novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • anime
  • โดจิน
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
hotgraph Hydra888 xoslotz ดูบอลสด UFAC4 PANAMA888 lotto432 ufabet london168 newyork UFAZEED UFA1919 PG freefire เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350 เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด dgthai nowbet หวยออนไลน์

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 169 รุกจูบเอง

  1. Home
  2. ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
  3. ตอนที่ 169 รุกจูบเอง
Prev
Next

ท่าทางของจิ่วเยี่ยจริงจังและเคร่งขรึมยิ่งนัก การที่เขาพ่นคำพูดอันตรายออกมานั่นหมายความว่า ‘ห้ามขัดขืนเขาเป็นอันขาด’

มู่เฉียนซีรู้ตัวเองดีว่านางมิอาจขัดขืนบุรุษอย่างจิ่วเยี่ยได้ จึงยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี “จิ่วเยี่ย หากเจ้าสามารถหลับตาทำแผลให้ข้าได้ เช่นนั้นเจ้าก็ลงมือเลยเถอะ”

“เหตุใดข้าถึงต้องหลับตาด้วย มู่เฉียนซี เจ้าน่ามองเช่นนี้ จะให้หลับตาได้อย่างไร ?” จิ่วเยี่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

ทว่าคำกล่าวของเขาทำให้มุมปากมู่เฉียนซีกระตุกอย่างแรง บุรุษผู้นี้เห็นรูปร่างนางหมดแล้วทั้งตัว อีกทั้งยังมีหน้ามาบอกว่าน่ามอง อยากจะมองอีก นางควรฆ่าเขาให้ตายไปเสียเลยดีหรือไม่ ?

มู่เฉียนซีแทบคลั่ง น่าเสียดายที่ความคิดนี้คิดได้เพียงในใจเท่านั้น นางมิอาจทำอะไรคนอย่างจิ่วเยี่ยได้ ความแข็งแกร่งของนางกับความแข็งแกร่งของจิ่วเยี่ยแตกต่างกันเกินไป

ดวงตาสงบ ไม่มีร่องรอยของความโลภแต่อย่างใด เวลานี้จิ่วเยี่ยไม่ได้ป่วย เขาไม่มีอาการเฉกเช่นคราก่อน เพียงแค่พูดในสิ่งที่เขาคิดอยู่ภายในใจเท่านั้นเอง

มู่เฉียนซีกล่าว “แล้วถ้าหากข้าบอกว่าไม่ได้ล่ะ ?”

“ซี… ความแข็งแกร่งของเจ้ามิอาจสู้ข้าได้ ทางที่ดี หลีกเลี่ยงการใช้กำลังจะดีกว่า”

ชั่วขณะหนึ่ง มู่เฉียนซีรู้สึกว่าร่างของตนเองไม่สามารถขยับได้ นางทำได้เพียงมองดูจิ่วเยี่ยถอดเสื้อผ้า ทำแผลใหม่ให้เท่านั้น  เขาดูไม่เหมือนหมอเลย กลับดูเหมือนนักฆ่าเสียมากกว่า แต่ตอนนี้วิธีการทำแผลของเขานั้น ชำนาญราวหมอมาเองก็ว่าได้

จิ่วเยี่ยทำแผลพลางชื่นชมผิวของนางที่ขาวดั่งหิมะ ความชื่นชมนี้ของเขาเป็นความรักที่บริสุทธิ์ ภายในดวงตาสีฟ้าคู่นั้นไม่มีร่องรอยของเจตนาอันชั่วร้ายแฝงอยู่แต่อย่างใด

มู่เฉียนซีลอบพึมพำกับตัวเอง “จิ่วเยี่ยผู้นี้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก”

สายตาเช่นนี้… ถึงแม้ว่าเขาจะเห็นเรือนร่างนางหมดแล้ว แต่นางก็ไม่วายคิดอยากจะวางยาพิษให้บุรุษผู้เจ้าเล่ห์นี่ตาบอดไปเสีย

จิ่วเยี่ยแกะผ้าพันแผลแผ่นสุดท้ายออกก่อนจะนำเอาเสื้อสีดำยาวมาคลุมให้นางพลางกล่าวว่า “เสร็จแล้ว”

มู่เฉียนซีกัดฟันแน่น “จิ่วเยี่ย ข้าอยากจะฉีกเนื้อเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ นัก”

จิ่วเยี่ย “ได้ รอให้เจ้ามีพลังแข็งแกร่งกว่าข้า เจ้าอยากจะทำอะไรกับข้าก็ตามแต่เจ้าปรารถนา แต่ตอนนี้…”

มู่เฉียนซีโกรธระคนเจ็บใจเล็กน้อย นางรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเขาต้องการจะกล่าวอะไรออกมา เพียงแต่ตอนนี้นั้น พลังความแข็งแกร่งของนางช่างน้อยนิด นางอ่อนแอเกินกว่าที่จะแก้แค้นเขาได้

มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย ตอนนี้ข้าขอให้เจ้าหันหลังไปและไปยืนห่าง ๆ ข้าหน่อยได้หรือไม่ ? ข้าจะเปลี่ยนชุด”

จิ่วเยี่ยโอบกอดนางไว้พลางกล่าว “ซี… ข้าชอบที่เจ้าใส่ชุดของข้า”

มู่เฉียนซีไม่พอใจเล็กน้อย “จิ่วเยี่ย เจ้าชอบอะไรพิลึกพิลั่นนัก ข้าทนไม่ไหวจริง ๆ”

“ข้าชอบ เช่นนี้ร่างของเจ้าก็จะมีกลิ่นกายของข้าอยู่ตลอดเวลา” จิ่วเยี่ยเข้าใกล้มู่เฉียนซีและกระซิบเบา ๆ ข้างหูนาง

ดูเหมือนว่าจิ่วเยี่ยจะชอบให้นางสวมใส่อาภรณ์ของเขามาก

หิมะตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ร่างของทั้งสองแนบชิดติดกัน หัวใจสองดวงเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ  ในขณะที่จิ่วเยี่ยเงยหน้าขึ้นมานั้น ปลายจมูกของทั้งสองสัมผัสกัน

จิ่วเยี่ยกล่าวถามขึ้น “ซี… เจ้ายังไม่ลืมใช่หรือไม่ เรื่องที่เจ้าเคยให้คำมั่นสัญญาไว้กับข้า”

“คำมั่นสัญญาเรื่องอะไรรึ ?” มู่เฉียนซีเอ่ยถาม น้ำเสียงของจิ่วเยี่ยทำให้นางที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ได้สติกลับคืนมาทันที

“เจ็ดวัน”

เมื่อได้ยินคำว่า ‘เจ็ดวัน’ มู่เฉียนซีพลันตกใจ หัวใจสั่นสะท้านขึ้นมาทันที นางอยากจะคิดบัญชีกับบุรุษผู้นี้ยิ่งนัก แต่การคิดบัญชีกับจิ่วเยี่ย ผลลัพธ์คงจะออกมามิสู้ดี อีกทั้งยังดูรุนแรงอีกด้วย

นางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ มันเป็นเพียงแค่การจูบเท่านั้นมิใช่หรอกหรือ ?  ถือว่าเพิ่มประสบการณ์การจูบของตัวนางเองก็แล้วกัน

ร่างมู่เฉียนซียืนตรงอยู่ภายในอ้อมแขนของเขา ศีรษะเอียงเล็กน้อย สองมือยกขึ้นคล้องคอเขาเอาไว้ นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย กล่าวเสียงแผ่วเบา “จิ่วเยี่ย ทักษะการจุมพิตของเจ้าที่ผ่านมาไม่ค่อยเท่าไหร่  วันนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้สักคราว่าการจุมพิตที่แท้จริงมันเป็นเช่นไร”

แน่นอนว่าการที่นางกล่าวไปเช่นนั้น มิใช่เป็นเพราะว่านางมีประสบการณ์มาก่อนแต่อย่างใด เพียงแต่นางเคยเห็นผู้คนในสมัยปัจจุบันจูบกันบ่อย ๆ ก็เท่านั้นเอง แม้นางจะไม่เคยจูบกับใครมาก่อน แต่ก็เคยผ่านตามาบ้าง

ทว่าการตอบโต้ของมู่เฉียนซีทำให้ดวงตาจิ่วเยี่ยฉายแววอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ แววตาเช่นนี้ราวกับจะกลืนกินมู่เฉียนซีเข้าไปทั้งร่าง

“ซี… เจ้าคิดจะยื้อเวลาใช่หรือไม่ ?”

“ข้าเปล่าสักหน่อย”

ริมฝีปากอันแดงระเรื่อยื่นเข้าไปใกล้ จากนั้นจูบลงเบา ๆ อย่างนุ่มนวลและอ่อนโยนที่สุด  การจูบที่สมบูรณ์แบบนำพาความเสียวซ่านและความเร่าร้อนให้พุ่งเข้ามาในร่างกาย ทำให้มนุษย์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากครอบครอง

มู่เฉียนซีไม่คิดเลยว่าการจูบของนางจะทำให้มุมปากของจิ่วเยี่ยยกขึ้นเป็นรอยยิ้มได้

ในความคิดของเขา ดวงตาคู่นั้นของนางช่างมีเสน่ห์ยิ่งนัก

จากนั้นครู่หนึ่ง นางสามารถเปิดริมฝีปากของจิ่วเยี่ยได้ ลมหายใจของจิ่วเยี่ยร้อนผ่าว เขาเริ่มจูบดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ

ยุ่งเหยิงไปกันใหญ่แล้ว!

