ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 517 นายเหมาะกับผมแสกกลาง
ตอนที่ 517 นายเหมาะกับผมแสกกลาง
ในที่สุด หลินจินซานผู้ว่างงานในวันนี้ก็ตื่นและไปกินข้าวที่ร้านอาหาร ก่อนได้รับงานสำคัญคือ ‘ไปกำจัดวัชพืชที่โรงเรียนอนุบาล’
เซี่ยเหลยบอกว่าเขาจะฝากให้หลิวกุ้ยอิงดูแลความเรียบร้อยภายในร้านอาหาร หลินจินซานจึงกล่าวว่า “ลุงเซี่ย ถ้าผมเป็นคุณ ผมก็จะทำแบบนั้น เพราะผมคิดว่ามันคือเรื่องใหญ่ พวกคุณดูแลธุรกิจของตัวเองไป ส่วนผมจะทำธุระเล็กน้อยพวกนี้เอง”
หลินจินซานกินบะหมี่ก่อนเดินทางไปที่โรงเรียนอนุบาล
คุณแม่เซี่ยมองหลินจินซานผู้ขยันขันแข็งมีน้ำใจด้วยสายตาเอ็นดู
“หลานชายคนโตของฉันยุ่งตลอดทั้งวัน แต่เมื่อเห็นหน้าเขา ฉันก็มีกำลังวังชาแล้วก็มีความสุขมากเลยล่ะ”
นางมองลูกหลานที่นั่งอยู่ตรงหน้า ขณะรู้สึกว่าชีวิตของตนเต็มไปด้วยความหวังมากมาย
คุณแม่เซี่ยพูดกับหลิวกุ้ยอิงว่า “อิงจื่อ เธอควรไปร้านตัดผมบ่อย ๆ แล้วก็ส่งกับข้าวกระชับความสัมพันธ์กับชุนฟางหน่อยนะ แม่คิดว่าคู่ของจินซานกับชุนฟางยังมีความหวังอยู่บ้าง”
นางเตือนหลิวกุ้ยอิงด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถ้าทำงานเสร็จแล้ว พวกเรามาช่วยกันเตรียมข้าวให้เด็ก ๆ กัน ตอนนี้จินซานไม่ใช่เด็กน้อยแล้ว ถ้ามีผู้หญิงที่ไว้ใจได้ เราต้องคว้าโอกาสนั้นไว้ จะได้ไม่เสียใจทีหลัง”
หลิวกุ้ยอิงตอบว่า “คุณแม่ ฉันทราบแล้วค่ะ”
หลิวกุ้ยอิงชอบชุนฟางเด็กสาวคนนั้นเหมือนกัน หล่อนเป็นคนติดดินและทำงานที่ร้านของหลินเซี่ยด้วยความขยันขันแข็ง
ตอนนี้อาจารย์หวังเละเด็กคนนั้นอยู่ที่ร้านกันเพียงสองคน
ถ้าเด็กคนนั้นมีดวงสมพงศ์กับจินซานจริง ๆ หล่อนคงจะมีความสุขมาก
หลิวกุ้ยอิงรีบทำงานในครัวอย่างรวดเร็ว อยากตั้งใจทำงานหาเงินเพื่อเก็บไว้ให้จินซานและภรรยาในอนาคต
วันอาทิตย์
เฉินเจียซิ่งและหยางหงเสียมาที่ร้านใหม่ของหลินเซี่ย
ตอนนี้ในร้านเหลือเพียงหลินเยี่ยนคนเดียว เมื่อเห็นเฉินเจียซิ่งและแฟนสาว หล่อนก็รีบลุกยืนขึ้นทักทายพวกเขาอย่างรวดเร็ว
หลังจากพบเจอกันหลายครั้ง หลินเยี่ยนก็คุ้นเคยกับเฉินเจียซิ่ง ก่อนหน้านี้หล่อนรู้สึกไม่ชอบหน้าเขามาก แต่ตอนนี้หล่อนมีธุรกิจเป็นของตัวเองแล้ว เมื่อรู้ว่าเฉินเจียซิ่งพาแฟนสาวมาถ่ายรูปแต่งงาน หล่อนก็ปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นลูกค้า พูดทักทายทันที “พี่เจียซิ่ง พี่หงเสีย ยินดีต้อนรับค่ะ”
เฉินเจียซิ่งมองรอบ ๆ ร้านก่อนถามหลินเยี่ยน “พี่สะใภ้อยู่ไหนเหรอ?”
