บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1217: ร่วมอสงไขยกับฟ้าดิน
ตอนที่ 1217: ร่วมอสงไขยกับฟ้าดิน
หายนะประหลาดนั้นบ่มเพาะตนมานานตลอดหลายปี
เพียงบรรยากาศก็ทำให้เหล่าราชันแห่งภูมิทั้งหลายหน้าเสียขนลุกขนพองกันได้
ทว่ายามนี้ ดาบเดียวกลับสะบั้นมันสิ้น!
เหล่าผู้ชมต่างตะลึงสิ้นความคิด
ไม่สิ สับสนต่างหาก
คิดให้หัวแตก พวกเขาก็คงไม่อาจจินตนาการได้ว่าต่อหน้าหายนะประหลาดนี้ ซูอี้จะรอดชีวิตอย่างง่ายดาย
หนึ่งดาบกวัดแกว่ง เมฆาทั้งหลายแตกพ่ายกระเจิง!
หมู่เมฆาสลายหาย แปรเปลี่ยนเป็นพิรุณแสงโปรยปรายเยี่ยงน้ำตกจากเก้าชั้นสวรรค์
“นี่ต่างอันใดกับส่งอาหารถึงที่หรือ?”
ซูอี้กล่าวหยอกเย้า ฉับพลันร่างของเขาก็วูบไหวไปมา
ตู้ม!
พิรุณแสงเจิดจรัสทั่วนภา หลั่งไหลพรั่งพรูสู่ร่างใหญ่ของเขา
ทันใดนั้น การฝึกฝนของเขาก็ราวกับทะลวงเขตแดนกั้นขวาง ทะลักพุ่งเยี่ยงวารีทะลักเขื่อนมุ่งตรงสู่ฟากฟ้า เขย่ามวลดาราสั่นระรัว
นี่คือการแปรเปลี่ยนกลั่นบริสุทธิ์อย่างสุดขั้ว
ตั้งแต่เมื่อครึ่งปีก่อน ซูอี้ได้สร้างพื้นฐานอันหนาแน่นสุดขีดไร้ช่องโหว่ของขอบเขตมหาจักรพรรดิได้ และมหาวิถีของเขาก็ถูกควบรวมกับปราณมารดาฟ้าดินแนบสนิท
ยามนี้เมื่อเขาผ่านพ้นบททดสอบ ก็เหมือนจุติสู่สวรรค์ได้อย่างราบรื่น จากจักรพรรดิแห่งหล้าสู่ราชันแห่งภูมิดารา!
เปรี้ยง!
วจีวิถีในร่างของซูอี้ดังลั่นเช่นอสนีบาต ก้องสะท้อนเยี่ยงระฆังใหญ่
ผิวกาย เลือดเนื้อ มัดกล้ามกระดูก เส้นโลหิต จุดชีพจร อวัยวะภายใน แขนขา สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนแปรเปลี่ยนก้าวกระโดด
การฝึกฝนของเขาถูกควบรวมในตันเถียน และถูกบีบอัดอย่างต่อเนื่อง จนเผยเค้าลางเยี่ยงหลุมดำกลางจักรวาลพร่างดาวขึ้นอย่างเลือนราง
นั่นคือถ้ำโกลาหลมหาวิถี เป็นดุจแหล่งที่มาต้นกำเนิดแห่งจักรดารา!
และจิตวิญญาณของเขาก็ลุกโชนด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์ เจิดจรัสโชติช่วงเยี่ยงตะวัน เติบใหญ่กลั่นบริสุทธิ์มากขึ้นเรื่อย ๆ…
แสงหายนะบนฟากฟ้าเหมือนเป็นพลังชีวิตแห่งกาลเวลาอันบริสุทธิ์ยิ่งใหญ่อย่างยิ่งยวด สลักไว้ด้วยพลังแห่งมหาวิถีไร้สิ้นสุด ก่อนจะถูกซูอี้ดูดซับและแปรเปลี่ยนเป็นพลังในร่างของเขา
ตู้ม!
