ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 310
มีท่านย่าหม่าเป็นตัวตั้งตัวตี ในสายตาของทุกคนจึงมองว่าเขี้ยวหมาป่ากับหนังหมาป่าเป็นของดีมากสำหรับชาวบ้านอย่างพวกเขา
อย่างเช่นหนังหมาป่า ข้างนอกมีพวกเศรษฐีชาวบ้านอยากจ่ายเงินซื้อกันจะตาย
ถึงแม้ชาวบ้านอย่างพวกเขาจะอธิบายไม่ได้อย่างชัดเจนว่าทำไมหนังหมาป่าถึงรักษาโรคได้ แต่ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่สืบต่อกันมารุ่นต่อรุ่นได้ทำให้พวกเขารู้ว่า
หนังหมาป่ารักษาอาการเจ็บปวดตามไขข้อได้
โดยเฉพาะตรงเอว เข่า เวลาปวดขึ้นมาทีต้องกัดฟันทนเลยทีเดียว
พอมีของสิ่งนี้ เอามาห่มมาคลุม ใช้นานวันเข้าช่วยกันความหนาว แถมยังรักษาโรคไขข้อได้อีกด้วย
นอกจากนี้คนแก่ที่นอนติดเตียงมานาน หากเอาหนังหมาป่าทั้งผืนไปรองใต้ตัวก็ช่วยป้องกันแผลกดทับได้
แปลกไหมล่ะ ปูเจ้าสิ่งนี้ก็ไม่เป็นแผลกดทับแล้ว
นี่คือสรรพคุณในการรักษาโรคของหนังหมาป่า อันที่จริงการช่วยกันความหนาวหรือรักษาโรค ล้วนเป็นเรื่องรองในสายตาของชาวบ้านยุคโบราณ เรื่องหลักคือช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดี
ถูกต้อง ไม่ใช่แค่เขี้ยวหมาป่า กระดูกข้อต่อของหมาป่า ที่ช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายได้ หนังหมาป่าก็เช่นกัน
คนของสำนักคุ้มภัยหวงแหนของสิ่งนี้มาก
เล่ากันมาว่า คนพวกนั้นที่ออกไปคุ้มกัน ตกกลางคืนหลับสนิท ยกตัวอย่างเช่นมีคนร้ายเข้ามาต้องการทำร้ายพวกเขา หากมีหนังหมาป่าทั้งผืนคลุมร่างกายอยู่หรือรองอยู่ข้างใต้
ขนหนังหมาป่าที่อยู่ตรงช่วงคอก็จะตั้งขึ้นมาในขณะที่พวกเขามีอันตราย
เพื่อทิ่มหลังคอหรือหน้าคอคนที่กำลังหลับสนิทเป็นการเตือน
เรื่องนี้จริงเท็จไม่ทราบ
อย่างน้อยในสายตาของซ่งฝูหลิงก็รู้สึกว่า ยิ่งลือยิ่งไปกันใหญ่ นางคิดว่า หนังถูกถลกออกมาจากตัวของหมาป่าแล้ว ไร้ความรู้สึกไปแล้ว จะตั้งชันขึ้นมาได้อย่างไร คนร้ายเปิดประตูเข้ามา มีลมพัดผ่าน น่าจะลมต่างหากที่ทำให้ขนตั้งชันขึ้นมาได้
แต่ก็เพราะคำเล่าลือแบบนี้ ทุกคนถึงมองมันเป็นของล้ำค่า พยายามจะถลกหนังของหมาป่าที่ติดส่วนหัวมาด้วยให้ซ่งฝูเซิงให้ได้ หนังทั้งผืนที่มีดวงตา หาง หู เห็นแล้วชวนสยองสุดๆ อยากให้ซ่งฝูเซิงเอาไปรองนอน
ซ่งฝูหลิงตกใจจนแอบถลึงตาใส่พ่อเป็นการเตือน “ท่านพ่อ ถ้ากล้าเอาของสิ่งนี้ปูไว้ในบ้าน ข้าจะพาหมี่โซ่วหนีออกจากบ้านนะ”