“พี่สาวฉันยังไม่มาเลยค่ะ”
เฉินเจียซิ่งถามอีกครั้ง “แล้วช่างภาพล่ะ?”
“ยังไม่มาเหมือนกันค่ะ”
เฉินเจียซิ่งกลอกตาเมื่อได้ยินอย่างนั้น “พวกเราจะถ่ายรูปแต่งงานได้ยังไง ในเมื่อไม่มีใครมาเลย?”
หลินเยี่ยนรีบตอบ “พวกพี่นั่งพักก่อนเถอะค่ะ อีกเดี๋ยวพี่สาวฉันแล้วก็ช่างภาพกำลังจะมาถึงแล้ว”
“ถ้างั้นหงเสียนั่งรอก่อนนะ”
เฉินเจียซิ่งพาหยางหงเสียไปนั่งด้วยกัน
หยางหงเสียสนใจเครื่องสำอางของหลินเยี่ยนมาก หล่อนจึงยืนมองอยู่ข้าง ๆ
หลินยี่ยนก็กระตือรือร้นที่จะแนะนำวิธีใช้อุปกรณ์แต่งหน้าให้หยางหงเสียอย่างมาก
หลังจากรอประมาณหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดหลินเซี่ยก็มาถึง
เขาสวมกางเกงขายาว เสื้อเชิ้ตสีขาว ผูกเนกไท และพาดเสื้อสูทไว้ที่แขน
เฉินเจียซิ่งประหลาดใจมากเมื่อเห็นชุดของเฉินเจียเหอ
“โห พี่ใหญ่ ทำไมแต่งตัวเหมือนเป็นเจ้าบ่าวเลยล่ะ”
“นายมาทำไมที่นี่?” เฉินเจียเหอเห็นว่าเฉินเจียซิ่งอยู่ที่ร้านเหมือนกันและกำลังจ้องมองตนอยู่
“ผมมาถ่ายรูป”
หลินเซี่ยค่อย ๆ ฉีกยิ้ม “วันนี้นายถ่ายรูปด้วยเหรอ? ทำไมนายไม่นัดล่วงหน้าเอาไว้ล่ะ?”
“ร้านเปิดตลอดไม่ใช่เหรอ? วันนี้เป็นวันหยุดเลยพากันมาที่นี่ พวกเราต้องนัดไว้ล่วงหน้าด้วยเหรอ?”
เฉินเจียซิ่งมองเฉินเจียเหอที่ตัดผมทรงใหม่และใส่ชุดอย่างเป็นทางการ จากนั้นหรี่ตาลงแล้วถามว่า “พี่ใหญ่ วันนี้พี่คงไม่ได้จะมาถ่ายรูปแต่งงานใช่ไหม?”
“ยินดีด้วย นายเดาถูก”
หลินเซี่ยแจ้งเขาว่าที่ร้านมีช่างถ่ายภาพประจำอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงอยากติดป้ายประกาศหาคนมาถ่ายรูปชุดแต่งงานและแขวนไว้ข้างหน้าร้านเพื่อโฆษณา
ในยุคนี้ยังมีคนที่บกพร่องในการอ่านและเขียน การแขวนป้ายข้อความทื่อ ๆ จึงไม่น่าดึงดูดใจเท่าการแขวนภาพ
เธอควรหาใครมาถ่ายรูปโฆษณาเหรอ?
