ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 123 บันทึกท่องประจิมอันโด่งดัง
ฉินม่านอวิ๋นร้อนรนขึ้นมา รีบบอกไปว่า “คุณชายหลี่ ราคาของร้านนี้มิได้มากมายนัก ไม่ได้ออกเงินเท่าไรหรอก”
“มิได้มีความดีความชอบ ไหนเลยจะได้บำเน็จ ข้าพักที่นี่ไม่ได้หรอก” หลี่เนี่ยนฝานยังคงส่ายหน้า
ถ้าหากเป็นสินน้ำใจทั่วไปก็ยังไม่เป็นไร แต่เห็นได้ชัดว่าที่พักนี้หรูหราเกินไป ถ้าหากยังให้คนเขามาออกเงินให้อีก
ก็เห็นจะไม่ใช่สไตล์ของเขาเลย ไม่จำเป็นต้องติดค้างน้ำใจกันมากเกินไป
“คุณชายหลี่ ข้าได้รับประโยชน์จากบทเพลงที่ท่านมอบให้มากโข ทั้งยังเคยเชิญข้ากินอาหารอันโอชะ สำหรับข้าแล้ว เรื่องนี้ล้ำค่ากว่าเงินทองมาก อย่าได้ปฏิเสธน้ำใจเลย” ฉินม่านอว วิ๋นมองหลี่เนี่ยนฝานพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงใจ
หลี่เนี่ยนฝานจมอยู่ในภวังค์
ฉินม่านอวิ๋นเป็นเศรษฐีอย่างแน่แท้ สำหรับเศรษฐีแล้ว เงินทองย่อมไม่ได้มีค่ามากมายนัก ทว่าความชื่นชอบและความสบายใจนั้นสำคัญที่สุด นางชอบดีดฉิน ทั้งยังชอบลิ้มลองอาหารเลิศรส เห็นได้ชัดว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้นางมีความสุข ทรัพย์ศฤงคารย่อมไม่ได้นำมาใส่ใจ
คนรวยส่วนมากผูกไมตรีจิต มักไม่มองว่าอีกฝ่ายมีเงินหรือไม่ มองเพียงจิตใจ เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ไร้เหตุผลซะทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น หากว่ากันด้วยความมั่นใจในตัวเองแล้ว อาหารของเขาก็อร่อยจริงๆ นั่นละ สำหรับคนมีเงินแล้วก็นับว่าเป็นสิ่งที่ยากจะแลกมาได้ด้วยเงินทอง
“ก็ได้ งั้นข้าจะพักที่นี่ก็แล้วกัน!” หลี่เนี่ยนฝานผ่อนลมหายใจแผ่วเบา พูดต่อว่า “แต่ว่าข้าจะไม่อยู่โดยไม่ตอบแทนหรอกนะ เอาไว้จะทำอาหารให้เจ้าลองชิม”
ฉินม่านอวิ๋นเต็มตื้นอยู่ในใจ ตื่นเต้นจนน้ำเสียงสั่นเครือ “เช่นนั้นก็รบกวนคุณชายหลี่แล้ว”
บททดสอบ เมื่อครู่ปรมาจารย์ต้องทดสอบความจริงใจของข้าแน่
โชคดีที่ข้าใช้ไหวพริบผ่านไปได้ เกือบพลาดไปแล้ว ไม่ง่ายจริงๆ นะเนี่ย
หลี่เนียนฝานพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่รบกวนเลย ข้าก็เพียงทำอาหารง่ายๆ เท่านั้นเอง”
สีหน้าของจักรพรรดิลั่วดำทะมึนเป็นก้นหม้อ มุมปากกระตุกอย่างห้ามไม่อยู่ เขามิได้ชิงชังอื่นใดนอกเสียจาก
สมองอันโง่เขลาเบาปัญญาของตน จึงได้พลาดโอกาสอันยิ่งใหญ่นี้ไป
การออกแบบตกแต่ง เซียนเค่อจวีนั้นประณีตงดงามเป็นที่สุด ด้านในมีเวที ตั้งแต่ชั้นหนึ่งถึงชั้นสี่นั้นสร้างขึ้นไปเป็นรูปตัวอักษร ‘หุย(回) เพื่อให้ผู้ที่เข้ามากินอาหารนั้นสามารถ กินอาหารไปพลาง รับชมการแสดงไปพลาง ตั้งแต่ชั้นสี่ขึ้นไปก็คงจะเป็นห้องพักทั้งหมด