ซ่งฝูเซิงอธิบายทันที “วางใจเถอะ ข้าไม่เอาของแบบนั้น ต่อให้แถมเงินมาด้วยก็ไม่เอามาปูหรอก”
น่ากลัว แค่ได้ยินเรื่องเล่าก็ขนลุกซู่แล้ว นอนยังฝันถึงตอนสู้กับหมาป่า
ตอนนั้นซ่งฝูเซิงพูดคำพูดนี้จบ เฉียนเพ่ยอิงก็ยิ้มอย่างไม่มีสาเหตุ
เพราะนางรู้จักผู้ชายของตัวเองดี นางคิดในใจ ดูความขี้กลัวของพ่อเจ้าสิ กลัวได้น่ารักจริงๆ
สรุปว่าหนังหมาป่าเป็นของดีในสายตาของทุกคน
ส่วนเขี้ยวกับกระดูกข้อต่อของหมาป่า อย่างหลังก็คือสิ่งที่คนทางเหนือเรียกว่า เก๋อลาฮา ชาวบ้านสมัยโบราณในวงกว้าง ยิ่งรู้จักความหมายในการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายเป็นอย่างดี อีกทั้งพวกเขาเชื่อฝังลึกโดยไม่สงสัย
กระดูกข้อต่อของหมาป่าหายากยิ่งกว่าเขี้ยวหมาป่า ก็ย่อมให้พวกเด็กๆ
อย่างเช่น ซ่วนเหมียวจื่อที่ประสบเคราะห์บ่อย เนียนปาน้อยที่ร่างกายซูบผอม หมี่โซ่วน้อยที่ร่ำรวย
ถูกต้อง ในสายตาของทุกคนที่ลี้ภัยมาด้วยกัน หมี่โซ่วกลายเป็นตัวแทนของเด็กร่ำรวยอย่างเป็นทางการ จะไม่ดูรวยได้อย่างไร ทุกคนต่างต้องมองเขาเป็นของล้ำค่า ดูที่ท่านแม่ทัพเล็กมาครั้งนี้สิ ไปไหนก็อุ้มไปด้วย กินข้าวยังต้องให้มานั่งข้างๆ
ต้องให้เด็กพวกนี้พกกระดูกข้อต่อหมาป่าไว้
ถ้าพกไว้ เวลานอนจะได้ไม่สะดุ้งตื่น
ท่านลุงซ่งเอามาร้อยใส่ด้ายแดงให้โดยเฉพาะ
อันที่จริงก็มีของซ่งฝูหลิงเหมือนกัน
แต่สาวน้อยพั่งยามีการต่อต้านจากจิตใต้สำนึกอันแรงกล้า ไม่ว่าใครจะพูดจนปากเปียกปากแฉะ อย่างไรนางก็ไม่พก
นางบอกว่า ‘เดิมทีนางก็ไม่เคยสะดุ้งตื่น หัวถึงหมอนก็หลับตลอด’
คำพูดนี้ทุกคนเชื่อ
เพราะตอนลี้ภัยที่ต้องนอนกันตามพื้น พั่งยาก็ยังหลับสบายได้ ก็ได้ ไม่เอาก็ช่าง
ซึ่งก็หมายความว่า แบ่งๆ กันไป เจ้าเอาเขี้ยวหมาป่าไปหนึ่งซี่ เจ้าเอากระดูกข้อต่อหมาป่าไปหนึ่งอัน ท่านย่าหม่าได้สร้อยข้อมือเขี้ยวหมาป่าสี่ซี่ มีหรือจะไม่ภูมิใจ
อย่ามาไม่รู้จักของดี นางมีของตัวเองเชียวนะ
เป่าจูตกใจ ถือผ้าขี้ริ้วในมือพร้อมถอยออกไปสองก้าว “เขี้ยวนั่น แตกแล้ว ยังจะพกไว้อีกหรือ” ไม่เคยได้ยินคนที่พกของแบบนี้กลับจะให้คนอื่นชมว่าสวยให้ได้
ท่านย่าหม่าทำเสียงจึ๊ สะบัดมือแล้วนั่งลงตรงโต๊ะคิดเงินพลางตอบ
“ฟันของคนเราก็แตกไม่ใช่รึ…
…แตกสิดี ก็แสดงว่าอายุเยอะแล้ว…
…ข้าจะบอกให้นะ ยิ่งเป็นเขี้ยวหมาป่าที่อายุเยอะก็ยิ่งปราบสิ่งชั่วร้ายอยู่หมัด…
