ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 727 ตื่นเต้นดีใจ
ตอนที่ 727 ตื่นเต้นดีใจ
ลู่เจียวกำลังคิดอยู่ นอกห้องก็มีเสียงคนดังมา ติงเซียงนำเนี่ยอวี้เหยา เถียนฮวนกับจู้เป่าจูสามคนเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ทุกคนเดินเข้ามาแล้วก็มองประเมินห้องโถงกลางตระกูลเซี่ยครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มเอ่ยกับลู่เจียวว่า “เจียวเจียว บ้านเจ้าใหญ่โตจริงๆ”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “เด็กๆ โตกันแล้ว ดังนั้นจึงต้องใหญ่หน่อย จะได้อยู่พอ ไว้พวกลูกๆ แต่ละคนแต่งงานก็จะได้มีที่อยู่เพียงพอ”
ลู่เจียวกล่าวจบ เนี่ยอวี้เหยาก็นั่งไม่ติด ส่งสายตาจ้องมองลู่เจียวตลอดเวลา
ลู่เจียวย่อมรับรู้ได้ ยิ้มให้นาง พลางขยิบตา ทำปากบอกว่าตระกูลข้ายินดี
เดิมนางคิดแค่ทำให้เนี่ยอวี้เหยาสบายใจ แต่คิดไม่ถึงว่าเนี่ยอวี้เหยาเห็นนางแสดงท่าทีเช่นนี้ ก็ถึงกับตื่นเต้นลืมตัวเอ่ยเสียงดังออกมาว่า “เจียวเจียว ตระกูลพวกเจ้ายินดีจริงหรือ”
ลู่เจียวเดิมไม่คิดเอ่ยเรื่องนี้ต่อหน้าเถียนฮวนกับจู้เป่าจู แต่คิดไม่ถึงว่าเนี่ยอวี้เหยาถึงกับตื่นเต้นถามออกมา นางได้แต่กล่าวว่า “ข้าถามลูกๆ แล้ว ต้าเป่าบอกว่าเขาชอบหลิงเสวี่ย ยินดีแต่งหลิงเสวี่ยเป็นภรรยา”
วาจานี้กล่าวออกมา เนี่ยอวี้เหยาก็ตื่นเต้นจนพูดไม่เป็นคำ “ต้าเป่ายินดีหรือ เขาบอกว่าชอบบุตรสาวข้าหรือ เขายินดีแต่งกับบุตรสาวข้าจริงหรือ”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “จริง ไว้ตระกูลเราจะให้แม่สื่อไปเจรจาที่ตระกูลพี่ดีหรือไม่”
“ดี ดี”
เนี่ยอวี้เหยากล่าวจบก็ถามอย่างห่วงใยว่า “ตระกูลเจ้าจะส่งแม่สื่อไปขอหมั้นหมายที่ตระกูลข้าเมื่อใด”
ร้อนใจเช่นนี้ทำให้ลู่เจียวไม่รู้ว่าควรกล่าวอันใดดี
ในห้องโถง เถียนฮวนกับจู้เป่าจูสองคนมองพวกนาง เป็นนานก่อนจะตั้งสติได้
เถียนฮวนดีใจถามว่า “พวกเจ้าจะแต่งบุตรชายหญิงกันหรือ”
เนี่ยอวี้เหยายิ้มกล่าวว่า “ใช่แล้ว วันหน้าข้ากับเจียวเจียวไม่เพียงแต่เป็นพี่น้องบุญธรรม ยังเป็นญาติด้วย”
เถียนฮวนย่อมดีใจแทนพวกนาง แต่นอกจากความดีใจแล้ว นางก็คิดถึงจ้าวอวี้หลัว ที่เอาแต่บ่นถึงเอ้อร์เป่าก็อดเอ่ยขึ้นไม่ได้ว่า “เจียวเจียว หรือว่าพวกเราแต่งบุตรชายหญิงกันด้วยดีไหม”
ครั้งนี้ลู่เจียวปฏิเสธทันที “เจ้าอยากให้จาวอวี้หลัวแต่งเข้าตระกูลเราหรือ ไม่ได้ ตอนนี้เอ้อร์เป่าไม่อยู่เมืองหลวง เขาอยู่ค่ายทหาร ข้าจะไม่จัดการให้เขาด้วยตนเอง ต้องรอให้วันหน้าเขากลับเมืองหลวงจึงจะเอ่ยถามเรื่องนี้”
พอมาคิดถึงจ้าวอวี้หลัว ลู่เจียวก็มองไปยังเถียนฮวนกล่าวว่า “ข้าไม่อยากให้จ้าวอวี้หลัวรอเอ้อร์เป่า ตอนนี้นางสิบสี่แล้ว ก็ควรได้วัยหาคู่ครองแล้ว เอ้อร์เป่าเราเข้าประจำกองทัพ คงไม่ได้กลับมาอีกหลายปี ถึงตอนนั้นเขากลับมา จ้าวอวี้หลัวก็โตแล้ว และตอนนั้นหากเอ้อร์เป่าไม่อยากแต่งกับนาง นางก็เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์แล้ว”
