ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 365 กำแพงมีหู
บทที่ 365 กำแพงมีหู
หลูเฟิงได้สำรวจเรือนร่างและใบหน้าที่เย้ายวนของเม่ยซินอย่างหน้ามืดตามัวแล้วเชิดหน้าพูดออกมาอย่างภูมิใจ “มันจะสักเท่าไหร่กันกับอีแค่ร้อยแปดสิบเมตรเท่านั้น”
“ต่อให้ไกลกว่านี้สองเท่าข้าก็ยังได้ยินเรื่องราวภายในได้เลยนะเออ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เม่ยซินก็เผยสีหน้าที่เปี่ยมสุขออกมา นางรีบเข้าไปเกาะแขนของหลูเฟิงแล้วพูดออกมาอย่างออดอ้อน “ศิษย์พี่หลูเฟิง ถ้าอย่างนั้นข้าคงต้องรบกวนความสามารถอันล้ำเหลือของท่านบอกเล่าเรื่องราวภายในห้องเกี่ยวกับเรื่องของพี่สาวหยานเสวี่ยหน่อยได้รึเปล่าคะ”
หลูเฟิงที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับความละมุนบนท่อนแขนของตนนี้ก็พยักหน้ารับอย่างไม่ลืมหูลืมตาด้วยรอยยิ้มเคลิบเคลิ้มแล้วพูดออกมา “ไม่ต้องห่วงเลยกับเรื่องนี้ สำหรับพี่มันเป็นเพียงเรื่องเล็กๆเท่านั้น”
เมื่อศิษย์คนอื่นได้ยินแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะรุมล้อมหลูเฟิง ก่อนที่จะเงี่ยหูฟังอย่างเงียบงันประหนึ่งดังกลัวว่าจะพลาดในสิ่งที่หลูเฟิงกำลังจะอธิบายออกมา
เมื่อเห็นว่าพื้นที่ของตนกลับเงียบสงบลง หลูเฟิงก็สามารถตั้งมั่นในสมาธิและเพ่งจิตของตนกระตุ้นกระแสจิตให้ลุกโชน ก่อนจะส่งมันเข้าไปรับสัมผัสภายในห้องของหยานเสวี่ย
ยังดีที่เรื่องนี้หาได้ใช่ความลับของสำนัก ทั้งผอ.ฉีและหลิวฉิงหยุนที่เป็นผู้อาวุโสสูงสุดจึงไม่ได้คิดจะสร้างกำแพงเสียงขึ้นมาปิดกั้น
และเพียงจะแสดงความสามารถของตนให้สาวงามได้ประจักษ์ หลูเฟิงเองก็เริ่มเงี่ยหูฟังประหนึ่งดังเตรียมตัวจะพูดออกมาทุกเมื่อที่ด้านในห้องมีความเคลื่อนไหว
“ดูเหมือนว่าผอ.ฉีนั้นต้องการจะรับเฉินเฉียงเข้าไปเป็นศิษย์ภายในสำนักโดยตรงในฐานะศิษย์แผนกวิชายุทธ แถมพร้อมที่จะแหกกฎของสำนักที่รักษามาอย่างเคร่งครัดได้ทุกเมื่อที่ได้รับคความยินยอมด้วยแฮะ”
“แถมแม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดหลิวฉิงหยุนเองก็……ต้องการเป็นอาจารย์ประจำตัวของเฉินเฉียงอีกด้วย”
“ห้ะ”
เมื่อได้ยินคำสาธยายของหลูเฟิงแล้ว เสี่ยวหลูไจ๋ที่ไม่ได้สนใจไยดีในเรื่องนี้ถึงกับต้องอุทานออกมาแล้วรีบกระโจนเข้ามาหา
“ไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ไอ้เด็กเวรเฉินเฉียงที่เป็นเพียงผู้ติดตามของน้องหยานเสวี่ยเนี่ยนะ”
“มันไม่ได้เป็นศิษย์ในด้วยซ้ำ แล้วจะไปแหกกฎรับเข้าเป็นศิษย์ภายในแผนกยุทธกันด้านๆอย่างนี้น่ะเหรอ”
“พี่หลูเฟิง ท่านต้องฟังผิดเป็นแน่”
