novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • อ่านมังงะ
  • โดจิน
  • ซีรีย์วาย
  • PG SLOT
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
boston777
แทงบอลออนไลน์ เว็บแทงบอล
บาคาร่า 8xbet แทงงหวย เว็บพนัน สมัครบาคาร่าออนไลน์ เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด Empire777 แทงหวย สล็อตเว็บตรง แทงหวยออนไลน์ สมัคร ufabet แทงบอล เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน - บทที่ 328 เจ้ามนุษย์พวกนี้ไปกันสักที

  1. Home
  2. บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน
  3. บทที่ 328 เจ้ามนุษย์พวกนี้ไปกันสักที
Prev
Next

บทที่ 328 เจ้ามนุษย์พวกนี้ไปกันสักที

บุปผาฟากฝั่งบนเถากลืนกินเซียนเบ่งบาน เสิ่นเทียนจมเข้าไปในธารน้ำแข็งทั้งตัว

วินาทีต่อมา เขตแดนเนตรสองลักษณ์หยินหยางก็เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง หินหนืดใต้ดินหลั่งทะลัก

ฉีเซ่าเสวียน หวังเสินซวีกับเอ๋าอูสามคนมองหน้ากัน ไม่นึกเลยว่าเสิ่นเทียนจะใจกล้าเช่นนี้ ถึงขนาดตามลงไป

ถึงอย่างไรนั่นก็คือต้นชาตระหนักรู้อายุแสนปี ปกติมีระดับพลังไม่อาจจินตนาการได้ หากอยู่โลกข้างนอก กระทั่งอาจจะก้าวสู่วิถีเซียน

ทว่าบนเกาะมังกรนี้ ต้นชาตระหนักรู้นี่เหมือนจะไม่ได้มีกำลังรบแข็งแกร่งมาก อาจจะพูดได้ว่าถูกจำกัดไว้อย่างมาก

ไม่เช่นนั้น คงไม่ถึงกับโดนเสิ่นเทียนไล่ตาม

บึ้ม~

ทันใดนั้น ธารน้ำแข็งแตกออก

รากไม้สีมรกตพุ่งขึ้นมาจากใต้ดิน ดันร่างหนึ่งออกมา

ฟิ้ว!

ร่างคนนั้นเหมือนถูกถีบปลิวไป ลอยไปหลายร้อยจั้งในพริบตา ไม่ใช่เสิ่นเทียนที่ยิ้มหน้าบานแล้วจะเป็นใครอีก

“กำไรเลือดสาด หนนี้กำไรเลือดสาด!”

เสิ่นเทียนยิ้มแป้น ใบชาที่เหมือนกับหยกในอ้อมอกเปล่งประกายระยิบระยับ

ใช่แล้ว เสิ่นเทียนเก็บใบชาสูงสุดบนยอดต้นชาตระหนักรู้มาด้วย

ไม่มีใครรู้ว่าใบพวกนี้ล้ำค่าเพียงใด แต่จะเห็นได้ชัดเจนว่าต่อให้เป็นเซียนแท้จริงก็ยังใจสั่นไหวกับสมบัติสุดยอดนี้

พวกฉีเซ่าเสวียนสามคนมองใบชาในอ้อมอกเสิ่นเทียนด้วยความตื่นตกใจอย่างยิ่ง ไม่อาจเบนสายตาไปได้

ไม่ใช่ว่าเกิดความคิดละโมบ แต่ใบชานี้เหนือธรรมดาเกินไป มองแค่ทีเดียวยังเกิดแรงดึงดูดมหาศาล ยากจะถอนตัวได้

“สหายฉี สหายหวัง เสี่ยวอู สามส่วนนี่เป็นของพวกเจ้า”

เสิ่นเทียนเก็บใบชาสูงสุดไป ก่อนจะหยิบกระป๋องเล็กสามกระป๋องมาจากแหวนเวหา ส่งให้ทุกคน

