novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • anime
  • โดจิน
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
hotgraph Hydra888 เว็บสล็อต ดูบอลสด UFAC4 PANAMA888 lotto432 ufabet london168 newyork888 UFAZEED UFA1919 PG freefire เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350 เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด dgthai berlin777 nowbet

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - บทที่ 619 อยู่เย็นเป็นสุข

  1. Home
  2. ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
  3. บทที่ 619 อยู่เย็นเป็นสุข
Prev
Next

บทที่ 619 อยู่เย็นเป็นสุข

พอใกล้จะได้เวลากินข้าว กังจือถึงจะขี่จักรยานสามล้อกลับมา

“ล้างหน้าล้างมือแล้วมากินข้าวเถอะจ้ะ” หลินชิงเหอพูด

“ครับ” กังจือฉีกยิ้ม

คนในครอบครัวจึงนั่งกินข้าวด้วยกัน บางครั้งก็จะมีแขกเข้ามากินเกี๊ยวบ้างเป็นครั้งคราว ซึ่งโจวกุยหลายก็จะลุกไปทำ

“เนื้อไก่ตัวผู้นี้อร่อยจริง ๆ เลยครับ” เจียงเกิงพูด

“อร่อยจริง ๆ นั่นแหละ คุณน้าเป็นคนผัดใช่ไหมครับ?” กังจือพูด

“ฉันผัด” โจวกุยหลายพูด “พวกนายจะดื่มเหล้าไหม?”

เจียงเกิงบอกว่าอยากดื่มนิดหน่อย โจวกุยหลายจึงเทให้เขาสองแก้วเล็ก แล้วก็รินให้กับตัวเองเช่นกัน รวมทั้งรินให้พ่อของเขาด้วยสองแก้ว

ดื่มเหล้ากับเนื้อไก่ตัวผู้ คิดดูสิว่าจะสดชื่นขนาดไหน

“ไม่ดื่มแล้วดีกว่า เดี๋ยวฉันยังต้องไปตั้งแผงขายของอีก” โจวกุยหลายกำลังจะรินให้กังจืออีกหน่อย แต่กังจือกลับส่ายหน้าปฏิเสธแล้ว

“ทำไมนายต้องสู้ชีวิตขนาดนี้ด้วย” โจวกุยหลายพูด

ไม่เพียงหู่จือที่ขยันทำงานสู้ชีวิต กังจือเองก็ไม่ต่างกัน เขาทำงานตั้งแต่เช้าจนค่ำตลอด

“วันนี้ไม่พักสักหน่อยล่ะจ๊ะ?” หลินชิงเหอก็พูดเสริมด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะหู่จือหรือว่ากังจือ ทั้งสองก็เป็นหลานนอกตระกูลที่พัฒนาตัวเองจนก้าวหน้า

“ไม่ได้เหนื่อยอะไรมากหรอกครับ ก็แค่ไปตั้งแผงเอาไว้เฉย ๆ ไม่ต้องพักก็ได้ครับ” กังจือยิ้มพูด

พี่ชายของเขาย้ายทะเบียนบ้านมาที่ปักกิ่งแล้ว ทั้งซื้อบ้านทั้งแต่งภรรยา เรียกว่าตอนนี้เขามีความสุขมากแล้ว

ส่วนเขาในตอนนี้ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง แน่นอนว่าเขาก็ขอให้สามีของพี่ซื่อนีช่วยย้ายทะเบียนบ้านให้เขาเหมือนกัน ดังนั้นจึงต้องหาเงินให้ได้จำนวนหนึ่ง ตอนนี้มีบ้านเปิดให้ซื้ออีกแล้ว แต่ไม่มีหลังไหนเลยที่ขนาดเล็กเท่ากับบ้านของพี่ชายเขา ข้าวของอะไรอย่างอื่นก็ต้องใช้เงินไม่น้อย

นอกจากนั้นเขายังส่งกลับไปให้ที่บ้านแม่เขาด้วย ซึ่งตอนนี้เขามีเงินเก็บหมื่นกว่าหยวนแล้ว

