บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1225: ค่าหัวหอเมฆาเคลื่อน
ตอนที่ 1225: ค่าหัวหอเมฆาเคลื่อน
ไม่ไกลออกไปนัก ตรอกต่าง ๆ บนริมถนนมีร่างจำนวนหนึ่งถูกแขวนกับตะขอเหล็กเรียงรายแน่นขนัด
พวกเขามีมากกว่ายี่สิบคน ทุกเพศทุกวัย คนเหล่านั้นล้วนบาดเจ็บสาหัส เลือดตกยางออก ถูกแทงทะลวงด้วยตะขอเหล็กแขวนเยี่ยงเนื้อหมู
ภาพนองเลือดเช่นนี้ปรากฏขึ้นข้างถนนอันมีคนพลุกพล่าน มองปราดแรกก็น่าตกใจแล้ว
“จักรพรรดิจากภูมิดาราฟ้าดินเหล่านี้ช่างอับโชคจริง ต้องมาถูกแขวนประจานเยี่ยงปศุสัตว์ มีชีวิตแย่กว่าตายจริง ๆ”
“ผู้ที่จัดการกับพวกเขาล้วนอยากให้พวกเขาอยู่อย่างย่ำแย่กว่าตายเพื่อเป็นเยี่ยงอย่าง”
“ผู้ฝึกตนจากภูมิดาราฟ้าดินไปทำอันใดไว้กัน เหตุใดจึงถูกหมายหัวเช่นนี้?”
“ข้าก็ไม่รู้”
…ในบริเวณใกล้เคียง ผู้ฝึกตนบางคนกระซิบกระซาบ
จักรพรรดิในบางภูมิดาราถือได้ว่าเป็นตัวตนเสมือนเทพ
ทว่าครานี้ จักรพรรดิยี่สิบกว่าคนกลับถูกแขวนประหนึ่งว่าเป็นปศุสัตว์!
ยากจะไม่สังเกตเห็น
“นั่นคือ… ผู้ฝึกตนจากภูมิดาราฟ้าดินทั้งนั้นเลยหรือ?”
ดวงตาเป็นประกายของชิงหว่านเบิกกว้าง ใบหน้างดงามถึงกับเปลี่ยนสีเล็กน้อย
เมิ่งฉางอวิ๋นหันมองซูอี้ที่อยู่ข้างกายเขาโดยไม่รู้ตน
สีหน้าของซูอี้ยังคงราบเรียบเช่นก่อน ไร้การกระเพื่อมใด ๆ ในแววตา
ทว่ากิริยาเฉยชาของเขานี่แหละที่ทำให้เมิ่งฉางอวิ๋นรู้สึกหดหู่ใจ
ใครกันในภูมิทมิฬเร้นหาญกล้าหมายหัวผู้ฝึกตนของภูมิดาราฟ้าดินเช่นนี้ หาเรื่องตายโดยแท้!
ทันใดนั้น ซูอี้ก็ก้าวไปที่ข้างถนน
บนกำแพงมีทำเนียบค่าหัวแปะหราสะดุดตาอยู่
“จับเป็นจักรพรรดิในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ ค่าหัวเป็นศิลาภูมิมหาวิถีแปดร้อยชิ้น”
“จับเป็นจักรพรรดิในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำ ค่าหัวเป็นศิลาภูมิมหาวิถีสามพันชิ้น!”
“หากจับตาย ทั้งหมดล้วนมีค่าที่ศิลาภูมิมหาวิถีหนึ่งร้อยชิ้นเท่ากันหมด!”
ผู้จ้างวาน: หอเมฆาเคลื่อน
ซูอี้หรี่ตาลงมองไปรอบ ๆ แต่ก็พบว่าไม่มีทำเนียบค่าหัวใด ๆ นอกจากนี้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องทั้งหมดนี้ต้องการเล่นงานตัวตนในขอบเขตจักรพรรดิของภูมิดาราฟ้าดิน!
“เฒ่าเมิ่ง เจ้าไปถามไถ่เรื่องหมายค่าหัวนี่ที”
ซูอี้ออกคำสั่งราบเรียบ
“ขอรับคุณชาย!”