ทุกกระป๋องเล็กบรรจุใบชาตระหนักรู้สีเงินสามใบกับใบชาตระหนักรู้ธรรมดาที่ยังไม่โตเต็มที่อีกหลายสิบใบ

ทันทีที่เปิดฝาออก ก็ได้กลิ่นหอมชาชัดเจนรอบตัว ทำให้จิตใจคนใสสะอาด เข้าไปอยู่ในสภาวะ ‘ตระหนักรู้’

ฉีเซ่าเสวียนถือกระป๋องเล็กในมือพลางรู้สึกว่ากระป๋องที่เหมือนดูเบาหวิวนี่ ตอนนี้กลับหนักอึ้งราวกับภูเขาไท่ซาน

เขาส่ายหน้าพลางยิ้มแห้งๆ “นี่เป็นของที่สหายเสิ่นเก็บมา แซ่ฉีจะเอาไปเปล่าๆ ได้อย่างไร”

ทางด้านหวังเสินซวี ถึงจะมองกระป๋องเล็กสามอันนี้ตาปริบๆ แต่ก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้เช่นกัน “แม้แต่เจ้านี่ยังรู้จักเกรงใจ แซ่หวังก็จะไม่มีทางรับสมบัติสุดยอดเช่นนี้ไว้เปล่าๆ เด็ดขาด”

เอ๋าอูเป็นคนมองโลกในแง่ดีอยู่แล้ว “พี่เสิ่นเทียน ข้าจะรับใบชาพวกนี้ไว้ ถึงตอนนั้นข้าจะให้ท่านพ่อแลกเป็นสมบัติล้ำค่าให้ท่าน!”

ใช่ องค์รัชทายาทมังกรที่เป็นที่รักมากที่สุดทำตามใจตัวเองได้อยู่แล้ว

…………..

เสิ่นเทียนยิ้ม “ทุกท่านไม่ต้องเกรงใจ ต้องโทษแซ่เสิ่นที่ก่อนหน้านี้เก็บผลจุดกำเนิดมังกรรุนแรงเกินไป ทำให้ต้นชาตระหนักรู้ตกใจหนีไป เดิมทีหากต้นชาไม่หนีลงดิน พวกเจ้าก็น่าจะได้ใบชาตระหนักรู้มาไม่น้อย ดังนั้นแซ่เสิ่นให้น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ กับทุกคน ทุกคนก็ไม่ต้องเกรงใจเลย”

ดูสิ ดูคำอธิบายอันยอดเยี่ยมนี้สิ

คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้สามคนซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

นี่สิผู้มีคุณธรรมสูงส่งและถ่อมตัวอย่างแท้จริง! มีสหายเช่นนี้คือโชควาสนาของข้า!

ด้วยความที่เสิ่นเทียนยืนกรานอีกหลายครั้ง สามคนจึงรับใบชาตระหนักรู้ของตนไปด้วยความจำใจ

ขณะเดียวกันสามคนยังแอบสาบานเงียบๆ ในใจ ชีวิตนี้ชาตินี้ ขอแค่ยังมีลมหายใจจะต้องตอบแทนน้ำใจของสหายเสิ่นให้ได้!

แน่นอน จะมีโอกาสคืนน้ำใจนี้หรือไม่…

มีเพียงสวรรค์ที่รู้~

ส่วนเสิ่นเทียนจะเก็บใบชาตระหนักรู้ของตัวเองไปเท่าไร ด้วยความฉลาดของสามคนจึงไม่ได้เอ่ยถาม

หนึ่ง คำถามนี้อ่อนไหวไปหน่อย เพื่อเลี่ยงการสงสัยจึงจะถามสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้

สอง หากสามคนจะถามและได้คำตอบจริงๆ ตนคงถูกกระทบกระเทือนจิตใจอนาถน่าดู

ในเมื่อเช่นนั้น สู้กดความอยากรู้อยากเห็นในใจไว้ อย่าหาเรื่องทำร้ายตัวเองดีกว่า

…….

