novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • anime
  • โดจิน
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
hotgraph Hydra888 xoslotz ดูบอลสด UFAC4 PANAMA888 lotto432 ufabet london168 newyork UFAZEED UFA1919 PG freefire เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350 เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด dgthai nowbet หวยออนไลน์

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 232 หายนะมาเยือน

  1. Home
  2. ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
  3. ตอนที่ 232 หายนะมาเยือน
Prev
Next

มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยัน “อย่าขยับมั่วซั่วซี่ หากพวกเจ้าขยับมั่ว ๆ นายน้อยของพวกเจ้าจะซวยเอาได้ ฮ่า ๆ ๆ”

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

ยอดฝีมือระดับราชาและระดับจักรพรรดิต่างก็ต้องยอมยั้งมือไปทีละคนสองคน ทว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาโกรธเกลียดมากที่สุดนั่นก็คือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของฝ่ายตรงข้าม พวกมั้นทั้งสามตัวยังคงโจมตีพวกเขาอยู่หลายกระบวนท่าอย่างต่อเนื่อง

— ขวับ!  ขวับ! —

ภายในชั่วพริบตาเดียวพวกเขาบาดเจ็บอย่างสาหัส

พวกเขาจ้องมองมู่เฉียนซีและทำหน้าตาบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บปวดสุดใจ ปากก็กล่าวว่า “พวกเจ้า…”

“พวกเจ้าปล่อยนายน้อยของข้าเดี๋ยวนี้!”

“เจ้าต้องการอะไรกันแน่ ?”

มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเจ้าสำนักจินติ่งกล้ามาขวางทางข้า ข้าก็คงต้องพานายน้อยของพวกเจ้าไปหาเจ้าสำนักของพวกเจ้า ให้เขาได้อธิบายเรื่องนี้ โทษฐานที่ทำให้ผู้นำตระกูลอย่างข้าตกใจ คงต้องชดเชยกันสักหน่อยแล้ว”

ผู้อาวุโวอิ๋นได้ยินวาจานาง พลันเบิกตากว้างดวงตาโปน เขารีบกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ผู้นำตระกูล เจ้าแทนตัวเองว่าผู้นำตระกูล เจ้าคือ…”

ทั่วทั้งทางตกของเซี่ยโจว ผู้นำตระกูลที่มีอายุน้อยเช่นนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นนั่นก็คือมู่เฉียนซี… ผู้นำตระกูลมู่

เพียงแต่ว่ามู่เฉียนซีไม่ใช่เป็นเพียงเด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ที่ไม่ได้เก่งกาจอะไรหรอกรึ ?

พวกเขามองไปที่ใบหน้าอันงดงามอย่างไร้ที่ตินั้น เหตุใดในตอนแรกพวกเขาถึงไม่ทันได้สังเกตว่านางคือมู่เฉียนซีผู้นำตระกูลมู่!

ในตอนที่เจ้าสำนักของพวกเขาไปยังสถานที่ลึกลับ ณ แคว้นจื่อเยี่ย ก็ถูกผู้นำตระกูลมู่หลอกจนสำนักจินติ่งของพวกเขาต้องสูญเสียสมุนไพรวิญญาณไปเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเสียยอดฝีมือระดับจักรพรรดิไปอีกสามคน

มาวันนี้นายน้อยของพวกเขาไปทำให้นางขุ่นเคืองเช่นนี้อีก ไม่รู้ว่าจะต้องชดใช้กันอีกตั้งเท่าไหร่!

ทันใดนั้นพวกเขาพลันรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว ผู้อาวุโสอิ๋นกล่าวด้วยความกลัวเกรง “ท่านผู้นำตระกูลมู่มีเรื่องอะไรก็ค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จากันจะดีกว่านะ เชื่อข้าเถอะ”

มู่เฉียนซียิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว “แน่นอน ข้าเป็นคนจิตใจดีอยู่แล้ว เช่นนั้นเราเดินทางไปสำนักจินติ่งกันดีกว่า”

ผู้อาวุโสอิ๋น “ท่านผู้นำตระกูลมู่ มีเรื่องอะไรก็คุยกันให้จบสิ้นเสียตรงนี้ก็ได้ เหตุใดถึงต้องไปหาท่านเจ้าสำนักกัน ? หรือว่าพวกเรา…”

มู่เฉียนซีกล่าวแทรกขึ้นมา “เวลานี้นายน้อยของพวกเจ้าแทบจะสิ้นเนื้อประดาตัวแล้ว เงินทองของพวกเจ้าก็เอาไปประมูลจนหมด ยาทะลวงพลังพวกนั้นต่อให้พวกเจ้ามอบให้ข้า ข้าก็ไม่สนใจใคร่อยากจะได้ แล้วตอนนี้พวกเจ้าคิดว่ามีของมีค่าอะไรที่จะชดเชยเป็นค่าตกใจให้ข้าได้บ้าง ?”