ฉินม่านอวิ๋นพาหลี่เนี่ยนฝานมายังตำแหน่งริมระเบียง สามารถมองลงไปเห็นเวทีด้านล่าง นับว่าเป็นมุมดีที่สุดมุมหนึ่ง
ในยามนั้น บนเวทีก็มีชายวัยกลางคนแต่งกายเป็นบัณฑิต ในมือถือพัด เล่าเรื่องราวจากหนังสือให้ผู้คนสดับฟัง
ทว่าสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของหลี่เนี่ยนฝานก็คือเนื้อเรื่องที่บัณฑิตผู้นี้เล่าอยู่นั้นคือบันทึกท่องประจิม หนำซ้ำยังเล่าเสียเป็นคุ้งเป็นแคว มีจังหวะจะโคน ชวนให้ตื่นตาต ตื่นใจ
บันทึกท่องประจิมโด่งดังจนถึงระดับนี้แล้วหรือ เจ้าบันฑิตดื้อดึงคนนี้คงไม่ได้ช่วยเผยแพร่เรื่องบันทึกท่องประจิมให้ฉันจริงๆ หรอกใช่ไหม
“เอ่อ คุณชายหลี่” ฉินม่านอวิ๋นมองหลี่เนี่ยนฝานทันใด ใบหน้าแฝงความรู้สึกสลดใจ เอ่ยว่า “ข้าเพิ่งมาถึงหุบเขาเมฆาคราม เตรียมจะไปทักทายประมุขหุบเขาเมฆาครามสักหน่อย จะไม่อยู่ที่น นี่สักระยะ เกรงว่าจะอยู่ด้วยไม่ได้”
จักรพรรดิลั่วและลั่วซืออวี่สบตากัน เอ่ยว่า “คุณชายหลี่ พวกข้าต้องไปเยี่ยมเยียนเพื่อนเก่าอีกหลายคนเช่นกัน”
“ไม่เป็นไร พวกท่านไม่ต้องสนใจข้า” หลี่เนี่ยนฝานยิ้มตอบอย่างไม่คิดมาก ผู้บำเพ็ญเซียนต้องมีการไปมาหาสู่กันเป็นธรรมดา พวกเขาอยู่เป็นเพื่อนปุถุชนอย่างฉันจนถึงตอนนี้ก็นับว่าม มีไมตรีจิตมากแล้ว
“จริงสิ แม่นางม่านอวิ๋น เหลือเพียงข้ากับต๋าจี่อยู่ที่นี่สองคน ไม่ต้องสั่งอาหารมามากนัก”
ฉินม่านอวิ๋นพยักหน้า “ข้ารู้ คุณชายหลี่โปรดวางใจ”
จากนั้น หลังจากที่พวกเขาบอกกล่าวกับหลี่เนี่ยนฝานเสร็จสรรพ ก็ทยอยออกจากเซียนเค่อจวีไป
ไม่นานนัก อาหารก็มาจัดวางขึ้นโต๊ะจานแล้วจานเล่าจนเต็มโต๊ะกลมพอดิบพอดี แถมยังจัดแต่งได้อย่างวิจิตรบรรจงและหลากหลายประเภท
หลี่เนี่ยนฝานยิ้มขื่นพลางส่ายหน้า “ฉินม่านอวิ๋นนี่นะ รวยจริงๆ เลย อุตส่าห์บอกว่าไม่ต้องสั่งอาหารมามาก ยังสั่งมาเยอะขนาดนี้ แถมครึ่งหนึ่งยังเป็นอาหารป่า ฉันชอบกินอาหารป ป่าขนาดนั้นเลยหรือ”
ในตอนนั้นเอง เด็กหนุ่มสวมอาภรณ์หรูหราก็สาวเท้าเข้ามายังชั้นสาม สายตาของเขากวาดมองไปรอบๆ สุดท้ายก็มาจับจ้องที่โต๊ะของหลี่เนี่ยนฝาน สีหน้าฉายแววประหลาดใจ ก่อนจะเร่งฝีเท้า เดินเข้ามา
“ทั้งสองท่าน ให้ข้านั่งตรงนี้ได้หรือไม่ ข้าเพียงมาฟังนิทาน ไม่ได้กินอาหาร อาหารมื้อนี้ของพวกท่านข้าเลี้ยงเอง ว่าอย่างไร”
“นั่งไปเถิด เรื่องอาหารไม่ต้องเลี้ยงหรอก” หลี่เนี่ยนฝานตอบอย่างยิ้มแย้มไม่ใส่ใจ
เด็กหนุ่มคนนี้สวมผ้าไหมแพรพรรณ มือทั้งสองข้างสวมกำไลทองคำเจิดจรัส ดูแล้วฐานะน่าจะไม่ธรรมดา ผูกมิตรไว้ย่อมไม่เสียหาย
เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว ตกใจในความใจกว้างของหลี่เนี่ยนฝาน พร้อมกับตอบไปว่า “ขอบคุณ”
คนผู้นี้เป็นปุถุชนแท้ๆ ได้มากินอาหารอยูในเซียนเค่อจวีนั้นย่อมไม่ธรรมดา ไม่เพียงสั่งอาหารสนนราคาสูงลิบ ถึงกับปฏิเสธมื้ออาหารที่ตนจะเลี้ยง ปุถุชนร่ำรวยเพียงนี้เชียวหรือ
หรือว่าจะซ่อนงำพลังไว้
เด็กหนุ่มลอบส่งกระแสจิตออกไปกวาดดูทั่วร่างของหลี่เนี่ยนฝาน
ไม่ผิดแน่ เป็นปุถุชน
เขาตรวจสอบดูอีกคราอย่างไม่มั่นใจ ครั้งนี้ถึงกับใช้อาวุธวิเศษของตน ทว่าผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นดังเดิม
ผู้บำเพ็ญเซียนไม่มีทางเก็บซ่อนพลังได้อย่างแนบเนียนนอกเสียจากมีพลังขั้นตู้เจี๋ยขึ้นไป คนคนนี้ดูเหมือนมีพลัง
ขั้นตู้เจี๋ยหรือ? เห็นชัดๆ ว่าไม่ใช่
หรือว่าจะเป็นเพียงปุถุชนจริงๆ?
หลังจากที่เด็กหนุ่มตื่นตะลึงอยู่พักหนึ่ง ก็ตั้งสติได้ และรวบรวมสมาธิไปยังบัณฑิตซึ่งกำลังเล่าเรื่องอยู่
เห็นทีคงจะเป็นแฟนคลับเรื่องบันทึกท่องประจิม
หลี่เนี่ยนฝานลอบหัวเราะในใจ นี่คือโลกบำเพ็ญเซียน บันทึกท่องประจิมนั้นเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเทพเซียน ที่โด่งดังได้ก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผล แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะดังเปรี้ ยงขนาดนี้ แม้แต่ผู้บำเพ็ญเซียนก็ยังติดกันงอมแงม ยังดีที่ตนไม่ได้ทิ้งชื่อจริงไว้ ไม่อย่างนั้นคงปวดหัวน่าดู
แม้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะตั้งใจฟังเรื่องราว แต่ก็คอยส่งสายตาเหลือบมองมายังหลี่เนี่ยนฝานเป็นครั้งคราว
สุดท้ายก็ทนไม่ไหว เอ่ยว่า “สหายท่านนี้ ข้าเห็นท่านจะขมวดคิ้วน้อยๆ ทุกครั้งที่กินอาหาร อาหารรสชาติไม่ถูกปากหรือ”
“รสชาติพอใช้ได้” หลี่เนี่ยนฝานยิ้มตอบ “เพียงแต่รู้สึกว่าน่าเสียดายอยู่บ้าง ถ้าหากองค์ประกอบของอาหารเปลี่ยนสักหน่อย คุมไฟให้ดี อาหารเหล่านี้จะรสชาติดีกว่านี้”
“โอ้?” เด็กหนุ่มคนนั้นชะงักงันไป หัวคิ้วขมวดมุ่น “คำพูดของท่านออกจะคุยโวไปหน่อยกระมัง ข้าไปสถานที่ต่างๆ มาไม่น้อย กินอาหารมามากมาย ต่อให้อาหารของเซียนเค่อจวีจะแย่กว่านี้ ก็ยังติดหนึ่งในสามอยู่ดี ท่านพูดเช่นนี้เห็นจะไม่เหมาะนัก”
เขามองหลี่เนี่ยนฝานโดยละเอียดอีกครา ความประทับใจเริ่มลดลงไปทุกที
ก็แค่ปุถุชนธรรมดา มิหนำซ้ำอายุก็ยังน้อย ชีวิตนี้จะไปมาสักกี่ที่ ได้กินอาหารมามากมายแค่ไหนกันเชียว
เซียนเค่อจวีเป็นสถานที่กินอาหารของผู้บำเพ็ญเซียน แม้แต่ผู้บำเพ็ญเซียนยังคิดว่าอร่อย เจ้าได้เข้ามากินก็นับว่าเป็นบุญแล้ว ถึงกลับกล้าเอ่ยวาจาด้อยค่า นี่ไม่ได้เป็นการเหยีย ยดหยามผู้บำเพ็ญเซียนทางอ้อมหรอกรึ