…เมื่อวานพอมืดลง ช่วงหลายปีมานี้ข้าหลับไม่ค่อยสนิทนัก ยายๆ อย่างพวกนางตื่นขึ้นมาข้าไม่รู้ แต่ข้าหลับสบายดี…
…ช่างเถอะ ไม่ใส่แล้ว วางไว้ในร้านแล้วกัน ทิ้งของดีเอาไว้ในร้าน ร้านดีถึงจะเรียกว่าดีอย่างแท้จริง”
“หา?” เป่าจูเบิกตาโพลง
ท่านย่าหม่าพูด
“หาอะไร ทำไมเจ้าถึงได้เหมือนหลานสาวคนเล็กของข้า ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้…
…ต้องเชื่อนะ…
…โบราณว่าไว้ เรือดีกลัวลม ชะตาดีกลัวชง เรื่องบางอย่างเจ้าไม่เชื่อเรื่องสิ่งชั่วร้ายจะได้รึ…
…เมื่อก่อนชีวิตข้าไม่ได้ดีอะไร ครั้งนี้ล่ะจะได้ดีเสริมดวง…
…เจ้ารอดูเอาแล้วกัน พวกเรามีเขี้ยวหมาป่าสี่ซี่ของหมาป่าหนึ่งตัว วันหน้าก็มีแต่จะพบเจอสิ่งดีๆ ได้เก็บเกี่ยวแต่สิ่งดีๆ เงินเยอะ ทรัพย์เยอะไม่กลัดกลุ้ม”
พอพูดจบ คนที่เหมือนพ่อบ้านซื้อของเข้าจวนก็เข้ามาถามในร้าน “วันนี้ยังปิดอยู่ไหม”
“ไม่ปิดแล้ว แต่ขนมเค้กยังจัดเรียงไม่เสร็จ มีของอยู่ ท่านต้องการอะไรหรือ”
“ข้าเป็นพ่อบ้านสกุลไป๋ที่อยู่ทางตะวันออกของเมือง วันนี้มีแขกต้องรับรอง ขอเอาแบบที่ถูกปากหน่อย เหมาะสำหรับเหล่าคุณนายกับคุณหนู คุณชาย จัดแบบที่อร่อยที่สุดมา จริงสิ ได้ยินว่าร้านของพวกท่านมีขนมที่วาดรูปกระต่ายด้วยใช่หรือไม่ มีอยู่เท่าไหร่”
“วันนี้มีขนมเค้กม้วนกระต่ายขาวอยู่แค่สามสิบห้าชิ้น”
ผู้มาเยือนทำสีหน้ารังเกียจ “มีแค่นั้นเองหรือ มันไม่พอน่ะสิ แล้วยังมีอะไรอีกไหม เอามาด้วยแล้วกัน”
ท่านย่าหม่าได้ฟังก็แทบอยากตบต้นขาด้วยความดีใจ ฟังดูนะ ฟังดูสิ เพิ่งวางเขี้ยวหมาป่าลงตรงโต๊ะคิดเงินของนางก็มีเศรษฐีเข้ามาทันที
เดิมทียังคิดว่าวันนี้หิมะตกหนัก น่าจะขายได้ไม่ค่อยดี
ดูเหมือนท่านย่าหม่าจะมีดวงรับทรัพย์แบบนี้ เศรษฐีคนนี้ยังไม่ไป ทุกคนก็งานยุ่งขึ้นมาทันที จัดแจงห่อขนม แล้วก็มีลูกค้าเข้ามาอีกคน
เขาถามถึงขนมเค้กวันเกิด
สะใภ้เกาถูฮู เดิมทีคิดว่าลูกค้าต้องการขนมเค้กครีมสี่พี่น้อง จึงแนะนำชุดเก้าห้องไปให้ด้วย แต่ลูกค้าบอกว่าไม่ใช่ เอาตามภาพที่แขวนไว้ข้างนอกที่ราคาสิบตำลึง ต้องสั่งจองล่วงหน้ามิใช่หรือ เขาตั้งใจมาจอง เอาวันมะรืน
ท่านย่าหม่า ไอ๊หยาแม่จ๋า สิบตำลึง พวกเจ้าก็กล้ากินเนอะ สิบตำลึง มีคนซื้อจริงด้วย เมื่อก่อนนางขายไม่ถึงหนึ่งตำลึง
สะใภ้เล็กของท่านยายหวังหยิบสมุดภาพออกมาเปิดทันทีเพื่อให้ลูกค้าสั่งตามรูป