มุมปากเหล่าผู้อาวุโสสำนักจินติ่งกระตุก ทว่าพวกเขากล่าวอะไรไม่ออก ‘เจ้า… เจ้า…’

หากเจ้าสำนักของพวกเขาเห็นว่าพวกเขานำความหายนะนี้กลับไปที่สำนักจินติ่ง มีหวังเจ้าสำนักต้องเผาพวกเขาให้ตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หยุดกล่าววาจาไร้สาระได้แล้ว หากพวกเจ้าไม่นำทางไป พวกเจ้าได้มาเก็บศพนายน้อยของพวกเจ้าแน่ พวกเจ้าคิดว่าข้ากลัวสำนักจินติ่งเช่นนั้นรึ ?”

ตระกูลมู่ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวสำนักนิกายอย่างสำนักจินติ่งแม้แต่น้อย สาเหตุการที่สำนักเหยียนหลัวเหมิงถูกฆ่าทำลายล้างไปอย่างสิ้นซากนั้นไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่รู้

เบื้องหลังตระกูลมู่มีผู้ลึกลับและแข็งแกร่งปกป้องอยู่ เขาผู้นั้นคือเยี่ยอ๋อง ไหนจะหมอปีศาจและบุรุษชุดเขียวนั่นอีก แต่ละคนมีพลังความแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ยิ่งนัก

ผู้อาวุโสอิ๋นไร้ซึ่งทางเลือก “ท่านผู้นำตระกูลมู่ เชิญทางนี้”

เพื่อเป็นการปกป้องไม่ให้นายน้อยของพวกเขาต้องตายอย่างอนาถ พวกเขาจึงจำใจต้องเชิญหายนะนี้กลับไปยังสำนักจินติ่ง

“ท่านผู้นำตระกูลมู่ ตอนนี้ท่านปล่อยนายน้อยก่อนได้หรือไม่ ?”

— ฟึ่บ! —

เข็มยาขนาดเล็กแทงเข้าที่ร่างของจินหลู่

ใบหน้าของผู้อาวุโสอิ๋นทาบทาความตระหนกตกใจ “ผู้นำตระกูลมู่ พวกข้ายอมรับข้อตกลงของเจ้าแล้ว เหตุใดยังสังหารนายน้อยอีก หากเจ้าสังหารนายน้อย ต่อให้เจ้าเป็นผู้นำตระกูลมู่ สำนักจินติ่งก็จะไม่ปล่อยเอาไว้แน่”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างรำคาญใจ “เขายังไม่ตายหรอก ข้าเพียงแค่วางยาพิษเอาไว้เพื่อไม่ให้สำนักจินติ่งของพวกเจ้าคิดตลบหลัง ต้องการความแน่ใจมันผิดนักรึ ?”

ผู้อาวุโสอิ๋นเห็นว่านายน้อยของตนยังมีลมหายใจอยู่ เขาก็โล่งใจขึ้นมาเปลาะหนึ่ง

มู่เฉียนซีมองน่าหลานอวี้พลางกล่าว “น่าหลานอวี้ ข้าจะไปสำนักจินติ่งสักหน่อย เจ้าจะไปหรือไม่ล่ะ ?”

ดวงตาเจ้าเล่ห์คู่นั้นปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ “ข้ามีลางสังหรณ์ว่าหากเจ้าไปสำนักจินติ่ง เจ้าต้องก่อเรื่องโกลาหลวุ่นวายเป็นแน่  ฉากสนุก ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ข้าจะพลาดได้อย่างไรกันเล่า ?”

เมื่อได้ยินคำกล่าวของน่าหลานอวี้ ใบหน้าของทุกคนพลันเปลี่ยนกลายเป็นดำคล้ำราวกับก้นหม้อ คุณชายชุดขาวผู้นี้เกรงว่าตนจะไม่ได้เห็นเรื่องวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้นหรืออย่างไรกัน ?

ในที่สุดสัตว์วิญญาณบินได้ ก็ได้พาพวกเขามาถึงสำนักจินติ่ง

“นายน้อย ท่านผู้อาวุโสอิ๋นกลับมากันแล้ว”

ผู้อาวุโสกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “รีบไปตามท่านเจ้าสำนักมาเร็วเข้า เกิดเรื่องใหญ่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว!”

“ขอรับ!”

ท่าทางตื่นตระหนกของผู้อาวุโสอิ๋น ทำให้คนของสำนักจินติ่งรู้สึกเป็นกังวลใจขึ้นมาทันที

ผู้อาวุโสอิ๋น “ท่านผู้นำตระกูลมู่ เชิญด้านใน”

“ผู้อาวุโสอิ๋น ตัวข้าไม่ใช่ภัยพิบัติอันใหญ่หลวงเช่นนั้น ไม่ต้องกลัวข้าขนาดนั้นก็ได้ ข้าพูดจริง ๆ” มู่เฉียนซียิ้มยียวน

ผู้อาวุโสอิ๋นพึมพำในใจ ‘ไม่ใช่ภัยพิบัติใหญ่หลวง แต่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นเสียอีก เหอะ!’