ถ้าใช้รูปถ่ายของคนอื่น ก็คงจะมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ภาพถ่ายบุคคล
หากจะเชิญเซี่ยอวี่มาเป็นพรีเซนเตอร์ก็ย่อมได้ แต่ความจริงแล้วงานระดับนี้ไม่เหมาะสมกับชื่อเสียงของหล่อนเลย
ถ้าเธอออกปากขอเซี่ยอวี่ อีกฝ่ายจะต้องตอบตกลงทันทีอย่างแน่นอน แต่การทำเช่นนั้นจะเป็นการทำให้เซี่ยอวี่เสียภาพพจน์ในฐานะคนมีชื่อเสียงเสียเปล่าๆ
เพราะอาของเธอเป็นถึงราชินีของวงการภาพยนตร์
ส่วนเจียงอวี่เฟย หลังจากที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง ลินดาก็ต้องการเซ็นสัญญากับหล่อน ดังนั้นหล่อนจึงไม่สามารถรับงานเป็นการส่วนตัวได้
เมื่อคืนที่ผ่านมา เฉินเจียเหอได้ยินหลินเซี่ยพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็แนะนำให้หลินเซี่ยถ่ายรูปกับตนเองก่อน แล้ววางรูปแต่งงานของทั้งสองคนไว้เป็นภาพโฆษณา
พวกเขาพยายามประหยัดเงินด้วยการแขวนรูปถ่ายของตนเอง
แถมรูปร่างหน้าตาของทั้งสองคนก็ดูสะดุดตาไม่แพ้นางแบบและนายแบบ
หลินเซี่ยเก็บเรื่องนี้ไปคิด และตระหนักได้ว่าคำพูดของเฉินเจียเหอสมเหตุสมผลไม่น้อย
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เฉินเจียเหอจะใจกว้างและเต็มใจถ่ายแบบด้วยตนเอง
หลินเซี่ยมีความสุขมาก เธอจึงนัดแนะจางซ่วนให้มาถ่ายรูปงานชุดแต่งงานให้ตัวเองและเฉินเจียเหอในวันนี้
“ถ้าอย่างงั้นเข้าไปด้วยกันเถอะ” เฉินเจียซิ่งถามหลินเซี่ย “พี่สะใภ้ ช่างภาพของพี่อยู่ไหน? ผมกับหงเสียมาที่นี่เพื่อถ่ายรูปงานแต่งน่ะ”
พี่ใหญ่ของเขาไม่อยากจัดงานแต่งพร้อมกัน ดังนั้นจึงไม่เป็นไรที่จะถ่ายรูปแต่งงานวันเดียวกัน
ดังนั้นสิ่งนี้จึงเป็นความตั้งใจ ไม่ใช่ความบังเอิญ
“พวกนายก็ถ่ายวันนี้ด้วยเหรอ?” หลินเซี่ยมองและถามพวกเขาด้วยสีหน้าลำบากใจ
“ถูกต้อง ความจริงแล้วพวกเราต้องมาเมื่อวาน แต่ลางานไม่ได้น่ะ วันนี้เป็นวันหยุด พวกเราเลยจะมาถ่ายภาพเอาไว้”
เฉินเจียซิ่งเห็นว่าหลินเซี่ยประหม่า เขาจึงขมวดคิ้วพร้อมถาม “มีอะไร? พวกพี่ไม่อยากให้พวกเราถ่ายด้วยกันเหรอ?”
