ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 774 ใสซื่อบริสุทธิ์
ตอนที่ 774 ใสซื่อบริสุทธิ์
ฮ่องเต้เห็นแล้วก็ดีพระทัย เดิมทรงรับองค์ชายรองกลับเข้าวังก็เพื่อกำราบองค์ชายใหญ่ คิดไม่ถึงว่าองค์ชายรองถึงกับโดดเด่นเช่นนี้
ฮ่องเต้ยิ่งคิดก็ยิ่งดีใจ ไม่เพียงแต่เห็นด้วยกับความคิดของหัวหน้าสำนักกั๋วจื่อเจี้ยน แต่ยังรับสั่งให้องค์ชายรองไปเรียนรู้ที่กรมคลัง
องค์ชายใหญ่สีพระพักตร์ดำคล้ำลงทันที ฮองเฮาทูลขอฮ่องเต้หลายครั้งว่าให้องค์ชายใหญ่ไปเรียนรู้งานในราชสำนัก แต่ฮ่องเต้ทรงไม่เห็นด้วย ปรากฏองค์ชายรองกลับมา ฮ่องเต้ก็ให้เขาไปเรียนรู้งานกรมคลัง
เรื่องนี้ไม่ใช่แสดงให้เห็นชัดว่าทรงเล็งเห็นความสามารถขององค์ชายรองหรือ
แม้ว่าสุดท้ายฮ่องเต้รับสั่งให้เข้าไปเรียนรู้เช่นกัน แต่องค์ชายใหญ่ไม่ได้รู้สึกดีพระทัย งานที่เขาได้มา คล้ายว่าได้มาเพราะองค์ชายรอง เขาจะดีใจได้อย่างไร
องค์ชายใหญ่โกรธแค้นเสด็จพ่อตนอยู่ไม่น้อย
ทำไมต้องไปมีบุตรชายเช่นนี้อยู่นอกวังด้วย ยังฝากเขาไว้ที่ตระกูลเซี่ย
หากไม่มีองค์ชายรอง เขาก็โดดเด่นเช่นกัน ตอนนี้พอมีองค์ชายรอง เขาก็ถูกเปรียบเทียบจมดินไป
อย่างน้อยที่สุดค่ำคืนนี้ในห้องทรงอักษร บรรดาขุนนางต่างตกตะลึงและชื่นชมความสามารถขององค์ชายรอง ผู้ใดก็ไม่ได้สนใจองค์ชายใหญ่เช่นเขา
เขาเป็นองค์ชายใหญ่ เป็นสายพระโลหิตสายตรงที่ถือกำเนิดจากพระชายาเอก เขาควรเป็นคนที่โดดเด่นสะดุดตา เขาควรเป็นคนที่ทุกคนจับจ้องมอง
เซียวเจินคิดไปก็มององค์ชายรองเซียวเหวินอวี๋ด้วยสายตาเย็นเยียบ แอบครุ่นคิดว่าจะจัดการคนผู้นี้อย่างไรดี มีเพียงทำลายเขาทิ้ง เขาจึงจะคว้าตำแหน่งรัชทายาทมาครองได้
เซียวเหวินอวี๋ย่อมรู้สึกได้ถึงความเคียดแค้นชิงชังขององค์ชายใหญ่ แต่เขาไม่สนใจ
เขารู้ว่านอกจากเขาไม่เข้าวัง แต่เข้าวังมาแล้ว เขาก็ถูกกำหนดให้เป็นปรปักษ์กับองค์ชายใหญ่เซียวเจินแล้ว
คิดถึงภพก่อนเพราะวาจาเซียวเจิน ทำให้พวกเขาพ่อลูกมีจุดจบสุดท้ายเช่นนั้น แววตาเซียวเหวินอวี๋ก็เย็นเยียบ มุมปากเม้มเป็นเส้นตรง
ในพระที่นั่ง ฮองเฮานำบรรดาขุนนางออกมารอรับเสด็จฮ่องเต้กับไทเฮา
“ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรไทเฮา”
ไทเฮาจ้าวยิ้มเอ่ยว่า “ลุกขึ้นได้”
นางกล่าวจบ มองไปยังฮองเฮา ไทเฮาเห็นฮองเฮาสีหน้าย่ำแย่ก็อารมณ์ดีขึ้นมา แต่พอนางเห็นลู่เจียวท่ามกลางบรรดาฮูหยิน แววพระเนตรยินดีของไทเฮาจ้าวก็เจือจางลงอยู่บ้าง
กล่าวตามตรง นางควรซาบซึ้งใจฮูหยินเซี่ยผู้นี้ เพราะนางช่วยบุตรชายนางไว้หลายครั้ง แต่พอคิดถึงว่านางเลี้ยงดูองค์ชายรองได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ไทเฮาก็ไม่พอพระทัย องค์ชายรองยอดเยี่ยมเกินไป อาจได้เป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจว ไม่เป็นผลดีต่อตระกูลจ้าวของนาง