ต้นไม้เทพสองต้นจมหายลงไปใต้ดิน เขตแดนเนตรสองลักษณ์หยินหยางจึงเริ่มค่อยๆ หุบกลับไป

แสงจันทร์เต็มดวงสาดส่องบนพื้นดิน ดูเงียบเหงาและอ้างว้างอย่างชัดเจน

ไม่ว่าใครที่เห็นแผ่นดินแห่งนี้ คงยากจะคาดคิดได้ว่าเมื่อครู่ก่อน ที่นี่ยังมีโชควาสนายิ่งใหญ่ มีต้นไม้เทพสูงสุดสองต้นปักหลักอยู่

“ตอนนี้เราจะไปที่ใดรึ”

หวังเสินซวีมองเสิ่นเทียนด้วยใบหน้าอยากรู้อยากเห็น

เสิ่นเทียนหรี่ตาลงเล็กน้อย ดูเหมือนจะสุขสบายใจมาก

ความรู้สึกที่ดวงชะตาแกร่งขึ้นนี้สุขสบายมาก มีความสุขยิ่งกว่าไปเที่ยวสำนักนางโลมหรือไปนวดอะไรพวกนี้อีก

เขาชำเลืองตามองศีรษะของฉีเซ่าเสวียน หวังเสินซวีและเอ๋าอู ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “เราได้ทรัพยากรในเกาะมังกรนี่มาเยอะมากแล้ว เผ่ามังกรอื่นตอนนี้อยู่ในรังไม่ออกมา ยากจะหาโชคลิขิตอื่นๆ ได้อีก

สู้อาศัยตอนที่ใบชาตระหนักรู้พวกนี้เพิ่งเก็บเกี่ยวมายังสดใหม่ที่สุด กลับไปแดนลับฉางเซิง ต้มชาตระหนักรู้ลองดูสักสองถ้วยดีกว่า และจะได้ให้สหายหวังได้ตระหนักคัมภีร์ชีวิตนิรันดร์มากขึ้น ฟื้นอายุขัยพวกนั้นกลับมาให้เร็วที่สุดด้วย”

หวังเสินซวีตาเป็นประกายขึ้นมา “สหายเสิ่นพูดถูก!”

ชาตระหนักรู้ไม่ใช่แค่ยกระดับการตระหนักรู้ของผู้ฝึกบำเพ็ญตลอดกาล แต่ชั่วขณะที่เพิ่งดื่มน้ำชาไปนั้นยังเพิ่มประสิทธิภาพเป็นเท่าตัวด้วย

ทักษะการตระหนักรู้มากมายคงอยู่เหนือสามัญ กระทั่งหลังจากดื่มชาตระหนักรู้แล้วจะเข้าสู่สภาวะตระหนักรู้ ถึงตอนนั้นทักษะการตระหนักรู้จะเพิ่มขึ้นสิบเท่าขึ้นไป

แม้สภาวะนี้จะคงอยู่ไม่นานนัก แต่ก็มากพอจะให้หวังเสินซวีเพิ่มความชำนาญในคัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์ได้อย่างมาก

เมื่อนึกถึงตรงนี้ หวังเสินซวีก็รีบควักถุงยาเล็กออกมาจากกระเป๋า

เขาพูดด้วยความตื่นเต้น “นี่คือโสมสามพันปี เก๋ากี้ ผลหม่อนและหวงจิงที่แซ่หวังสะสมไว้ หากสหายเสิ่นไม่รังเกียจ ก็ต้มกับชาตระหนักรู้ได้”

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะยิ้ม “แค่กๆ สหายหวังเก็บเอาไว้ใช้เองเถอะ!”

ตลก ข้าได้รับขนานนามว่าปืนเล็กเทพสวรรค์ ต้องใช้ของพวกนี้รึ

ถ้าเติมเจ้าพวกนี้ไปในชา รสชาติคงหนักเกินไป

เจ้าคิดว่านี่เป็นชาโสมคนห้าสิ่งเลอค่ารึ!

……..