เมิ่งฉางอวิ๋นรีบรับคำสั่ง
อันที่จริง มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตใด ๆ เลย เมิ่งฉางอวิ๋นก็แค่ไปขอถามไถ่เรื่องนี้จากผู้ผ่านทางไปมาก็ได้แล้ว
เมื่อราว ๆ ปีกว่า หอเมฆาเคลื่อน ซึ่งเป็นขุมกำลังสูงสุดในเมืองฟ้ากระจ่างพลันประกาศว่าจักรพรรดิทั้งหลายจากภูมิดาราฟ้าดินต้องประกาศจับทั่วภูมิทมิฬเร้น!
ทำเนียบค่าหัวนั่น เดิมก็ถูกแปะขึ้นในปีนี้ ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิทั้งหมดจากภูมิดาราฟ้าดินซึ่งสัญจรในภูมิทมิฬเร้นได้กลายเป็นหนูท่อข้ามถนน เป็นที่ตามล่าล้างนองเลือด
จักรพรรดิยี่สิบกว่าคนที่ถูกแขวนอยู่นี้เป็นเพียงส่วนน้อย ส่วนจักรพรรดิอื่น ๆ ล้วนตกตายในศึกล่านี้ไปแล้ว!
“ปีก่อน…”
ซูอี้ขมวดคิ้ว
นั่นไม่ใช่ยามที่ศึกเหนือทะเลดาวตกเพิ่งจบลงหรือ?
“เหตุผลคืออะไร?”
ซูอี้ถาม
เมิ่งฉางอวิ๋นตอบเบา ๆ “เรียนคุณชาย ตาเฒ่าผู้น้อยก็เคยไถ่ถาม ทว่าจนยามนี้ก็หามีผู้ใดทราบเหตุผลไม่ขอรับ กระทั่งยอดฝีมือบางคนที่ทำงานให้หอเมฆาเคลื่อนยังบอกว่าพวกตนเพียงทำตามคำสั่ง”
ซูอี้พยักหน้ากล่าว “ต่อไป เจ้าไปถามเรื่องของหอเมฆาเคลื่อนนี่ ส่วนข้าจะไปหาโรงเตี๊ยมพักแรมก่อน”
“ขอรับ!”
เมิ่งฉางอวิ๋นรับคำสั่งอย่างเคร่งขรึมและรีบร้อนจากไป
“คุณชาย ท่าน… ไม่ช่วยพวกเขาหรือ?”
ชิงหว่านถามเสียงเบา
ซูอี้กล่าวยิ้ม ๆ “ไยข้าต้องช่วยพวกเขาด้วย?”
“ท่าน… แต่ท่าน…”
ชิงหว่านยังเหมือนอยากพูดบางอย่าง ทว่าซูอี้ส่ายหน้ากล่าวขัด “หว่านเอ๋อร์ เจ้ามิเข้าใจหรอก”
จริงอยู่ที่เขาคือปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินผู้เป็นที่เคารพทั่วมหาแดนดิน และยามนี้ยังถูกถือเป็นตัวตนในตำนานแห่งภูมิดาราฟ้าดินอีกด้วย
ทว่าทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงนามลวง
มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องยื่นมือช่วยผู้ฝึกตนคนใดในภูมิดาราฟ้าดินยามประสบภัย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ซูอี้ยังจำได้แม่น ว่ายามต่อสู้เหนือทะเลดาวตก ผู้ชมหลายคนในขณะนั้นยามเผชิญกับคำขู่จากยักษ์ใหญ่ในห้วงลึกจักรวาลพร่างดาวเข้า กระทั่งขอให้เขาไปตายเพื่อเอาชีวิตพวกเขารอด!