ลู่เจียวพลันคิดถึงความเป็นไปได้หนึ่ง ก่อนหน้านี้จ้าวอวี้หลัวคอยตามตื๊อพระเอกในนิยาย เป็นตัวประกอบร้ายหญิง ครั้งนี้คงไม่มาเกาะติดเอ้อร์เป่าเป็นตัวประกอบร้ายหญิงกระมัง
เถียนฮวนได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็ไม่ได้ไม่พอใจ เพราะจ้าวอวี้หลัวก็ไม่ใช่บุตรสาวนาง แม้ว่าหลายปีมานี้สองคนอยู่ร่วมกันได้ไม่เลว แต่ก็ไม่ใช่บุตรสาวนาง ย่อมไม่อาจก่อเกิดความรู้สึกเห็นใจจากใจแท้จริง ดังนั้นลู่เจียวกล่าวเช่นนี้ เถียนฮวนจึงไม่โมโห แต่กลับคิดว่าลู่เจียวพูดได้มีเหตุผล
“ข้ารู้แล้ว ไว้กลับไปจะเริ่มมองหาคู่ครองให้นาง”
ลู่เจียวพยักหน้า เถียนฮวนหันหน้าไปแสดงความยินดีกับเนี่ยอวี้เหยา “ยินดีกับพี่เนี่ยด้วย”
“อืม อืม”
เนี่ยอวี้เหยาดีใจมาก จู้เป่าจูเองก็แสดงความยินดีกับเนี่ยอวี้เหยา
เนี่ยอวี้เหยามีสีหน้ายินดีปรีดาราวกับมีแสงสาดส่องรอบตัว ทำให้คนมองแล้วก็รู้ว่ามีเรื่องมงคลใหญ่ยิ่ง
แต่นางดีใจก็ส่วนดีใจ พลันคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา มองไปยังลู่เจียวลองถามว่า “ข้าจำได้ว่าเจียวเจียวเคยบอกว่า ชายตระกูลเซี่ยอายุสิบสี่ไร้บุตรชายจึงจะรับอนุได้”
วาจานี้เอ่ยออกมา เถียนฮวนกับจู้เป่าจูสองคนก็พลันเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเนี่ยอวี้เหยาจึงจับจ้องตระกูลเซี่ย ที่แท้ก็เหตุนี้เอง
อย่าว่าแต่เนี่ยอวี้เหยา แม้แต่จู้เป่าจูเองก็หวั่นไหว แม้ว่าจู้เป่าจูแต่งกับเหวินเฮ่อเซิง เหวินเฮ่อเซิงบอกว่าวันหน้าไม่รับอนุ แต่ในความเป็นจริงเดิมเหวินเฮ่อเซิงก็รับอนุไว้แล้วสองคน ที่บ้านนอกจากบุตรชายหนึ่งหญิงหนึ่งจากภรรยาเดิมแล้ว ก็ยังมีบุตรชายจากอนุอีก
ตอนเหวินเฮ่อเซิงแต่งจู้เป่าจู อนุทั้งสอง คนหนึ่งป่วยตาย อีกคนถูกเหวินเฮ่อเซิงส่งไปเลี้ยงดูที่โรงบ้านนอกเมือง
ยุคสมัยนี้หาผู้ชายไม่รับอนุได้น้อยมาก ปกติในจวนขุนนางก็ต้องมีอนุสองสามคน คล้ายว่าการไม่รับอนุเป็นการเสียหน้า ดังนั้นคนปกติย่อมรับอนุ
ตอนนี้ตระกูลเซี่ยถึงกับมีกฎตระกูลว่าชายอายุสี่สิบไร้บุตรชายจึงจะรับอนุได้ เช่นนี้วันหน้าคนที่คิดแต่งเข้าตระกูลเซี่ย แค่คิดก็รู้ได้ มิน่าเนี่ยอวี้เหยาจึงคิดมาก่อนเช่นนี้
ลู่เจียวยิ้มมองไปยังเนี่ยอวี้เหยากล่าวว่า “วาจานี้ข้าเคยกล่าว เช้านี้ยังบอกกับพวกเขาอีกครั้ง พวกเขาล้วนรับปากแล้ว”
ยามนี้เนี่ยอวี้เหยาดีใจมาก ส่งเสียงรับคำไม่หยุดว่า “ดี ดี ดีมากๆ”
นางกล่าวจบก็วิ่งไปกอดลู่เจียวกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “เจียวเจียว ข้าเป็นห่วงมาทั้งคืน กลัวว่าตระกูลเจ้าจะไม่เห็นด้วย ตอนนี้ช่างดีจริง”
