย่างดุเดือด เพื่อเสริมสร้างฐานให้แข็งแกร่ง
หวงไห่ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่แล้ว มันไม่มีทางต่อสู้กับฉู่ชวิ๋นได้เลย มีแต่ต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเดียวเท่านั้น
เปรี้ยง!
ฉู่ชวิ๋นกระแทกหมัดไปที่หน้าอกของเฮยจง เสียงทึบๆ เหมือนตีกลองดังขึ้นกังวานไปทั่วยอดเขา
ผลั่ก!
หลังจากนั้น เขาก็หมุนตัวเตะเข้าชายโครงฝ่ายตรงข้าม แรงกระแทกสั่นสะเทือนถึงระดับวิญญาณ
การโจมตีครั้งนี้นอกจากจะทำให้เฮยจงบาดเจ็บแล้ว นี่คือครั้งแรกที่มนุษย์มังกรดำรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แท้จริง
ยิ่งไปกว่านั้น เฮยจงยังรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว มันเองก็กัดฟันต่อยหมัดสวนกลับไปเช่นกัน แต่เมื่อหมัดกระทบถูกร่างกายของฉู่ชวิ๋น ก็รู้สึกไม่ต่างจากปะทะแผ่นเหล็กกล้า แรงสะท้อนที่ดีดกลับมา ทำให้ท่อนแขนสั่นเทาไร้ความรู้สึก
แต่เมื่อฉู่ชวิ๋นปล่อยหมัดกลับมาอีกครั้ง หรือตวัดขาเตะมันอีกหน ความเจ็บปวดเหล่านั้นก็เพิ่มขึ้นทวีคูณ
ความแข็งแกร่งของร่างกายฉู่ชวิ๋นทำให้เฮยจงรู้สึกพิศวง
มนุษย์มังกรดำร้องคำราม พยายามฉากตัวหลบหนีการโจมตีของฉู่ชวิ๋นอยู่หลายครั้ง แต่ก็ทำไม่สำเร็จ สุดท้ายก็มีสภาพไม่ต่างจากกระสอบทรายมีชีวิต
“อยากจะไปใช่ไหม เดี๋ยวฉันส่งไปเอง!”
ฉู่ชวิ๋นยกเท้าขึ้นถีบเข้าข้างลำตัวของเฮยจง พลังลมปราณระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
กร๊อบ!
เสียงกระดูกชายโครงของเฮยจงแตกหัก ตัวคนปลิวกระเด็นออกไป กระแทกเข้ากับก้อนหินใหญ่แหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี
วูบ!
พลัน หลางมู่กระโดดเข้ามาโจมตีด้วยรังสีอำมหิต มันซัดพลังจากฝ่ามือตรงเข้าใส่ฉู่ชวิ๋น มวลอากาศรอบกายระเบิดตัวปั่นป่วนไปทันตา
“อย่าเข้าไปใกล้มัน” เฮยจงร้องเตือนเสียงดัง ไม่สนใจเรื่องความขายหน้าอีกแล้ว
ฉู่ชวิ๋นมีร่างกายที่แข็งแกร่งมากเกินไป จะต่อสู้ระยะประชิดนั้นถือว่าเป็นการหาเรื่องใส่ตัว
แต่คำเตือนของเฮยจงมาช้าเกินไป หลางมู่ถลันกายเขามาถึงตัวฉู่ชวิ๋นแล้ว
ฉู่ชวิ๋นกําหมัดแน่น รัวกำปั้นออกไปเน้นๆ ลมปราณสีม่วงระเบิดตัวสลายการโจมตีของหลางมู่ได้หมดสิ้น
หลังจากนั้น หลางมู่ถึงอยากจะถอนตัวก็ทำไม่ได้แล้ว
ฉู่ชวิ๋นอัดฝ่ายตรงข้ามด้วยหมัดเท้าเข่าศอกหัวไหล่ไม่มีกฎเกณฑ์ ทำทุกอย่างตามอำเภอใจ
ผลั่ก!
ร่างกายของมนุษย์หมาป่าที่ว่าแข็งแกร่ง ไม่อาจต้านทานหมัดของฉู่ชวิ๋นได้เลยสักนิดเดียว
หลางมู่ต่อยหมัดใส่หน้าอกของฉู่ชวิ๋นได้หนึ่งครั้ง ฉู่ชวิ๋นยืนนิ่งอยู่ที่เดิม แต่แขนของมันปวดร้าวไปหมดแล้ว
ฉู่ชวิ๋นดีดตัวเข้ามาตีเข่าเสยปลายคางของหลางมู่ ทำให้มนุษย์หมาป่าหงายหลังล้มตึงกระแทกพื้นดินเกิดเป็นรอยแตกร้าวรูปร่างมนุษย์
ผลั่ก…!
หมัดถูกต่อยซ้ำเข้าไปทำลายม่านพลังที่ห้อมล้อมรอบกาย หลางมู่ตกอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวสุดขีด เนื่องจากมันได้ค้นพบแล้วว่าความร้ายกาจไม่ได้อยู่ที่หมัดของฉู่ชวิ๋นเท่านั้น แต่ชายหนุ่มสามารถใช้อวัยวะส่วนอื่นๆ ของร่างกายเป็นอาวุธอันตรายได้ทั้งหมด
หลางมู่ส่งเสียงร้องโหยหวน รู้สึกเหมือนตนเองเป็นกระสอบทรายให้อีกฝ่ายใช้ซ้อมมือเล่น