แม้ซูอี้จะรู้อยู่เนิ่นนานว่าใจคนนั้นชั่วร้าย ความรู้สึกเย็นชาและมิคิดติดใจ
ทว่าเขาเองก็มีกฎเกณฑ์ของตน ไม่โกรธจนนำเรื่องมิเกี่ยวข้องกับตนมาพัวพันง่าย ๆ
“อื้อ…”
ชิงหว่านพยักหน้า
ซูอี้ลูบหัวของหญิงสาวพลางกล่าวเบา ๆ “โลกนี้มันโฉดชั่ว หัวใจคนยากหยั่งถึง ในภูมิดาราฟ้าดินมีพิรุณเลือดพัดกระหน่ำมากมาย นอกภูมิดาราฟ้าดิน แค่เพราะเป็นคนจากภูมิเดียวกัน จะถือว่าเป็นพวกเดียวกันเสียหมดมิได้หรอก”
ชิงหว่านพยักหน้าอย่างว่าง่าย “หว่านเอ๋อร์จำไว้แล้ว”
ซูอี้กล่าวยิ้ม ๆ “ไปหาโรงเตี๊ยมพักแรมกันก่อนเถอะ”
ทว่าไม่นานนัก ซูอี้ก็ก้าวเข้ามา คว้าเอวบางของชิงหว่าน ดึงตัวนางไว้เบื้องหลังเขา
ชิงหว่านตะลึงไป ขณะที่เสียงของซูอี้ดังเข้ามาในโสตโดยพลัน “อยู่นิ่ง ๆ อย่าขยับนะ”
ม่านตาพร่างประกายของชิงหว่านหดตัวเล็กน้อย ตระหนักแล้วว่าบางอย่างผิดปกติ
จากนั้น ร่างของจักรพรรดิยี่สิบกว่าคนที่แขวนนิ่งกับที่พลันหายวับไป
มีผู้ลอบช่วยเหลือจักรพรรดิเหล่านี้หรือ?
“ฮึ!”
หนึ่งเสียงเย็นชาดังสนั่นดุจอสนีบาตฟาด
ถนนพลันแตกร้าว พื้นที่รายล้อมพังทลายลงกะทันหัน
ร่างหนึ่งโซเซหล่นลงมา
เมื่อมองดี ๆ ร่างนั้นคือชายชราในชุดคลุมนักพรตเต๋าผู้หนึ่ง หนวดเคราขาวโพลน ถือหอคอยสมบัติสำริดในมือ
ทันทีที่เขาร่วงลงมา เขาก็เคลื่อนผ่านอากาศพุ่งไปทางประตูเมือง
ตู้ม!
ด้วยวจีมีดหนักแน่นแว่วมา ปราณมีดอันควบแน่นจากอสนีบาตสายหนึ่งพลันปรากฏขวางทางเบื้องหน้า
สีหน้าของชายชราในชุดคลุมนักพรตเต๋าพลันแปรเปลี่ยน ก่อนจะพุ่งทะยานหลบไปอีกทิศ
“เจ้าแก่ เจ้าหนีไม่รอดหรอก”
หนึ่งเสียงหัวเราะหึตามด้วยเพลิงประกายแสง แล้วแส้ยาวสีแดงเพลิงเส้นหนึ่งก็ฟาดเข้าใส่ชายชราในชุดคลุมนักพรตเต๋า
ดุจดั่งมังกรเพลิงทะยานลงจากนภา!
ชายชราในชุดคลุมนักพรตเต๋าไร้โอกาสได้หลบหนี เขาทำได้เพียงต้องต้านรับ
เปรี้ยง!!!