เมื่อเจ้าสำนักทราบการรายงานของผู้อาวุโสอิ๋นแล้ว เขาก็รีบไปที่ห้องต้อนรับในทันที  เมื่อเขาเห็นใบหน้างามที่ดูบอบบาง อีกทั้งร่างอันงดงาม เขากัดฟันแน่นด้วยความโกรธเกลียด ความโกรธแล่นเข้าครอบงำเขาเสียจนร่างของเขาแทบทรุดล้มลงไปกับพื้น

“ผะ… ผู้นำตระกูลมู่” น้ำเสียงของเจ้าสำนักจินติ่งสั่นเครือ

น่าหลานอวี้เห็นเช่นนี้ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หากเขาไม่มาเห็นกับตาก็คงจะไม่รู้ พอมาเห็นเข้ากับตาตัวเอง เป็นอันตกใจจนแทบจะกระโดด

ไม่น่าเชื่อว่าพลังจิตแห่งการสังหารของสตรีตรงหน้าจะมากมายได้ถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังทำให้คนในสำนักนิกายจินติ่งหวาดกลัวกันอย่างมาก

เจ้าสำนักจินติ่งแสดงรอยยิ้มที่ดูน่าเกลียดกว่าร้องไห้ออกมา “ยินดีต้อนรับท่านผู้นำตระกูลมู่ ข้านั้นมิได้คิดเลยว่าท่านผู้นำตระกูลมู่จะมาเยือนสำนักจินติ่งของพวกเรา ข้าต้องขอโทษด้วยทีไม่ได้ออกไปต้อนรับถึงหน้าสำนัก”

มู่เฉียนซี “ท่านเจ้าสำนักจินติ่งไม่ต้องกระตือรือร้นมากมายเช่นนั้นหรอก ทำเช่นนั้นข้าคงจะเกรงใจแย่ เพียงแต่เรื่องที่ต้องคิดบัญชีก็ยังต้องคิดอยู่เช่นเดิม”

“คิดบัญชีรึ ? คิดบัญชีเรื่องใดกัน ?” เจ้าสำนักจินติ่งอดรู้สึกเสียวหลังวาบไม่ได้ เวลานี้เขาเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดีแล้ว

มู่เฉียนซีเหลือบมองผู้อาวุโสอิ๋นผู้ซึ่งแสดงสีหน้าเป็นกังวลอยู่ในตอนนี้ นางกล่าว “เรื่องนี้คงต้องถามบุตรชายของท่านและผู้อาวุโสแล้วล่ะ”

เจ้าสำนักหันมองหน้าบุตรชายของตนก่อนจะกล่าวถามว่า “เกิดเหตุอันใดขึ้น ?”

ผู้อาวุโสอิ๋น “เรื่องมีอยู่ว่า…”

ยิ่งฟังเรื่องราวมากเท่าไหร่ เจ้าสำนักก็แทบจะลุกไปทุบตีบุตรชายตัวเองให้ตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด ช่างหาเหาใส่หัวไม่รู้เวล่ำเวลาโดยแท้!

อดใจเอาไว้ไม่ได้หรืออย่างไรกัน ?! ตัวเขานั้นได้เตือนบุตรชายหลายต่อหลายครั้งว่าอย่าไปยั่วโมโหมู่เฉียนซีเด็ดขาด ทว่าเขาก็ไม่ฟัง ซ้ำร้ายยังจำนางไม่ได้ ครานี้พลั้งพลาดไปยั่วโมโหนางเข้า มีหวังนางเล่นงานจนตายเป็นแน่ มันน่านัก…

เจ้าสำนักโกรธจนใบหน้าเขียวคล้ำ ทว่าก็ต้องจำใจฉีกยิ้ม “ท่านผู้นำตระกูลมู่ บุตรชายของข้ายังเยาว์ ไม่ใคร่จะรู้จักกาลเทศะจึงไปยั่วโมโหท่าน ขอท่านอภัยให้ด้วยเถิด”

ผู้ที่คอยจับผิดอย่างน่าหลานอวี้เห็นว่าใบหน้าเจ้าสำนักผู้นี้ไม่สดใสนัก  เขาจึงจงใจกล่าวขึ้นว่า “เจ้าสำนักจินติ่ง ผู้นำตระกูลมู่เพิ่งจะเข้าพิธีฉลองการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไม่นานนี้ แต่บุตรชายของท่านอายุมากกว่านาง หากจะบอกว่าบุตรชายของท่านยังเยาว์วัยไม่รู้จักกาลเทศะ มิดูขัดแย้งไปหน่อยหรือไร ?”

เวลานี้สีหน้าของเจ้าสำนักแย่ลงเรื่อย ๆ

“ท่านผู้นำตระกูลมู่ สำนักจินติ่งของพวกเรายินยอมที่จะชดเชยให้ท่าน ขอให้ท่านผู้นำตระกูลมู่อย่าได้คิดแค้นกันเลย ให้อภัยบุตรชายของข้าและแก้พิษให้เขาด้วยเถอะ”

มู่เฉียนซีเลิกคิ้วเล็กน้อย  กล่าวว่า “ชดเชยให้รึ ?  เจ้าสำนักจิน ท่านคิดว่าสำนักจินติ่งของท่านยังมีอะไรเหลือให้ข้าสนใจด้วยหรือ ?”

.