“ยันต์คุ้มครองชีวิต? หลิ่วหมิงได้ยินก็อึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็มีปฏิกิริยาตอบสนองในทันที ก่อนที่จะยื่นแผ่นป้ายออกไป
ชายฉกรรจ์แซ่เหลยเพียงแค่แตะแผ่นป้ายเบาๆ จากนั้นก็เก็บกระบองสั้นเข้าไป และหยิบยันต์สีทองออกมามอบให้หลิ่วหมิงผืนหนึ่ง
“นี่คือยันต์แสงสีทอง เป็นยันต์หลบหลีกที่พบเจอได้น้อยมาก ถ้าหากพบศัตรูที่แข็งแกร่งเพียงแค่หยิบมันมาใช้ ก็สามารถหลบหลีกได้ด้วยความเร็วที่น่าตกใจ แม้แต่อาจารย์จิตวิญญาณโดยทั่วไปก็ไม่อาจไล่ตามได้ทัน” หลิ่วหมิงได้ยินเสียงที่ส่งมาของชายฉกรรจ์แซ่เหลยดังอยู่ข้างหู
“ขอบคุณอาจารย์อา!”
พอหลิ่วหมิงได้ยินก็มองออกไปด้วยความดีใจ จากนั้นถึงเก็บยันต์สีทองเข้าไปอย่างระมัดระวัง และไปยืนข้างๆ อย่างนอบน้อม
ทางด้านหูชุนเหนียงในเวลานี้ หลังจากที่นางตอบคำถามโจวเทียนเหอกับคนอื่นๆ อีกสองคนแล้ว ก็หยิบแขนอันแห้งเหี่ยวออกมา
โจวเทียนเหอตรวจสอบดูแขนข้างนั้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ทันใดนั้นหญิงอายุสามสิบกว่าปีก็เอานิ้วจิ้มแขนอันแห้งเหี่ยวก่อนที่เปลวเพลิงสีแดงจะลุกไหม้ขึ้นมา
ท่อนแขนอันแห้งเหี่ยวเผาไหม้ท่ามกลางเปลวเพลิงอันคุโชน แต่ผ่านไปไม่นานฉากอันน่าแปลกใจก็ได้บังเกิดขึ้น