ท่ามกลางเสียงระเบิดชวนหูดับ ร่างของชายชราในชุดคลุมนักพรตเต๋าซวนเซถอยหลัง เลือดลมปรวนแปร พื้นใต้เท้าพังทลาย แดนดินปริแตก
และแทบจะในยามเดียวกัน สามร่างก็ปรากฏขึ้นจากมุมต่าง ๆ รายล้อมชายชราในชุดคลุมนักพรตเต๋าเอาไว้
หนึ่งชายวัยกลางคนในอาภรณ์ขุนนางถือมีดศึกอัสนีม่วงในมือ ดูน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึง
หนึ่งหญิงงามร้อนแรงดุจอัคคี ผิวขาวกระจ่างเยี่ยงหิมะ ถือแส้ยาวสีแดงเพลิงเรียวบางราวหนึ่งหัวแม่มือ
หนึ่งชายชราชุดดำร่างผอม ถือไม้เท้าเศียรมังกร
ทันทีที่ทั้งสามปรากฏตัว แรงกดดันอันน่าหวาดหวั่นก็แผ่ออกมาปกคลุมทั่วอาณาเขต ตรึงชายชราในชุดคลุมนักพรตเต๋าเอาไว้จนแน่นิ่งกับที่
เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วพื้นที่ คนเดินถนนหนีกระเจิงไปไกลอย่างหวาดผวา
ซูอี้หาได้หลบเลี่ยงไม่
เขาและชิงหว่านยืนอยู่หน้าทำเนียบค่าหัว อยู่นอกสนามศึกพอดีราววัดด้วยไม้บรรทัด
การยืนในจุดนี้จะมิได้รับผลกระทบใด ๆ และยังได้เฝ้ามองการต่อสู้อย่างชัดเจนด้วย
ซูอี้ย่อมจงใจให้เป็นเช่นนั้น
หญิงงามผู้ถือแส้สีเพลิงดูจะสัมผัสบางอย่างได้ จึงอดเหลือบมองซูอี้เพิ่มเติมมิได้ ก่อนจะละสายตาทันที
“จักรพรรดิที่จัดแสดงบนถนนพวกนี้ยังคงมีประโยชน์อยู่บ้างนะ ในที่สุดก็จับปลาใหญ่ได้หนึ่งตัว”
หญิงงามกล่าวยิ้ม ๆ
“แค่ขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำเอง ไม่ใช่ปลาใหญ่อันใดหรอก”
ชายวัยกลางคนในชุดขุนนางถือมีดศึกส่ายหน้าเล็กน้อยราวผิดหวังนิดหน่อย
“ยามนี้เขาเป็นเพียงเหยื่อผู้เดียวจากภูมิดาราฟ้าดินที่กล้าลอบเข้ามาในเมืองฟ้ากระจ่าง นับว่าดีมากแล้วล่ะ”
ชายชราชุดดำถือไม้เท้ากล่าวช้า ๆ
ว่าพลาง ทั้งสามก็กระชับวงเข้าไปหาชายชราในชุดคลุมนักพรตเต๋าทีละก้าว
บรรยากาศรอบข้างหดหู่อย่างยิ่ง
“พวกเจ้ามาจากหอเมฆาเคลื่อนหรือ?”
ชายชราในชุดคลุมนักพรตเต๋าสูดหายใจลึก ๆ และเอ่ยถาม
“จะตายรอมร่อ ไยต้องมากความ”
ชายวัยกลางคนในชุดขุนนางกล่าวขึ้นพร้อมลงมือโจมตีโดยพลัน
ตู้ม!
มีดอสนีบาตม่วงของเขาโอบล้อมด้วยอำนาจกฎเกณฑ์กดดันดุร้าย
ขณะเดียวกัน ชายชราชุดดำและหญิงงามต่างร่วมโจมตี
เพียงไม่กี่พริบตา ชายชราในชุดคลุมนักพรตเต๋าก็บาดเจ็บสาหัสอาบเลือดโซมกาย
ทว่า บางทีอาจเป็นเพราะกลัวเกรงว่าเขาจะตาย หรืออาจจะแค่อยากจับเป็น พวกชายชราชุดดำทั้งสามคนจึงหาลงมือปิดฉากไม่
ในทางกลับกัน พวกเขากระทำตนเช่นแมวหยอกหนู ตบตีชายชราในชุดคลุมนักพรตเต๋าอย่างต่อเนื่อง ทำเพียงให้อีกฝ่ายสิ้นฤทธิ์เท่านั้น
ชายชราในชุดคลุมนักพรตเต๋าดูโกรธเคืองเศร้าโศก ดูจะตระหนักแล้วว่าคงมิอาจรอดพ้น จึงกล่าวด้วยเสียงลอดไรฟัน “ก่อนตาย บอกข้าได้หรือไม่ว่าไยจึงหมายหัวผู้ฝึกตนจากภูมิดาราฟ้าดินเช่นพวกข้า?”