หลังจากกำหนดการเดินทางแล้ว พวกเสิ่นเทียนก็มาถึงแดนลับฉางเซิง เริ่มเตรียมต้นชาตระหนักรู้

ชาตระหนักรู้เป็นของหายากสูงสุด โดยเฉพาะชาตระหนักรู้ที่เสิ่นเทียนเก็บมา ทุกใบคือใบชาระดับสูงสุดอายุหลายปี

ต่อให้เป็นใบชาธรรมดาที่ท่วงทำนองมรรคขาดหายพวกนั้น หากไปอยู่ในแดนเทวาแดนผาสุกพวกนั้น ก็ยังทำให้ผู้สูงศักดิ์มากมายแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง

จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงชาตระหนักรู้โตเต็มที่สีเงินพวกนี้ นี่คืออาวุธอริยะในโอสถวิญญาณฟ้าดิน

นอกจากเศรษฐีใหญ่ผู้มั่งคั่งอย่างเสิ่นเทียนแล้ว ทั้งดินแดนบูรพาไปจนถึงทั้งห้าดินแดน เกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่เอาใบชาเช่นนี้ออกมาต้อนรับสหายได้ตามใจ

ถึงอย่างไรมูลค่าของใบชาตระหนักรู้หนึ่งใบ ก็ยังมากกว่าทรัพย์สินทั้งบ้านของผู้สูงศักดิ์มากมายแบบไม่เห็นฝุ่น

เสิ่นเทียนไม่ได้มีนิสัยดื่มชา ดังนั้นจึงไม่มีเครื่องชาระดับสูงในแหวนเก็บของ

และถึงหวังเสินซวีจะดื่มชาทุกวัน แต่เจ้านี่ดื่มชาห้าสิ่งเลอค่า พอเอาเครื่องชาออกมา ทั้งแดนลับฉางเซิงก็อบอวลไปด้วยกลิ่นของเก๋ากี้

สุดท้าย ฉีเซ่าเสวียนก็นำเครื่องชาสีม่วงอาวุธระดับวิญญาณขั้นสูงสุดชุดหนึ่งออกมา

แม้ต่อให้เป็นเครื่องชาอาวุธวิญญาณระดับสูงสุด ในด้านทฤษฎีก็ยังไม่เหมาะกับชาตระหนักรู้ระดับนี้ เกรงว่าต้องเป็นอาวุธอริยะ

แต่ตอนนี้ไม่มีเครื่องชาอื่นมาแทน จึงได้แต่ถอยรองลงมา

ใบชากับเครื่องชามีแล้ว ต่อไปคือน้ำต้มชา นี่สำคัญมากเช่นกัน

ยิ่งเป็นน้ำแร่วิญญาณระดับสูงสุดที่เต็มไปด้วยท่วงทำนองมรรคมากเท่าไร ภายใต้การกระตุ้นด้วยเพลิงวิญญาณก็จะยิ่งแสดงสรรพคุณยาของชาตระหนักรู้ออกมาได้มากเท่านั้น

น้ำแร่วิญญาณเช่นนี้ สารภาพตามตรงหาไม่ได้ง่ายๆ

สุดท้ายเสิ่นเทียนก็ขี้เกียจหา จึงนำของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานออกมาชั่งหนึ่ง

แม้การใช้ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานสีขาวเงินต้มชา เสิ่นเทียนจะไม่รู้ว่าต้มออกมาเป็นชาเขียวหรือชานมกันแน่ แต่เอาของมาต้มรวมกันแล้ว อย่างน้อยก็ต้องไม่แย่ เอามาต้อนรับพวกฉีเซ่าเสวียน ก็ถือว่าพอให้เกียรติผักกุยช่ายพวกนี้แล้ว!