ไทเฮาถอนสายพระเนตรกลับคืนมา หันไปบอกให้บรรดาขุนนางลุกขึ้นได้
พอบรรดาขุนนางใหญ่ลุกขึ้นแล้ว ฮ่องเต้ประคองไทเฮาเดินเข้าไป คนที่ตามมาด้านหลังก็รีบก้าวตามเข้ามาในพระที่นั่ง
คนไม่น้อยหันไปมองเซียวเหวินอวี๋ด้วยสัญชาตญาณ ไม่รู้ว่าเซียวเหวินอวี๋จะปฏิบัติต่อบิดามารดาที่เลี้ยงดูเขามาอย่างไร
เซียวเหวินอวี๋กลับไม่ได้คิดมาก พอเขาเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก็ดีใจเดินเข้าไปหาด้วยสัญชาตญาณ คิดเอ่ยเรียกพวกเขาคำหนึ่ง
แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นก้าวเข้าไปหาเขาก่อน “กระหม่อม ถวายพระพรองค์ชายรอง”
ลู่เจียวเองก็ตามเข้าไปติดๆ “หม่อมฉัน ถวายพระพรองค์ชายรอง”
เซียวเหวินอวี๋เห็นท่านพ่อกับท่านแม่เช่นนี้ ก็เข้าใจเจตนาของพวกเขาทันที ในใจเขานึกเสียใจอยู่บ้าง แต่กลับรู้ท่านพ่อกับท่านแม่ทำเช่นนี้เพราะหวังดีต่อเขา
ดังนั้นเขาจึงเก็บเสียงที่จะเรียกขานออกไป ยิ้มยื่นมือไปประคองพวกเขาขึ้นมา “ใต้เท้าเซี่ย ฮูหยินเซี่ยโปรดลุกขึ้น”
แม้ว่าไม่ได้เรียกท่านพ่อกับท่านแม่ แต่สนิทสนมกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นและลู่เจียวมาก
ในพระที่นั่ง ทุกคนเห็นการกระทำองค์ชายรองเช่นนี้ ก็ชื่นชมองค์ชายรองอย่างมาก หากวางตัวสูงส่ง พวกเขาจะคิดว่าเขาเป็นคนแล้งน้ำใจ กลับกันเขากลับรู้สึกว่าองค์ชายรองจิตใจใสซื่อบริสุทธิ์
ฮ่องเต้เบื้องหน้าทอดพระเนตรแล้วก็เลิกพระขนง ไทเฮาทรงเอ่ยชมว่า “เหวินอวี๋เป็นเด็กดี”
ฮ่องเต้พยักหน้า เซียวเหวินอวี๋เติบโตมาในตระกูลเซี่ย คนเขาทุ่มเทอบรมเลี้ยงดูมา สนิทสนมหน่อยจะเป็นอันใด นี่ไม่ใช่เพิ่งจะแยกจากกันหรือ รอให้นานวันเข้า เขาก็จะเหินห่างจากตระกูลเซี่ยเอง
งานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้นรวดเร็ว
ฮ่องเต้ทรงประกาศวัตถุประสงค์ของการจัดงานเลี้ยงในวังค่ำคืนนี้
“งานเลี้ยงในวังวันนี้เราจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองที่องค์ชายรองเข้าวัง หลังจากวันนี้ องค์ชายรองก็จะเป็นองค์ชายรองแคว้นต้าโจวเรา”
บรรดาขุนนางและฮูหยินต่างลุกขึ้นถวายพระพรแสดงความยินดีต่อฮ่องเต้
“กระหม่อมขอแสดงความยินดีที่ฝ่าบาททรงรับองค์ชายรองกลับเข้าวัง”
“ขอแสดงความยินดีกับฝ่าบาทที่ได้อยู่พร้อมหน้า”
ฮ่องเต้แย้มสรวล คืนนี้ทรงอารมณ์ดีมาก เพราะองค์ชายรองยอดเยี่ยมกว่าที่เขาคิดไว้มาก
เขาถึงกับรู้สึกว่าองค์ชายรองยอดเยี่ยมกว่าเขาเสียอีก หากคนเช่นนี้ได้เป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจว ถือเป็นวาสนาของแคว้นต้าโจว
ส่วนแม้องค์ชายใหญ่เซียวเจินเป็นองค์ชายใหญ่ที่ถือกำเนิดจากฮองเฮา แต่จิตใจคับแคบ เขาเพิ่งจะรับองค์ชายรองกลับมา ยังไม่ได้ทำอันใด เขาก็มีสีหน้าไม่ยินดีเช่นนี้ หากให้เขาขึ้นสู่ตำแหน่ง ไม่รู้ว่าจะปฏิบัติต่อน้องชายน้องสาวเช่นไร
แต่เรื่องพวกนี้ยังเร็วเกินไป