สมุทรฮุ่นตุ้นในบริเวณนี้เดือดพล่าน อำนาจกฎดั้งเดิมพลุ่งพล่านเยี่ยงกระแสวารี สะท้อนรับกับพลังปราณของซูอี้
ชั่วขณะนั้น ทั่วฟ้าดินเต็มเปี่ยมด้วยภาพนิมิต
มีทั้งบุปผาสวรรค์ บงกชทองบนพื้นปฐพี วงแสงร่ายระบำ หมอกมงคลพลิ้วสยาย สารพัดพลังมหาวิถีลึกลับกระเพื่อมขึ้นลงเยี่ยงคลื่น
ภาพอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ทำให้ราชันแห่งภูมิทั้งหลายล้วนตะลึงนิ่ง หัวใจกระตุกปั่นป่วน
“นกยูงเฒ่า เจ้าเคยได้เห็นใครกระตุ้นนิมิตเหลือเชื่อเช่นนี้ยามเข้าสู่ขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงบ้างหรือม่?”
ลู่เหยียนถามอย่างอึ้ง ๆ
ข่งเซิ่นส่ายหน้ากล่าวเบา ๆ “นี่… บางทีอาจเกี่ยวกับการเลื่อนขอบเขตในสมุทรฮุ่นตุ้นด้วยกระมัง หรืออาจเป็นเพราะสหายเต๋าซูอาจทำความเข้าใจเคล็ดอันลึกล้ำสำคัญที่สุดของกฎสวรรค์ภูมิดาราฟ้าดินในสมุทรฮุ่นตุ้นแล้ว สมุทรฮุ่นตุ้นจึงสั่นพ้องร่วมกับเขา”
ทุกคนล้วนอ้าปากค้าง
หากเป็นเช่นนั้นจริง มหาวิถีพื้นฐานในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำของซูอี้ต้องร้ายกาจเพียงไรจึงมาถึงขั้นนี้ได้ยามข้ามขอบเขต?
ไม่อาจคิดได้เลย
เพราะยามที่ราชันแห่งภูมิเหล่านี้เข้าสู่ขอบเขตราชันแห่งภูมิ พวกเขาไม่เคยทำขั้นนี้มาก่อน
“มีเพียงการข้ามผ่านหายนะที่ไม่เคยปรากฏชั่วกาลนานเท่านั้นที่เราจะได้ประสบนิมิตอันมิเคยเกิดนี้!”
ลู่เหยียนรำพึง
“ด้วยสายตาแคบ ๆ ของตาเฒ่าผู้น้อยนี้ ภูมิดาราหลัก ๆ ในส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาวก็ไม่เคยปรากฏเรื่องเช่นนี้ เป็นปาฏิหาริย์โดยแท้!”
เมิ่งฉางอวิ๋นฮึดฮัดขึ้น ยากจะซ่อนความตื่นเต้นไว้ได้
และเขาก็กล่าวอย่างจริงจังด้วยสีหน้าชื่นชมออกมาทันที “ทว่า ข้ามิคิดว่าพวกเจ้าต้องแปลกใจกับเรื่องนี้หรอก หากเป็นเรื่องของใต้เท้าทัศนาจารย์แล้วไซร้ การเกิดเรื่องเช่นนี้ก็นับได้ว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ”
ทุกคนล้วนจังงัง
เรื่องธรรมชาติ?
“ทัศนาจารย์?”
ลู่เหยียนถามอย่างครุ่นคิด “สหายเต๋าเล่าเรื่องของสหายเต๋าซูให้เราฟังได้หรือไม่?”