แม้ว่าจะไม่น้อย แต่ครั้งก่อนแม่ยายของพี่ใหญ่เขาช่วยหาบ้านให้ บ้านนั้นเริ่มต้นมากกว่า 10,000 หยวนไปแล้ว อีกทั้งยังมีพื้นที่ไม่ใหญ่และค่อนข้างเก่า ซึ่งเขาดูแล้วไม่ชอบเลยสักนิด

น้าสะใภ้เขาบอกให้เขาเก็บเงินต่อไปไม่ต้องรีบ ต่อไปตึกอาคารพาณิชย์ก็จะเริ่มสร้างแล้ว หล่อนบอกให้เขารอไปซื้อตึกนั่น

แต่เป็นความจริงที่จำเป็นต้องมีเงินไม่น้อย ถึงอย่างนั้นกังจือก็ไม่สนใจ เขาคิดว่าการที่เขาฟังน้าสะใภ้พูดต้องไม่มีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงคิดว่าซื้อตึกอาคารพาณิชย์นี้แหละ

ตอนนี้การค้าขายดูจะดีกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย ถ้าเขาขยันล่ะก็รายได้พันหยวนต่อเดือนก็น่าจะทำได้ถึง

เมื่อก่อนไม่มีอะไรแบบนี้หรอก ต้องรอปีใหม่หรือเสื้อผ้าที่ออกมาใหม่เท่านั้นถึงจะสามารถขายดีระเบิดระเบ้อ

หลินชิงเหอก็ไม่พูดอะไรกับเขาแล้ว พูดเพียงว่า “ยังมีซุปไก่อยู่หม้อหนึ่ง เดี๋ยวกินอีกหน่อยสิ”

“ครับ” กังจือฉีกยิ้มกว้าง ค่าใช้จ่าย 20 หยวนต่อหนึ่งเดือนของเขานี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องอาหารการกินนี้ดีเกินไปมากจริง ๆ

เรื่องที่อยู่เขาก็ไม่ต้องจ่ายเงิน ตอนนี้เขาอาศัยอยู่ชั้นสองของร้านเกี๊ยวนี้คนเดียว

“ฉันได้ยินว่าช่วงนี้พี่หู่จือกำลังหาหน้าร้านแล้วใช่ไหม” โจวกุยหลายพูด

“ใช่” กังจือพยักหน้า

“หาได้หรือยัง เดี๋ยวนี้หน้าร้านไม่ใช่ถูก ๆ แล้ว” โจวกุยหลายพูด

ตอนนี้ร้านหน้าร้านหนึ่งก็ตั้งราคาขายอยู่ที่ 10,000 หยวนเป็นต้นไปแล้ว ยิ่งกว้างก็ยิ่งแพงขึ้นมาอีก

“หาได้ร้านหนึ่งทำเลพอใช้ได้ แต่ว่าต้องจ่าย 18,000 หยวน พี่ของฉันเลยบอกช่างมัน” กังจือพูด

ราคา 18,000 หยวนนั่นมันก็แพงเกินไปแล้ว!

“ถ้าทำเลดีก็บอกให้หู่จือซื้อเอาไว้เถอะจ๊ะ” หลินชิงเหอได้ยินก็พูดตอบ

“แพงเกินไปน่ะครับ” กังจือพูด

“ทำเลดีแต่ราคานั้นก็ไม่ถือว่าแพงหรอกจ้ะ สองปีมานี้ราคาก็พุ่งขึ้นเร็วมาก” หลินชิงเหอพูด

ที่จริงตอนนี้การที่ราคาบ้านแพงขึ้นก็ยังไม่ถือว่าเร็วไปนัก ที่ราคาแพงขึ้นจริง ๆ นั้นคือหลังจากนั้นต่างหาก แบบที่ผ่านไปคืนเดียวราคาขึ้น 2-3 เท่าก็มี นั่นจึงจะเรียกว่าของราคาขึ้นอย่างแท้จริง ช่วง 2 ปีมานี้ของขึ้นเท่าเดียว ไม่ถือว่าแพงนักหรอก