“ไม่ใช่ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ พวกเราดีใจมาก จะไม่อยากให้พวกนายมาถ่ายรูปด้วยกันได้ยังไง? อีกสักพักช่างภาพจะมาถึงแล้ว ฉันจะลองถามเขาก่อนว่าเขาไหวไหมถ้าต้องถ่ายรูปพวกเราทั้งสองคู่”
ถ้าจางซ่วนมีธุระในตอนบ่าย เขาก็ทำได้เพียงถ่ายรูปให้เฉินเจียซิ่งและแฟนสาวก่อน
ลูกค้าคือพระเจ้า ดังนั้นเธอจึงต้องทำให้พวกเขาพึงพอใจเป็นอันดับแรก
“พวกนายเลือกชุดก่อนเลย”
หลินเซี่ยพาหยางหงเสียไปที่ราวแขวนชุดแต่งงานแล้วพูดว่า “หงเสีย คุณเลือกใส่ชุดที่คุณชอบได้เลยนะคะ”
เฉินเจียซิ่งเสียใจที่ไม่ได้นำชุดสูทของตัวเองมาด้วย เมื่อเห็นพี่ชายสวมชุดของตัวเอง
ขณะเดียวกัน เมื่อเลือกดูเสื้อเชิ้ตและชุดสูทราคาถูกที่ร้านเตรียมไว้ให้ เฉินเจียซิ่งก็ไม่ชอบเล็กน้อย
ชุดเดรสเจ้าสาวห้าถึงหกชุดเป็นสีแดงทั้งหมด ไม่ต่างกับชุดสูทและเสื้อเชิ้ตเจ้าบ่าวสองชุดที่แขวนอยู่บนราว
ไม่มีตัวเลือกมากกว่านี้
ไม่นานจางซ่วนก็เข้ามาพร้อมกับสะพายกระเป๋าใส่กล้องไว้ข้างหลัง
เมื่อจางซ่วนรู้ว่าต้องถ่ายรูปของพวกเขาทั้งสองคู่ เขาก็ตอบทันทีว่าไม่มีปัญหา ตราบใดที่ไม่แต่งหน้าและเปลี่ยนชุดช้า การถ่ายภาพก็จะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
เฉินเจียซิ่งพูด “พี่สะใภ้ รีบแต่งหน้าให้หงเสียเถอะ”
“เสี่ยวเยี่ยนจะแปลงโฉมหงเสียเอง”
หลินเซี่ยมองหยางหงเสียด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า ไม่ต้องห่วงนะคะ เด็กคนนี้เชี่ยวชาญการแต่งหน้าและทำผมเจ้าสาวมาก ถ้าคุณไม่พอใจ คุณสามารถล้างเครื่องสำอางแล้วแต่งใหม่ได้ค่ะ”
“ปล่อยให้เสี่ยวเยี่ยนแต่งหน้าให้ฉันเถอะค่ะ ฉันเฝ้าดูเธอมาสักพักแล้ว รู้ว่าเสี่ยวเยี่ยนเชี่ยวชาญมาก”
หลินเยี่ยนเตรียมอุปกรณ์แต่งหน้า ขณะที่หยางหงเสียเปลี่ยนเป็นชุดเจ้าสาวก่อนที่จะเริ่มแต่งหน้า
“พี่สะใภ้เตรียมชุดเจ้าสาวไว้เยอะเลย แต่ทำไมไม่เตรียมชุดสูทของผู้ชายที่คุณภาพดีกว่านี้ไว้บ้างล่ะ ดูเสื้อตัวนี้สิ จุ๊ ๆ มันดูราคาถูกเกินไปน่ะ”
เฉินเจียซิ่งรู้สึกรังเกียจขณะสวมมัน
หลินเซี่ยพูดไม่ออก “ชุดพวกนั้นเพิ่งซื้อมาใหม่ทั้งหมด ทำไมนายถึงไม่ชอบมันล่ะ?”
หลังจากเปิดร้านได้หนึ่งปีครึ่ง ต่อให้เสื้อผ้าขาดเพราะอายุการใช้งาน หรือขาดเพราะถูกสวมใส่ซ้ำไปมา ลูกค้าคนต่อไปก็ต้องทำใจสวมมันไม่ใช่เหรอ?