ทุกคนเองก็แสดงท่าทีสนใจ
จวบจนยามนี้ พวกเขารู้เพียงชื่อของซูอี้ ส่วนที่มา ตัวตน กระทั่งอดีตของเขา นอกจากจักรพรรดิมารสวรรค์และเมิ่งฉางอวิ๋นก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้อีก
“เอ่อ…”
เมิ่งฉางอวิ๋นลังเลไปชั่วขณะ “หากไร้คำอนุญาตของใต้เท้าทัศนาจารย์ ตาเฒ่าผู้น้อยก็มิกล้าถือวิสาสะพูดหรอก”
ทุกคนอยากรู้มากยิ่งขึ้นอีก
แค่นี้ก็ผิดปกติแล้ว
“อย่าห่วงเลย เจ้าเลือกเล่าสิ่งที่พูดได้ออกมาเถอะ หากพี่ซูเอาเรื่องเจ้า ข้าจะช่วยไกล่เกลี่ยให้”
จักรพรรดิมารสวรรค์เร่งเร้า
อันที่จริง นางก็ไม่รู้เรื่องใด ๆ เกี่ยวกับซูอี้ในฐานะ ‘ใต้เท้าทัศนาจารย์’ แม้แต่น้อย และในใจของนางก็ใคร่รู้เอาการ
เมื่อเห็นเช่นนี้ เมิ่งฉางอวิ๋นก็ส่ายหน้า “โปรดอย่าทำให้ตาเฒ่าผู้น้อยต้องลำบากใจเลย”
เมิ่งฉางอวิ๋นมากด้วยวัยและประสบการณ์ เห็นอยู่แล้วว่าสตรีงามเลิศล้ำที่อยู่ตรงหน้าตนมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับใต้เท้าทัศนาจารย์ในชาติภพนี้
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไร้หลักการ!
สิ่งใดที่ใต้เท้าทัศนาจารย์ให้พูดได้ ทุกคนย่อมได้รู้ทุกสิ่ง
แต่หาไม่ ขอเพียงกล่าวสักคำก็ผิดแล้ว!
จักรพรรดิมารสวรรค์ถลึงตามองเมิ่งฉางอวิ๋นอย่างดุร้าย ทว่าก็ไร้หนทางอื่นใด
เมิ่งฉางอวิ๋นกล่าวอย่างขออภัย “บอกตามตรง เจ้าจะได้เข้าใจในภายหน้าแน่นอนว่าใต้เท้าทัศนาจารย์เป็นตัวตนในตำนานเช่นไร เพราะในส่วนลึกของจักรวาลพร่างดาว หากไม่รู้นามอันสูงส่งของใต้เท้าทัศนาจารย์ ก็นับว่าเสียทีเกิดมาเป็นผู้ฝึกตน”
น่าเสียดายที่เมิ่งฉางอวิ๋นปิดปากเงียบ มิกล่าวแม้แต่หนึ่งคำ
ภายใต้ท้องนภา
การแปรเปลี่ยนพลังมหาวิถีของซูอี้ยังคงดำเนินต่อไป มันได้ปลุกให้เกิดนิมิตอัศจรรย์พร่างพรายขึ้นมา
และขณะนั้น จิตวิญญาณของเขาก็ดูราวกับเด็กน้อยผู้ห้อตะบึงทั่วฟ้าดิน พุ่งทะยานสู่ห้วงลึกแห่งฟากฟ้า เข้าสู่จักรวาลพร่างดาว
ภูมิดาราน้อยใหญ่พลันปรากฏขึ้นในห้วงความนึกคิด
ภูมิดาราสามสิบหกแห่งดุจดาวล้อมเดือน ล้อมแดนเทวามหาแดนดินไว้
และใจกลางแดนเทวามหาแดนดินคือสุญญะไม่รู้จบ มีภูมิดาราประหลาดอื่น ๆ อยู่อีก
ไม่นานนัก ซูอี้ก็ได้เห็นมหาทวีปคังชิงซึ่งอำนาจกฎสวรรค์พังทลายรวนเร
เหนือภูมิดาราน้อยใหญ่ทั้งหลาย โลกโบราณสีเทาแห่งหนึ่งพลันปรากฏขึ้น
มันลอยนิ่งค้าง แสนกว้างใหญ่ และปกคลุมด้วยสีเทาสุดลูกหูลูกตาไร้จุดจบ
นั่นคือ… ภูมิมืดมิด!
ตู้ม!
ทันใดนั้น วิญญาณของซูอี้ก็สะท้านเคลื่อน ทุกสิ่งที่เห็นตรงหน้ามลายหาย
ตรงหน้าเขาพลันมีอำนาจกฎสวรรค์ปกคลุมทั่วภูมิดารานี้ดุจร่มพฤกษา
ดุจม่านเมฆาเคลื่อน ปกคลุมด้วยพลังต้นกำเนิดฮุ่นตุ้น สะท้อนภาพสารพัดคลื่นกระเพื่อม เผยมนตร์ขลังนิรันดร์กาลไร้จุดเริ่มจุดจบ
นี่คือกฎสวรรค์แห่งภูมิดาราฟ้าดิน!