แน่นอนว่าหากเทียบกับเงินเดือนสมัยนั้นแล้ว เป็นราคาสูงมากอย่างไม่ต้องสงสัย แพงอภิมหาแพงอะไรแบบนั้นเลยล่ะ

ตอนนี้ฐานเงินเดือนเพิ่มขึ้นมาเยอะมาก แต่ก็เพียง 100 กว่าหยวนเท่านั้น ตัวอย่างเช่นหลี่อ้ายกั๋วกับโจวซานนีที่อยู่ร้านอาหารทะเลแห้งนั่น หลินชิงเหอให้เงินเดือนพวกเขาอยู่ที่ 300 หยวน พอรวมกับพวกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เวลา 1 ปีพวกเขาก็ยังมีเงินเก็บเหลืออยู่มาก

ครอบครัวนี้ถือว่าเป็นครอบครัวที่มีรายได้สูงทั้งคู่อย่างหาดูได้ยาก ส่วนมากแล้วคนที่มีรายได้สูงจะมีเพียงคนเดียว

แต่รอให้ปีนี้ผ่านพ้นไปแล้ว หลี่อ้ายกั๋วกับโจวซานนีก็จะสามารถใช้หนี้ทั้งหมดได้หมดแล้วเช่นกัน ก่อนหน้านี้พวกเขายืมไปซื้อหน้าร้าน ตอนนี้หน้าร้านของพวกเขาก็ยังคงปล่อยเช่าอยู่ พวกเขายังไม่ได้เริ่มทำธุรกิจ แต่ชีวิตก็ไม่ได้ขาดตกบกพร่องตรงไหน

เพียงแต่ไม่ได้ก้าวหน้ารวดเร็วอย่างหู่จือกับกังจือสองพี่น้องนี้ก็เท่านั้น

หลินชิงเหอก็เคยถามพวกเขาเช่นกัน แต่โจวซานนีตอบมาว่าหล่อนไม่รีบร้อนค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ต่อไปก็ยังมีโอกาสอีกมาก ตอนนี้จึงยังไม่รีบ

ในอนาคตยังมีโอกาสอีกมากและยังไม่ต้องรีบร้อนเลยนั้นเป็นความจริง ดังนั้นหลินชิงเหอจึงไม่ได้พูดอะไรมาก

หน้าร้านก็ซื้อแล้ว ต่อไปคือซื้อบ้านอีกหลัง ชีวิตที่เป็นอยู่นี้ก็อยู่เย็นเป็นสุขดีอยู่แล้ว โอกาสยังมีอีกมาก

พักเรื่องโจวซานนีกับหลี่อ้ายกั๋วไว้ก่อน หลินชิงเหอคิดว่าถ้าหู่จือชอบร้านนั้นก็ซื้อเอาไว้เสียเถอะ

ตอนที่กังจือมาตั้งแผงลอยเขาก็พูดกับพี่ใหญ่ของเขาในเรื่องนี้ “ตอนที่พวกผมกินข้าวกันผมพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา น้าสะใภ้บอกว่าถ้าทำเลดีล่ะก็ให้ซื้อเอาไว้ อย่าได้ลังเล”

พอกลับบ้านมาตอนค่ำหู่จือจึงพูดเรื่องนี้ให้เฉินซานซานฟัง

ก่อนหน้านี้หู่จือมีเงินไม่น้อยเช่นกัน แต่ราคา 18,000 หยวนนั่น ทรัพย์สินของครอบครัวเขาต้องหายไปพอสมควรเลย

แน่นอนว่ายังพอจะเหลืออยู่บ้าง พวกเขาสองสามีภรรยาเลี้ยงลูกสาวหนึ่งคน ในหนึ่งเดือนให้เงินหลี่อวี้เฟิ่งแม่ของเฉินซานซาน 30 หยวน เป็นค่าที่หล่อนลำบากช่วยเลี้ยงลูกให้พวกเขา

เงินที่เหลือนั้นไม่ว่าจะจากการที่หู่จือไปตั้งแผงลอย หรือว่าเงินเดือนของเฉินซานซาน แน่นอนว่าเขาก็แบ่งบางส่วนส่งกลับไปให้บ้านแม่เขาด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก ส่วนมากเขาก็จะเก็บเอาไว้