วาจาของเขาช่างมิยินยอมพร้อมใจ
ทว่าไม่มีผู้ใดคิดตอบคำถามของเขา
สีหน้าของพวกชายชราชุดดำทั้งสามต่างเยือกเย็นไร้อารมณ์ดุจเก็บเกี่ยวผลไม้ไม่เกินเอื้อมมือ
เห็นเช่นนี้ ชายชราในชุดคลุมนักพรตเต๋าก็อดถอนใจอย่างขมขื่นมิได้ เห็นได้ชัดว่าสิ้นหวังสิ้นเชิง
“หย่งเหอ เจ้าพาเขาไป จำไว้ว่าอย่าฆ่าเขา”
ชายชราชุดดำออกคำสั่ง
“ได้!”
ชายวัยกลางคนในชุดขุนนางพยักหน้า
ทว่า ก่อนที่เขาจะทันลงมือ เสียงเฉยชาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“หากบรรพชนเจ้ามาเห็นเจ้าเป็นเช่นนี้ เกรงว่าคงระเบิดโทสะเป็นแน่”
ทุกคนหันไปมองด้วยความตกใจ
ไม่ห่างไปนัก ชายหนุ่มในชุดเขียวผู้หนึ่งกำลังเดินมาทางนี้
ทั่วร่างของเขามีปราณของจักรพรรดิในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำ
“วอนตาย!”
ดวงตาของชายในชุดขุนนางฉายจิตสังหาร
“ช้าก่อน ดูก่อนว่าไอ้หนูนี่เป็นพวกเดียวกับตาเฒ่านั่นหรือไม่”
ชายชราชุดดำออกคำสั่ง
“ไยต้องลำบากด้วย?”
ชายชราในชุดคลุมนักพรตเต๋าดูตะลึง
เขาคิดว่าตนคงแย่แล้ว ใครเล่าจะคิดว่ายามนี้ ชายหนุ่มผู้หนึ่งจะลุกขึ้นมาปรามาสเขา!
“สหายเต๋าพูดถูก ข้า… โง่เขลาเกินไปจริง ๆ…”
ชายชราในชุดคลุมนักพรตเต๋ากล่าวอย่างยากลำบาก
ซูอี้ตำหนิด้วยสีหน้าเย็นชา “ไม่เพียงโง่ ยังมีตาไร้แววด้วย กับดักง่าย ๆ เช่นนี้ยังมองไม่ออกอีก คิดแค่ว่าจะช่วยคน หารู้ไม่ว่ากลายเป็นเหยื่อในสายตาผู้อื่นแล้ว”
ภาพนี้ทำให้พวกชายชราชุดดำทั้งสามคนมองหน้ากัน ในใจรู้สึกแปลกนัก
ชายหนุ่มผู้นี้คือผู้ใด เหตุใดจึงว่างจัดมาเที่ยวปรามาสเจ้าเฒ่า วางก้ามใหญ่โตนัก
ชายชราในชุดคลุมนักพรตเต๋าเองก็ตะลึงงุนงงกับที่
เขาจะถูกศัตรูจับตัวเป็นเชลย ถูกทำร้ายอย่างไร้ปรานี ความรู้สึกเช่นนี้… ชายชราในชุดคลุมนักพรตเต๋าสิ้นหวังแทบเสียสติ
“ไม่เป็นไรหรอก การมีความกล้าและความมุ่งมั่นนั้นหาได้ยาก และเจตนาก็มิได้เลวร้าย หาไม่ ข้าคงคร้านเกินกว่าจะมาช่วยเจ้า”
สีหน้าของซูอี้ผ่อนลงมาก
ชายชราในชุดคลุมนักพรตเต๋าตะลึงอึ้ง เจ้าคนที่มาปรามาสเขาเสียยืดยาว ที่แท้กลับมาช่วยเขาหรอกหรือ?
เมื่อเห็นเช่นนี้ พวกชายชราชุดดำทั้งสามก็หาได้ตกใจไม่ พวกเขาล้วนแย้มยิ้ม
ปรากฏว่าเหยื่ออีกคนโผล่มาเสียได้
ช่างน่าประหลาดใจ!