เซียวเหวินอวี๋เติบโตมาในตระกูลเซี่ย หากสนิทกับตระกูลเซี่ยมากเกินไปย่อมไม่ใช่เรื่องดี ในฐานะฮ่องเต้ นอกจากฉลาดแล้วยังต้องโหดเหี้ยมแล้งน้ำใจ การใช้ความรู้สึกนำทางไม่ใช่เรื่องดี
นับประสาอันใดกับบุตรชายตระกูลเซี่ยแต่ละคนล้วนยอดเยี่ยม หากเซียวเหวินอวี๋เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อนมากเกินไป วันหน้าแผ่นดินก็จะเป็นของแซ่เซียวหรือแซ่เซี่ยกัน
ฮ่องเต้ตัดสินใจพระทัยแล้วว่าจะค่อยๆ ดูต่อไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไม่ได้สังเกตฮ่องเต้มากนัก ไม่ต้องเดาก็รู้พระทัยฮ่องเต้
สรุป พวกเขาเป็นบิดามารดา หวังเพียงแค่ซื่อเป่าเข้าวังแล้วจะมีชีวิตราบรื่นปลอดภัย
ลู่เจียวถามเซี่ยอวิ๋นจิ่น “ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้ไปห้องทรงอักษรทูลฝ่าบาทเรื่องส่งโจวโย่วฉินเข้าวังหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่ายหน้า “ข้าได้ยินว่าฝ่าบาทกำลังทดสอบองค์ชายรองอยู่ในห้องทรงอักษร ข้าจึงไม่ได้ไป”
สาเหตุหลักก็คิดว่าทำตัวสงบเสงี่ยมไม่เป็นที่สังเกตสักหน่อยดีกว่า หากเขาไป คนเขาจะสังเกตเห็นและหันมาสนใจเรื่องของเขาแทน ดังนั้นเขาไม่ไปให้เป็นที่สะดุดตาผู้อื่นจะดีกว่า
ลู่เจียวพยักหน้ากล่าวว่า “อีกสักครู่ หากมีโอกาสก็ทูลฝ่าบาทสักหน่อย หากฝ่าบาทเห็นด้วยก็ส่งโย่วฉินเข้าวังมาเป็นเพื่อนซื่อเป่า เขาอยู่ในวังคนเดียวน่าเป็นห่วงมาก”
รอบกายมีแต่หมาป่าและพยัคฆ์ร้าย พวกเขาไม่วางใจจริงๆ
แม้ว่ารู้สึกผิดต่อโจวเส้ากง แต่โจวโย่วฉินตั้งใจแน่วแน่ที่จะเข้าวัง เขาไม่กินไม่ดื่ม ผู้ใดกล่อมก็ไร้ประโยชน์ สุดท้ายโจวเส้ากงก็ยินยอมกับการตัดสินใจของเขา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเดิมไม่เห็นด้วยที่จะเข้าวังเป็นขันที ไม่อาจก้าวออกจากวังตลอดชีวิต
เช่นนี้โหดร้ายเกินไปสำหรับโจวโย่วฉิน แต่ต่อมาโจวโย่วฉินมาคุกเข่าต่อหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว ขอให้พวกเขาให้เขาได้แสดงความจงรักภักดีดังใจปรารถนา
ชีวิตเขาโชคดีที่ได้รู้หนังสือ มีความสามารถเช่นนี้ได้ก็เพราะคุณชายสี่ เขามาอยู่ตระกูลเซี่ยได้สิบปีแล้ว มีชีวิตอย่างเบิกบานใจ เขาคิดจะติดตามคุณชายสี่ต่อ เขาไม่ได้สนใจแต่งภรรยาให้กำเนิดบุตร เหตุใดไม่อาจมีชีวิตที่ตนเองเบิกบานใจสักหน่อยกัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวรู้ว่าเขากล่าวเช่นนี้ ความจริงสาเหตุหลักก็เพราะเป็นห่วงซื่อเป่า
สองสามีภรรยาผ่านการคิดขัดแย้งในใจอย่างรุนแรงมาคืนหนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจให้โจวโย่วฉินเข้าวังเพราะเป็นห่วงซื่อเป่า
จะส่งโจวโย่วฉินเข้าวังก็ต้องทูลฝ่าบาทก่อน หากฝ่าบาททรงเห็นชอบ พวกเขาก็ส่งโจวโย่วฉินเข้าวัง หากฝ่าบาทไม่ทรงเห็นชอบ พวกเขาก็ทำอันใดไม่ได้