นี่คือหนแรกที่ซูอี้สามารถสัมผัสกฎสวรรค์ของภูมิดาราฟ้าดินได้อย่างชัดเจนถึงเพียงนี้
มันปกคลุมไปทั่วแดนเทวามหาแดนดิน และจักรวาลพร่างดาว สารพัดภูมิดาราเล็กใหญ่
กว้างใหญ่
แสนไพศาล
เกินความคาดหมาย!
ทว่าไม่นานนัก ซูอี้ก็สังเกตเห็นว่ากฎสวรรค์แห่งภูมิดาราฟ้าดินมีรอยแหลกร้าวมากมาย ดุจเครื่องกระเบื้องอันเต็มด้วยรอยร้าวราน!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือแผลจากหายนะลึกลับ!
หัวใจของซูอี้เต้นกระตุก
ทันใดนั้น ภาพอันน่าอัศจรรย์ก็บังเกิด
กฎสวรรค์ที่ปกคลุมทั่วเขตคามน้อยใหญ่พลันสั่นระรัว สั่นพ้องเข้ากับพลังปราณของซูอี้
“กายใจเป็นหนึ่งเดียวกับกฎเกณฑ์ มหาวิถีสั่นพ้องร่วมกับภูมิดารา เมื่อบรรลุสู่วิถีสู่สวรรค์เป็นราชันแห่งภูมิ จึงเรียกได้ว่าข้ามหายนะเลื่อนขอบเขตโดยแท้จริง…”
ซูอี้เข้าใจถ่องแท้
ทัศนาจารย์กล่าวได้ถูกต้อง เมื่อยามกรรมวิถีของตนสอดประสานเป็นหนึ่งกับกฎสวรรค์ภูมิดารา มันก็กล่าวได้ว่าคนผู้นั้นได้เป็นราชันแห่งภูมิโดยแท้จริง
ตู้ม!
วิถีเต๋าซึ่งแปรเปลี่ยนไปในร่างของซูอี้กระเพื่อมสั่น และจากนั้นก็ก้าวสู่ขอบเขตอสงไขยแท้เที่ยงโดยพลัน
ชายหนุ่มเมินเฉยต่อทุกสิ่ง จากนั้นเขาก็นั่งลงขัดสมาธิบนอากาศและเริ่มเสริมเสถียรภาพวิถีของเขา อาบร่างด้วยแสงสว่างเรืองรองราวรัศมีศักดิ์สิทธิ์
“เรียบร้อยแล้ว!”
ลู่เหยียนโล่งใจ
ทุกคนในละแวกล้วนตื่นเต้น
พวกเขาล้วนแต่เป็นราชันแห่งภูมิ มีหรือจะไม่เห็นว่าซูอี้ได้บรรลุวิถีสู่สวรรค์อย่างราบรื่น และเบิกเส้นทางใหม่ขึ้นมา?
ขอบเขตราชันแห่งภูมิมีสามขอบเขตใหญ่ นั่นคืออสงไขยแท้เที่ยง คืนสู่สามัญ และไร้ขีดจำกัด!
อสงไขยแท้เที่ยงหมายถึงการร่วมอสงไขยกับฟ้าดิน
ยามนี้ อำนาจในกายสลายไหลรวมเป็นถ้ำโกลาหลวิถี ดุจต้นกำเนิดที่มาแห่งภูมิดารา
อำนาจมหาวิถีที่สั่งสมมาจะแปรเปลี่ยนเป็นกฎในภูมิดารา!
กระทั่งร่างวิถีและจิตวิญญาณก็จะแปรเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล
สิ่งใดคือราชันแห่งภูมิ?
คือการเป็นราชันเหนือหนึ่งภูมิดารา!
ต้องทราบว่าหนึ่งจักรดารานั้นประกอบด้วยภูมิดารานับไม่ถ้วน
การบรรลุสู่ขอบเขตราชันแห่งภูมินั้นหมายถึงการก้าวสู่จุดสูงสุดแห่งหนึ่งภูมิดาราโดยมิต้องสงสัย
เปรี้ยง!