แต่ถึงอย่างนั้น 18,000 หยวนก็ยังแพงมากอยู่ดี

“หรือว่าควรซื้อดีคะ? สายตาของน้าสะใภ้เชื่อถือได้มากที่สุด ฟังคำแนะนำที่น้าสะใภ้ให้ก็ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด” เฉินซานซานพูด

หู่จือยิ้มขมขื่น “ผมรู้ว่าคำแนะนำของน้าสะใภ้ไม่มีทางผิดพลาด แต่ร้านนี้มันแพงเกินไปหน่อย”

“แพงก็แพงค่ะ ยังไงคุณก็ไม่อาจตั้งแผงลอยแบบนี้ตลอดไปได้หรอกนะคะ ต่อไปยังไงคุณก็ต้องมีร้านเป็นของตัวเองอยู่ดี นี่สิถึงจะเป็นเรื่องเร่งด่วนจริง ๆ ของเรา” เฉินซานซานพูด

หล่อนช่วยหลินชิงเหอดูร้าน หากมีร้านเป็นของตัวเองก็จะได้เปิดกิจการที่เป็นร้านก็ตัวเองได้สักที ถึงตอนนั้นหล่อนสามารถเรียกน้องสาวข้าง ๆ ของหล่อนมาเฝ้าและดูแลร้านสองคนได้ หลังจากนั้นก็มาดูแลร้านของน้าสะใภ้อีกทางได้ไม่มีปัญหา

“ซื้อร้านมาแล้วหลังจากนี้ก็จะมีกิจการเป็นของตัวเอง พอขายได้กำไรดีแล้วเดี๋ยวก็คืนทุนให้เองค่ะ” เฉินซานซานพูดอีก

เพราะงั้นสุดท้ายหู่จือจึงพยักหน้าตกลง วันถัดมาเขาจึงไปหาเจ้าของหน้าร้านนั้น และให้เงิน 18,000 หยวนไม่ขาดเลยสักหยวนเดียว

แต่ตอนที่ไปรับโฉนด หู่จือก็กัดฟันแน่นเช่นกัน เพียงพริบตาเดียวเงินที่เก็บเอาไว้หายไปเกือบเก้าส่วน โดยเฉพาะหน้าร้านที่เพิ่งซื้อยังจำเป็นต้องซ่อมแซมตกแต่งร้านที่เขาต้องเสียไปอีก 200 หรือ 300 หยวน

หู่จือกับเฉินซานซานซื้อหน้าร้านแล้วก็มาบอกกับพวกเขาทางนี้

หลินชิงเหอพูดยิ้ม ๆ “ซื้อเอาไว้น่ะดีแล้วจ้ะ พวกเธอก็ช่วยเตือนกังจือไว้หน่อย ถ้าเกิดเจอร้านดี ๆ ก็ให้เขาซื้อไว้ด้วยเหมือนกัน”

“ไม่เอาหรอกครับ ผมอยากซื้อบ้าน บ้านผมยังไม่มีเลย เก็บไว้ซื้อตึกอาคารพาณิชย์ดีกว่า” กังจือพูด

เขาได้ยินที่น้าสะใภ้เขาบรรยายตึกนั้นให้ฟัง ก็รู้สึกว่าตึกอาคารพาณิชย์เป็นเหมือนกับห้องหรูในโรงแรม ถ้าเขาสามารถเข้าไปอยู่ได้มันจะวิเศษขนาดไหนกัน

ดังนั้นหน้าร้านเขาไม่คิดว่าจะรีบซื้อ แต่ตึกอาคารพาณิชย์นี้เขาต้องซื้อให้ได้สักห้อง!

……………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

การลงทุนบางครั้งมันก็ต้องเสียเยอะหน่อยล่ะค่ะ แต่ถ้าลงทุนดีก็จะได้ผลตอบแทนคืนกลับมาเอง สู้ ๆ นะหู่จือกังจือ

ไหหม่า(海馬)