ความจริงก็เป็นอย่างที่เสิ่นเทียนคิด ตอนที่เห็นของเหลวศักดิ์สิทธิ์สีขาวเงินต้มชาตระหนักรู้สีขาวเงินนั้น พวกฉีเซ่าเสวียนสามคนมีสีหน้าแปลกมาก

เหมือนจะซาบซึ้งใจ และเหมือนอยากจะร้องไห้หลายส่วน~

จะว่าไปของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานจากเถากลืนกินเซียนกับใบชาตระหนักรู้ล้วนเป็นสุดยอดสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในห้าดินแดน

การต้มพวกมันเข้าด้วยกันเช่นนี้ คงไม่ถือว่าทำเสียของดีหรอกกระมัง

คนมีเงินอย่างสหายเสิ่นทำอะไรตามใจได้จริงๆ~

………

รับผลประโยชน์เขามาแล้วก็ต้องให้เกียรติ ดื่มชาตระหนักรู้ของเขาแล้ว ฉีเซ่าเสวียน หวังเสินซวีและเอ๋าอูย่อมไม่พูดฉีกหน้าอะไร

แต่ถึงวิธีการต้มชาจะแปลก แต่เมื่อเสิ่นเทียนเร่งรัดอัคคีอรุณใต้ถึงจุดสูงสุด ทำให้ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานเดือดปุดๆ แล้ว ใบชาตระหนักรู้ก็แผ่ออกไปช้าๆ

ใบชาสีเงินนั้นขยับไปมาในของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานสีเงิน แผ่ท่วงทำนองมรรคของตนออกมาอย่างเต็มที่

เสิ่นเทียนใส่ใบชาตระหนักรู้ไปทั้งหมดสี่ใบ แบ่งเป็นลักษณะหม้อ ระฆัง กระจกและหอก

หลังน้ำชาเดือดแล้ว ใบชาสี่ใบนั้นลอยอยู่กลางอากาศ รวมออกมาเป็นกฎเกณฑ์มรรค แฝงไว้ด้วยความลึกล้ำสูงสุด

หากพวกเสิ่นเทียนสนใจ เมื่อดื่มน้ำชาพวกนี้ไปและตั้งใจตระหนักในกฎเกณฑ์พวกนี้ละก็ ถึงขั้นมีโอกาสจับเศษเคล็ดวิชาสะท้านโลกในยุคโบราณได้ ฟื้นฟูวิชาสังหารต้องห้ามโบราณบางอย่างได้

แน่นอน เมื่อเทียบกับวิชาลับมหาจักรพรรดิที่สมบูรณ์อยู่แล้ว เคล็ดวิชาพวกนี้มีมูลค่าต่างกันอย่างชัดเจน

“ครั้งนี้แซ่หวังจะฝึกคัมภีร์วสันต์นิรันดร์ให้ถึงขั้นสูง!”

หวังเสินซวีดื่มชาตระหนักรู้ไปอึกหนึ่ง รู้สึกรสชาติแปลกมาก

เปรี้ยวนิดๆ หวานหน่อยๆ ร้อนเล็กน้อย และยังมีกลิ่นหอมชาอ่อนๆ รสชาติกลมกล่อมมาก เนื้อสัมผัสเต็มอิ่มมาก~

ขณะเดียวกัน พลังงานมหาศาลกลุ่มหนึ่งไหลไปตามเส้นเลือดลมหวังเสินซวี แผ่กระจายไปทั่วร่างกาย

นั่นคือฤทธิ์ยาของของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพาน สัมผัสได้ว่าไตเขาเสียหาย อายุขัยทางธรรมชาติขาดหาย จึงเติมเต็มอายุขัยให้เขาก่อน

พลังงานลึกลับอย่างยิ่งอีกกลุ่มไหลไปตามเส้นประสาทของเขา ทะลักเข้าไปในสมองของหวังเสินซวี

นั่นคือผลพิเศษของใบชาตระหนักรู้ ที่จะเพิ่มทักษะการตระหนักรู้ให้หวังเสินซวีหลายเท่าในเวลาสั้นๆ กระทั่งเป็นหลายสิบเท่า

ในเวลานี้ ไม่ว่าหวังเสินซวีจะตระหนักวิชาใดก็จะได้ผลเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า

ต่อให้ผ่านไปช่วงนี้ การตระหนักรู้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นไม่น้อยตลอดกาล

และนี่ คือผลที่คนให้ความสำคัญมากที่สุดของใบชาตระหนักรู้

…….

“รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง”

เสิ่นเทียนจ้องหวังเสินซวีไม่วางตา ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการชงชาครั้งแรกของเขา

หากหวังเสินซวีไม่ดื่มก่อนและยืนยันว่าการชงชาเช่นนี้ไม่เป็นไร ไม่ได้ดื่มยาก เสิ่นเทียนก็คงไม่กล้าดื่มมั่ว

หวังเสินซวีหรี่ตาลง ดูเหมือนสุขสบายมาก เขายิ้มเคลิบเคลิ้ม “รสชาติหรือ เหอะๆ แก้วเดียวสดชื่น รสชาติเยี่ยมที่สุด”

พูดจบ หวังเสินซวีก็รินให้ตัวเองอีกแก้ว ก่อนจะจิบอย่างมีความสุข

เสิ่นเทียนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้ว “ดี ถ้าอร่อยเจ้าก็ดื่มเยอะๆ สหายฉี เสี่ยวอู พวกเจ้าก็ดื่มด้วยเถอะ!”

ฉีเซ่าเสวียนกับเอ๋าอูมองหน้ากัน ได้แต่รินใส่แก้วด้วยความจำใจ จากนั้นหลับตากระดกใส่ปาก

อืม~

ว้าว รสชาติไม่เลวเลย!

ความรู้สึกเปรี้ยวๆ หวานๆ หอมๆ ร่วนๆ ระเบิดในปาก ขณะเดียวกันยังมีพลังงานกายเนื้อและพลังจิตสองชนิดปะทะกันอย่างแรง ทำให้คนรู้สึกงดงามเสียจนคุมตัวเองไม่ได้

กระทั่งฉีเซ่าเสวียนยังรู้สึกว่าตอนนี้ตนเหมือนจะหลอมรวมกับฟ้าดิน เข้าไปอยู่ในขอบเขตมหัศจรรย์ยากจะบรรยายได้บางอย่าง

เขารู้สึกว่ามรรคของตนเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนมาก วิชาที่ฝึกฝนเมื่อก่อนเรียงอยู่ตรงหน้าตน ขณะเดียวกันยังเกิดการตระหนักรู้ใหม่ขึ้น

ข้างหลังเขาจะเห็นเป็นไอม่วงจากบูรพาสามหมื่นจั้ง ในไอม่วงนั้นมีเผิงสวรรค์ขยับปีกบิน มีมังกรเทพเวียนว่ายสวรรค์เก้าชั้น

ปรากฏการณ์ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งทุกรายละเอียดยังสมจริงยิ่งขึ้น

ดวงจิตดรุณสีม่วงเหนือศีรษะเขาเติบโตขึ้นช้าๆ นี่หมายความว่าระดับพลังของฉีเซ่าเสวียนกำลังพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว น่าตื่นตกใจ

ทางด้านเอ๋าอู เมื่อดื่มชาตระหนักรู้แก้วหนึ่งแล้ว ร่างเล็กก็ลอยขึ้นมา

เขากำหมัดเล็ก ชกหมัดอยู่กับที่พลางส่งเสียงหึๆ ฮาเหอะ ท่าทางจริงจังนั้นดูมีความสง่างามอยู่หลายส่วนจริงๆ

…….

พวกสหายตื่นเต้นกันเช่นนี้ เสิ่นเทียนก็ไม่เกรงใจแล้ว

เขารินน้ำชาแก้วหนึ่งและดื่มไปช้าๆ รู้สึกว่ากายเนื้อพลันอบอุ่นขึ้นอย่างมาก

วิชาหลอมกายคบเพลิงและพลังแห่งปัญจธาตุช่วงชิงพลังของของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานอย่างบ้าคลั่ง หลอมรวมมันเป็นพลังงานต้นกำเนิดเดียวกัน

ส่วนพลังเบิกฟ้ากลุ่มนั้นตรงจุดตันเถียนเขา ตอนนี้ค่อนข้างสงบนิ่งและเฉยชา ไม่มีทีท่าจะแย่งชิงของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานพวกนี้

“ไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะใช้ไอเบิกฟ้ากลุ่มนี้ได้ ไม่ไหวจริงๆ ไล่ออกไปก็จบแล้ว! มาอยู่ในตัวแบบนี้ ทำให้ไม่รู้สึกปลอดภัยจริงๆ”

เสิ่นเทียนพูดงึมงำกับตัวเอง ถึงอย่างไรทุกคนก็รู้ถึงความน่ากลัวของไอเบิกฟ้า แม้แต่ผู้อริยะยังไม่กล้าประมาท

ตอนนี้เสิ่นเทียนได้ทรัพยากรในเขตทะเลเบิกฟ้ามามากมายเช่นนี้ เกิดไอเบิกฟ้าปะทุออกมา ทำให้ร่างนี้ของเขาจมไปในเขตทะเล

นั่นจะไม่ขาดทุนเลือดสาดรึ

ไม่ได้การ รอหมอกเบิกฟ้าเกาะมังกรเปิดออกครั้งนี้ จะต้องกลับไปเมืองแห่งสุขาวดีก่อน

อย่างน้อยก็ต้องจัดการสมบัติพวกนี้ในตัวให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยว่ากัน

อืม~

เหมือนว่าจะตั้งเป้าหมายที่สุดท้ายต้องตบหน้าตัวเองเอาไว้โดยไม่รู้ตัวเลย

อันตราย!

…….

ทุกคนดื่มชาตระหนักรู้แล้วก็เข้าสู่การตระหนักรู้ในระดับลึกซึ้ง

ฉีเซ่าเสวียนระดับพลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก และยังถือโอกาสแอบชำเลืองตามองคัมภีร์วสันต์อมตะนิรันดร์ แอบเรียนวิชาลับบำรุงชีวิตนี้ไปด้วย

ส่วนหวังเสินซวีนอนหมอบหน้าศิลาเทพเต่าดำ ยื่นหดศีรษะหายใจเข้าออกไม่หยุด พยายามฝึกคัมภีร์วสันต์นิรันดร์ให้ได้เร็วที่สุด

มีแต่แบบนี้เท่านั้นเขาถึงจะหลุดพ้นจากสถานการณ์เก้อเขินอย่าง ‘ชีวิตไม่พอให้ตัด’!

เวลาผ่านไปช้าๆ ท่ามกลางความกลมเกลียวและเต็มอิ่ม พริบตาเดียวรอบสามเดือนที่เกาะมังกรจะเปิดก็มาถึง

พวกเสิ่นเทียนเฝ้าอยู่รอบนอกเกาะเทพมังกรนานแล้ว รอปราการเบิกฟ้าเปิด

เพราะอย่างไรตอนนี้เขตทะเลเบิกฟ้าก็เปิดมาเจ็ดแปดเดือนแล้ว

หากมาไม่ทันปราการเปิดครั้งนี้และต้องรอครั้งต่อไป ก็ต้องเสียเวลาไปอีกสามเดือน

ถึงตอนนั้นคงเหลือเวลาก่อนเขตทะเลเบิกฟ้าจะปิดไม่มาก ดีไม่ดีขืนหลงทางอีก ทุกคนได้จบเห่กันหมดแน่

เพื่อความมั่นใจ ออกไปก่อนจะดีกว่า และเดินทางไปเขตปลอดภัย

…………

เปรี้ยง~

ในที่สุดปราการเบิกฟ้าก็เปิดออกช้าๆ ท่ามกลางสายฟ้าเฝ้ารอคอยของทุกคน

สี่คนพากันกลายเป็นประกายแสงพุ่งไปนอกเกาะเทพมังกร ด้านหลังเป็นแววตามีความสุขเต็มไปหมด

แววตาพวกนั้นมาจากมังกรยักษ์บนเกาะ เจ้ามนุษย์พวกนี้ไปกันสักที!

มีเสียงถอนหายใจหนึ่งดังมาจากเขตใจกลางเกาะ

เหมือนว่าจะดังมาจากยุคโบราณ~

……………………