สมุทรฮุ่นตุ้นเดือดพล่าน ทุกสิ่งล้วนสอดประสาน นิมิตปรากฏทั่วทุกที่
วันนี้ในมหาแดนดิน แสงศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นเหนือท้องนภา หมอกมงคลพลิ้วม้วน สารพัดนิมิตพร่างพราย
ไม่อาจทราบได้ว่ามีผู้ฝึกตนมากมายเพียงไรตะลึงอึ้ง ตระหนกตกใจ
ณ แดนบูรพาน้อย
ใต้ร่มโพธิ์ หลวงจีนเยี่ยนซินตะลึงอึ้งอย่างหาได้ยาก
เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าอำนาจกฎสวรรค์ที่ปกคลุมรอบแดนเทวามหาแดนดินดูจะเรืองอำนาจเปี่ยมชีวิตชีวาขึ้นมา!
“ความเปลี่ยนแปลงที่โอบอุ้มทั่วโลกหล้านี้ไม่เคยปรากฏมาก่อนแม้ยามบรรพกาล!”
หลวงจีนเยี่ยนซินกล่าวอย่างตัดสิน
ในใจของเขาว้าวุ่นไม่อยู่สุขแล้ว
ใครกันที่ก่อความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ขึ้น?
หรือว่า… จะเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าซู!?
คิ้วสีขาวหิมะของหลวงจีนเยี่ยนซินเลิกขึ้นเล็กน้อย เรื่องนี้มิถึงกับเป็นไปไม่ได้
เมื่อครึ่งปีก่อน เขาได้รับจดหมายจากซูอี้หนึ่งฉบับ แจ้งว่าต้องการไปหาโอกาสเลื่อนสู่ราชันแห่งภูมิในเขตต้องห้ามเซียนอับโชค และเมื่อเขาไม่อยู่ ก็ขอฝากฝังให้จับตามองถ้ำเสวียนจวินให้ด้วย
ยามนี้ผ่านไปครึ่งปี แต่ไร้ข่าวคราวใดจากซูอี้อีก
หลวงจีนเยี่ยนซินคาดไว้แล้วว่าหากการเดินทางของซูอี้ราบรื่น ยามเขาหวนคืนย่อมเป็นราชันแห่งภูมิผู้แข็งแกร่งสูงส่ง!
และยามนี้ ซูอี้ยังไม่ทันกลับมา ทว่าหลวงจีนเยี่ยนซินก็สังหรณ์อย่างแรงกล้าว่าการเปลี่ยนแปลงในมหาแดนดินยามนี้ต้องเกี่ยวพันกับซูอี้แน่แท้!
‘ไม่ว่าจะเป็นดั่งที่ข้าคาดการณ์หรือไม่ ยามสัตว์ประหลาดเฒ่าซูกลับมา ความจริงก็จะปรากฏเอง’
หลวงจีนเยี่ยนซินกระซิบในใจ
แดนลี้ลับขั้นเก้า
ปรมาจารย์เผิงพุ่งออกมาจากสถานที่พำนักเก็บตน และเพียงหนึ่งก้าวย่าง เขาก็มาถึงใต้ท้องนภา
เมื่อมองไปรอบ ๆ สายลมพัดกระพือ เมฆาเคลื่อนคล้อย และเหนือท้องนภายังมีกฎสวรรค์แปรเปลี่ยน
“กฎสวรรค์อันพังทลายมาไม่รู้กี่ปี หรือจะเป็นไม้แห้งรอวสันตฤดู?”
ปรมาจารย์เผิงอุทาน
เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าการฝึกฝนในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นสมบูรณ์ของเขาแสดงเค้าลางสั่นไหวออกมา!
แม้จะละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง แต่เขาก็สัมผัสได้ชัดเจน
สิ่งนี้ทำให้เขาอึ้งจังงัง อกกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรง
การแปรเปลี่ยนกะทันหันนี้ หรือจะหมายความว่าวิถีสู่สวรรค์อันถูกสะบั้นมาเนิ่นนานกำลังจะหวนคืนสู่โลกหล้ากัน!?
………………………….