มู่เฉียนซีตกตะลึงอย่างยิ่งเมื่อเห็นเปลวไฟที่ลุกโชนภายในดวงตาคู่นั้นของจิ่วเยี่ย ดวงตาของนางเบิกกว้างแทบถลนออกมานอกเบ้า  อาการป่วยของจิ่วเยี่ยกำเริบขึ้นอีกแล้วรึ ?

ร่างมู่เฉียนซีแนบชิดติดกับร่างของจิ่วเยี่ย นางมีเพียงเสื้อคลุมยาวสีดำตัวเดียวเท่านั้นที่กั้นระหว่างร่างของทั้งสองเอาไว้

อันตราย!

มันช่างอันตรายยิ่งนัก!

ดวงตามู่เฉียนซีจ้องเขม็งอยู่ที่บุรุษผู้งดงามหาที่เปรียบมิได้ผู้นี้ จูบของจิ่วเยี่ยยิ่งยาวนานขึ้นเรื่อย ๆ

หลังจากที่จูบอันดุเดือดของจิ่วเยี่ยสิ้นสุดลง เขาก็โน้มตัวลงกล่าวกับนาง “ซี… เจ้าโกหกข้า”

“แท้จริงแล้วทักษะการจูบของข้าดีเลิศ” มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง

ปลายนิ้วอันเรียวยาวนุ่มนวลของเขาแตะสัมผัสวนรอบริมฝีปากของนางเบา ๆ และช้า ๆ “ข้าชอบยิ่งนัก!”

“ซี… เอาชุดของเจ้าออกมา”

มู่เฉียนซีนำเอาชุดกระโปรงยาวของนางออกมาจากพื้นที่ของนาง ทว่าจิ่วเยี่ยกลับขมวดคิ้วมุ่น เสื้อคลุมสีดำของเขาที่ให้นางเมื่อครู่นี้ฉีกขาดแล้ว ไม่อาจใส่ของเขาได้อีกแล้ว  นางก้มหยิบเสื้อคลุมสีดำของเขาบนพื้นขึ้นมาปิดตาเขาไว้

“จิ่วเยี่ย ปิดตาเจ้าเอาไว้ก่อน ห้ามขยับจนกว่าข้าจะเปลี่ยนชุดเสร็จ!”

ให้เขาใส่ยาทำแผลให้ก็เกินพอแล้ว ขืนยอมให้เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อีก มีหวังนางต้องบ้าคลั่งเป็นแน่แท้   ถึงแม้ว่าจิ่วเยี่ยจะไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปจนถึงจุดนั้น ทว่าเขาก็เป็นบุรุษ เป็นเพศตรงข้ามกับนางอยู่ดี

บนร่างกายนางไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์สวมใส่อยู่แม้แต่ชิ้นเดียว ร่างของนางเปลือยเปล่าทั้งหมด ขืนยอมให้เขาสวมเสื้อผ้าให้ มีหวัง…

ยังพอโชคดีที่นางมีปฏิกิริยาเร็ว ไม่เช่นนั้นคงต้องยิ้มทั้งน้ำตาเพราะบุรุษอย่างจิ่วเยี่ย

มู่เฉียนซีสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นเอาผ้าปิดตาจิ่วเยี่ยออก นางกลัวเขาโกรธอยู่หน่อย ๆ จึงเอ่ยปากกล่าวขึ้นว่า… “จิ่วเยี่ย มา… ประเดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้าใส่เสื้อคลุม”

จิ่วเยี่ยยอมให้นางสวมใส่ให้แต่โดยดี เขาไม่คิดปฏิเสธนาง เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าเสื้อผ้าสตรีต้องสวมเช่นไร  จึงพลาดโอกาสนี้ไปอย่างน่าเสียดาย ดูเหมือนว่าคราหน้าต้องรบกวนให้จื่อโยวช่วยสอนให้เสียแล้ว

จิ่วเยี่ยกล่าวกับนางว่า “คราหน้าหากข้าเรียนรู้ได้แล้วข้าจะสวมอาภรณ์ให้เจ้าเอง”

มู่เฉียนซี “อันที่จริงไม่เป็นไร นี่มันไม่จำเป็นเลย ข้าจัดการเองได้”

“จำเป็น”

อะไรก็ตามที่จิ่วเยี่ยตัดสินใจแล้ว มู่เฉียนซีมิอาจปฏิเสธได้  นางลอบพึมพำกับตัวเอง “หวังว่าชาตินี้เจ้าจะทำไม่เป็น” ทว่าเมื่อคิด ๆ ดูแล้ว ไม่ว่าเรื่องใดที่เขากล่าวว่าจะทำ เขาก็ต้องทำให้ได้

ทันใดนั้น เขาคว้าร่างนางมากอดพลางกล่าวว่า “ซี… ข้าจะพาเจ้าไปยังสถานที่หนึ่ง”

.