ภรรยาของซ่งฝูกุ้ยก็เข้าไปในห้องครัวทันที หยิบนมร้อนให้ลูกค้าทั้งสองดื่ม
จะทำชานมก็ไม่ได้ ชาแพง
แต่แค่นมไม่มีปัญหา ให้ฟรี ให้ลูกค้าเข้ามานั่งในร้าน ดื่มนมร้อนพลางรอพวกนางห่อสินค้า
ท่านยายเถียนดีใจ แอบเสียดายอยู่ในใจ เมื่อวานน่าจะมา ไม่ควรปิดร้านเลย จัดการหมาป่าเสร็จน่าจะอบขนมมาขายสักหน่อย ขายได้เล็กน้อยก็ยังดี ดูอย่างวันนี้สิ นี่ก็แสดงว่าขาดรายได้จากเมื่อวานไปไม่น้อยเลยนะ
ไม่ใช่แค่พ่อบ้านสองคนนี้ จากนั้นก็มีลูกค้ามาเรื่อยๆ รวมกันได้หกคน แต่ก็เป็นลูกค้าขาจร เข้ามาแล้วทำตัวเกร็ง กลัวจะทำพื้นเลอะ เท้ามีแต่หิมะ
แต่ทุกคนที่อยู่ในร้านต่างมีสีหน้าเดียวกัน ยินดีต้อนรับ กระตือรือร้นอยากให้เดินเข้าไปด้านในให้ได้
กลัวพื้นเลอะทำไม ของสิ่งนี้ทำมาให้เหยียบอยู่แล้ว ทั้งเอาน้ำอุ่นมาให้ เชิญนั่ง ดื่มน้ำพลางเลือกขนมเค้ก
เสี่ยวเอ้อร์ของร้าน อีผิ่นเซวียนก็มาด้วย
บอกว่าเถ้าแก่สั่งให้มาถามว่า เมื่อวานเกิดเรื่องอะไรที่บ้านหรือเปล่า ทำไมถึงไม่เปิดร้าน
คนของโรงน้ำชาก็มาด้วย
ท่านย่าหม่ามีสีหน้าเชิงขอโทษ ขอโทษด้วยจริงๆ เมื่อวานทำทุกคนเดือดร้อนแล้ว
ถูกต้อง ท่านย่าหม่าไม่ได้ขึ้นราคากับลูกค้าเก่า เมื่อก่อนขายเท่าไร ตอนนี้ก็ยังคงให้ราคาเดิม
แต่ก็ให้ราคานี้กับแค่ไม่กี่ร้าน
ในร้าน แค่ขนมไข่ชิ้นเล็กก็ขายสิบแปดเหวินแล้ว
เสี่ยวเอ้อร์ของร้านหนังสือที่อยู่ข้างกันก็มา บอกว่ามาสั่งให้แขกผู้ชายที่อยู่ในร้านหนังสือ พอถึงช่วงเที่ยง นักเรียนพวกนั้นจะซื้อขนมไปรองท้อง
ขายไปได้คนแล้วคนเล่า พอ ขายหมดก่อนอีกแล้ว ในตู้โชว์ไม่เหลือแล้ว
ท่านย่าหม่านับเงิน ยิ้มเสียจนตาหยี
กำไรแล้วกำไรแล้ว ไม่รู้จะเอาเงินไปใช้ที่ไหนแล้ว
เมื่อก่อนนับเงินทองแดง ตอนนี้นับก้อนเงิน
อารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก
ต้องทราบก่อนว่า วันนี้ที่ขายได้ไม่ใช่เพราะการช่วยเหลือจากคุณหนูสาม ลูกค้าเข้ามาซื้อเองทั้งนั้น
นางดีใจเสียจนเอามือลูบเขี้ยวหมาป่าพลางพูดพึมพำ “ช่วยหน่อยนะ สกัดสิ่งไม่ดีไว้นอกร้าน สกัดคนไม่ดีเอาไว้ ดวงข้าก็ย่อมดีขึ้นมา พอถึงปีหน้า ถ้าเจ้าทำได้ดี ข้าจะเลี่ยมพวกเจ้า
ในหมู่บ้าน
ก็มีคนตั้งใจข้ามแม่น้ำมาเพราะหมาป่าพวกนี้
หัวหน้าตระกูลเริ่นกับบรรดาลูกชายของเขามาหา
วันนี้หัวหน้าตระกูลเริ่นไม่ได้มาเพราะเรื่องในหมู่บ้าน แต่อยากมาขอร้องให้พวกซ่งฝูเซิงขายหัวใจหมาป่าให้พวกเขา