ในสมัยนี้ เสื้อผ้าที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดคือชุดสูทของผู้ชายที่สามารถพบได้ตามถนนทั่วไป ดังนั้นหลินเซี่ยจึงไม่ได้เตรียมชุดสูทไว้หลายตัวนัก
เพราะบางคนก็สวมเสื้อผ้าของตนเอง
เฉินเจียซิ่งเหลือบมองเฉินเจียเหอที่แต่งตัวดูดีแล้วพูดว่า “ทำไมพี่ใหญ่ถึงเตรียมเสื้อผ้ามาเองล่ะ? พี่ก็ไม่ชอบชุดพวกนี้เหมือนกันเหรอ?”
หลินเซี่ยอธิบาย “พี่ใหญ่ของนายตัวสูง ส่วนเสื้อผ้าที่ร้านเราเตรียมไว้ทั้งหมดเป็นไซส์ยอดนิยม ดังนั้นเขาจึงใส่ไม่ได้”
เฉินเจียซิ่งก้มศีรษะมองดูตัวเอง
เขามีส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามเซนติเมตร เลยสวมชุดสูทได้พอดีตัว
ส่วนพี่ใหญ่สูงหนึ่งร้อยแปดสิบสองเซนติเมตร ซึ่งสูงกว่าเขามาก
หลินเซี่ยกำลังทำผมของหยางหงเสียอยู่ ขณะที่เฉินเจียซิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วและกำลังฉีดสเปรย์จัดแต่งทรงผม
แต่เขาฉีดสเปรย์มากเกินไปจึงทำให้ผมแสกกลางและเกาะกันเป็นก้อน
“พี่ใหญ่ ผมดูเป็นไงบ้าง?” เฉินเจียซิ่งหันไปถามเฉินเจียเหอด้วยความมั่นใจ
เฉินเจียเหอหันมองเขาแล้วตอบว่า “หล่อมาก”
ไม่ง่ายเลยที่เฉินเจียซิ่งจะได้รับคำชมจากพี่ชาย เขามีความสุขมากก่อนเดินไปที่หน้ากระจกพร้อมกับหวีผม แต่เมื่อเห็นผมแสงกลางของตัวเองที่สะท้อนในกระจก สีหน้าของเขาก็แข็งทื่อ
“เฉินเจียเหอ พี่แกล้งฉันเหรอ? โกหกฉันใช่ไหม?”
เฉินเจียเหอ “มันเหมาะกับนายแล้ว”
เฉินเจียซิ่ง “!!!”
เขามองค้อนหลินเซี่ยพร้อมบ่นพึมพำ
“พี่สะใภ้ ช่วยคุมพี่ใหญ่ผมหน่อยได้ไหม เขาปากเสียเกินไปแล้ว น่าเสียดายที่เขาไม่เป็นใบ้ไปซะ พูดออกมาได้ยังไงว่าผมเหมาะกับทรงผมแสกกลาง พี่ยังเป็นพี่ใหญ่ของผมอยู่หรือเปล่า?”
หลินเซี่ยมองทรงผมของเฉินเจียซิ่งแล้วอดหัวเราะไม่ได้เมื่อได้ยินเขาเรียกทรงผมของตัวเองว่าผมแสกกลาง “ฉันว่ามันก็เหมาะกับนายเหมือนกันนะ นายเก่งจังเลยที่รู้ว่าตัวเองเหมาะกับทรงผมอะไร”
เฉินเจียซิ่งกลอกตาก่อนหวีผมอีกครั้ง
น่าเสียดายที่เขาฉีดสเปรย์จัดทรงมากเกินไป ตอนนี้ผมของเขาจึงเรียบแปล้ จึงทำให้ยากต่อการหวีและจัดทรง
จางซ่วนเริ่มหมดความอดทนเลยเริ่มเร่งรัด
“ค่ะๆ พวกเรามาแล้วค่ะ”
สุดท้ายหลินเซี่ยก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอจึงสั่งให้เฉินเจียซิ่งนั่งลงและจัดแต่งทรงผมให้เขาเสียใหม่
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โดนพี่ชายแกงเสียแล้วเจียซิ่งเอ๊ย ลำบากพี่สะใภ้ต้องจัดทรงผมใหม่ให้อีก
ไหหม่า(海馬)