“เจียวเจียว เจ้ารู้ไหม วันหน้าพวกเราไม่เพียงแต่เป็นพี่น้องบุญธรรม ยังเป็นญาติกัน วันหน้าพวกเราก็เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ดีหรือไม่”
“ดี”
ลู่เจียวยิ้มรับคำเสียงหนึ่ง เนี่ยอวี้เหยาเพราะดีใจมากจนเกินไป จึงลืมเรื่องที่มาในวันนี้ไปหมดสิ้น นางหันหลังจะกลับ
“ข้าต้องกลับไปบอกหูซ่านเรื่องนี้”
ยังต้องบอกเรื่องนี้กับบุตรสาว ความจริงบุตรสาวนางชอบต้าเป่า เพียงแต่ไม่อาจเอ่ยออกมาตอนนี้ คาดว่าเมื่อคืนนางคงนอนไม่หลับ
ตอนนี้ต้าเป่าเองก็ชอบนาง พวกเขานับว่าเป็นดังกิ่งทองใบหยก ผูกพันกันมาแต่เล็ก ดีมากๆ
บุตรสาวนางวาสนาดีกว่านาง
เนี่ยอวี้เหยาหันหลังจะวิ่งออกไป ลู่เจียวสบตากับเถียนฮวนและจู้เป่าจู สุดท้ายลู่เจียวก็ไม่คิดเรียกเนี่ยอวี้เหยาไว้ กวักมือให้เถียนฮวนกับจู้เป่าจูเข้ามาคุยเรื่องการค้า
“ข้าวางแผนจะเปิดร้านเสริมความงามในเมืองหลวง ดังนั้นอยากให้พวกเจ้ามาร่วมด้วย พวกเจ้าอยากร่วมด้วยหรือไม่”
เถียนฮวนเป็นคนชื่นชมเลื่อมใสลู่เจียวอยู่แล้ว นางรู้ว่าขอเพียงเป็นการค้าที่ลู่เจียวคิดทำ ส่วนใหญ่ย่อมประสบความสำเร็จ ก็เอ่ยขึ้นทันทีอย่างดีใจว่า “ข้าเห็นด้วย”
จู้เป่าจูเองก็รีบกล่าวว่า “พี่ลู่ ข้าก็เห็นด้วย”
จู้เป่าจูรู้ว่าที่ลู่เจียวชวนนางก็เพราะสงสารนาง ไม่อยากให้นางอยู่เงียบเหงาคนเดียวในเมืองหลวง ลู่เจียวให้นางเข้าร่วมกับกลุ่มสหายนาง วันหน้านางก็จะไม่เงียบเหงาโดดเดี่ยวอีกแล้ว
ในใจจู้เป่าจูยิ่งแน่ใจกับความคิดที่ว่า พี่ลู่ก็คือคนในครอบครัวนาง
ลู่เจียวเห็นทั้งสองคนยืนยันเข้าร่วม ก็ยิ้มบอกเล่าแผนการเปิดร้านเสริมความงามกับทั้งสองคน วันหน้าต้องทำอันใดบ้าง
ขณะที่ทั้งสามกำลังหารือ นอกประตูก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งมารวดเร็ว เนี่ยอวี้เหยากลับมาอีกครั้ง
นางเข้ามาแล้วก็ยิ้มเก้อ กล่าวว่า “ข้าลืมเรื่องสำคัญไปเลย ควรลงโทษๆ ไว้เชิญพวกเจ้ากินข้าว”
เถียนฮวนรีบโบกมือยิ้มกล่าวว่า “ได้เลย รีบว่ามาจะเชิญเมื่อใด”
เนี่ยอวี้เหยาคิดอยู่ครู่หนึ่งกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินท่านแม่ข้าบอกว่าหากเจียวเจียวเข้าเมืองหลวง ท่านแม่ข้าจะจัดงานเลี้ยง ถึงตอนนั้นก็จะประกาศสถานะเจียวเจียว”
ลู่เจียวตกใจมองเนี่ยอวี้เหยา กล่าวว่า “อย่าดีกว่า ข้ากำลังคิดว่าพรุ่งนี้จะคารวะท่านแม่บุญธรรม ถึงตอนนั้นข้าจะบอกกับนางเองว่าไม่ต้องประกาศสถานะ”
เนี่ยอวี้เหยายิ้มกล่าวว่า “เจ้าอย่าเห็นว่าท่านแม่ข้านิสัยโอนอ่อน ความจริงยึดมั่นในความคิดมาก นางตัดสินใจแล้วย่อมไม่คืนคำ”
หากท่านแม่นางรู้ว่าหลานสาวตนเองวันหน้าแต่งเข้าตระกูลเซี่ย เกรงว่าก็คงยิ่งให้ความสำคัญกับเจียวเจียว ดีต่อเจียวเจียวมากยิ่งขึ้น เอาละ แต่นางไม่อิจฉาสักนิด
เจียวเจียวไม่เพียงแต่ช่วยพวกนางแม่ลูก ยังช่วยชีวิตท่านแม่นาง หากไม่ใช่นาง พวกนางสองแม่ลูกชีวิตนี้คงไม่ได้พบกัน