“นั่นน่ะสิพี่หลูเฟิง ท่านควรจะฟังให้ดีกว่านี้ก่อนจะสรุปความนะ ก่อนหน้านี้เสี่ยวหลูไจ๋เองก็บอกออกมาว่าศิษย์ผู้นำแผนกปรุงยาศิษย์พี่หลิวเซียงนั้นได้ถูกฆ่าเพราะน้องหยานเสวี่ยและผู้ติดตามอยู่เลย”
“หากเป็นเรื่องที่ผอ.และผู้อาวุโสสูงสุดไม่ลงโทษในความผิดนี่พวกเราก็พอเข้าใจได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่ก็ไม่ควรจะกลับกลายเป็นการรับเข้าเป็นศิษย์ภายในโดยตรงแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”
คำพูดของหลูเฟิงที่ถ่ายทอดออกไปนี้แม้แต่หลูเฟิงเองก็ยังยากที่จะเชื่อเลยเหมือนกัน
นั่นก็เพราะกลายเข้าไปเป็นศิษย์ในของสำนักนั้นยากยิ่งสำหรับศิษย์นอกอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่นี่คือเฉินเฉียงนั้นไม่ได้เป็นศิษย์นอกด้วยซ้ำ
เป็นไปได้ว่าเฉินเฉียงที่กำลังถูกกล่าวถึงจะมีเบื้องหลังที่ทรงพลังรึเปล่า
“ชู่วววว จะเอะอะทำไม พวกเจ้าไม่รู้รึไงว่าหลูเฟิงนั้นมีพลังจิตที่ทรงพลังขนาดไหน แล้วเขาจะฟังผิดได้ยังไง”
“ข้าว่านี่เป็นเหตุผลที่ทำไมทั้งผอ.และผู้อาวุโสสูงสุดต้องเข้าไปข้างในพร้อมกัน”
“ปล่อยให้พี่หลูเฟิงฟังดีๆแล้วบอกออกมาว่าเฉินเฉียงนั้นไปทำอีท่าไหนถึงได้ต้องตาต้องใจผอ.และผู้อาวุโสสูงสุดแบบนี้จะดีกว่า”
หลังจากสงบจิตใจลงได้ หลูเฟิงก็ได้เพ่งกระแสจิตของตนออกไปอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้อยู่ๆหลูเฟิงก็แสดงออกมาด้วยท่าทางที่ยากจะบ่งบอกว่าเขาได้ยินอะไร
เมื่อเห็นท่าทางนี้แล้ว ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะต้องรีบถามออกมา “พี่หลูเฟิง ด้านในเขาว่ายังไงกันมั่ง บอกข้ามาสิ อย่าปล่อยให้พวกเราต้องค้างคาแบบนี้”
หลูเฟิงค่อยๆบิดคอไปแล้วพูดออกมาทีละคำสองคำ “….คน คนที่ชื่อ…เฉินเฉียง…ปฏิเสธ..ไปแล้ว”
“ปฏิเสธ…ห้ะ ปฏิเสธอะไรกัน ท่านอย่าพูดครึ่งๆกลางๆแบบนี้สิ ต่อให้พวกเราไม่เชื่อในสิ่งที่ท่านพูด แต่พวกเราก็ยังอยากจะให้ท่านพูดมันออกมาให้ครบอยู่ดีนา”
หลูเฟิงกระแอมไปพักหนึ่งก่อนที่จะพูดออกมา “ก็ ผอ.ได้พูดว่าต้องการให้เฉินเฉียงกลายเป็นศิษย์ภายใน โดยมีผู้อาวุโสหลิวเสนอตัวรับเฉินเฉียงเป็นศิษย์”
“แล้วพวกเจ้ารู้รึเปล่าว่าไอ้เจ้าเฉินเฉียงนี่ตอบกลับไปว่าอะไร”
“ไอ้เด็กนี่พึ่งจะบอกไปว่าเขานั้นเป็นเพียงผู้ติดตาม ไม่ว่าจะยังไงขอติดตามของหนูของตนอยู่ข้างกาย”
“เมื่อคุณหนูของหมอนั่นไปที่ไหน เขาก็จะตามไปด้วยไม่ห่าง”
“หรือก็คือ ไอ้หมอนี่พึ่งจะปฏิเสธผอ.กับผู้อาวุโสสูงไปอย่างนิ่มๆแบบไม่ไยดี”
“ไอ้ฉิบหาย หัวสมองเด็กนี่มันมีปัญหารึไงกัน”
“ไม่ต้องผ่านการสอบคัดเลือกแต่ได้เข้าไปเป็นศิษย์ภายในโดยตรงเลยนะ โอกาสดีๆแบบนี้แม้แต่พวกเราที่เป็นศิษย์นอกก็ยังไม่อาจจะคิดฝัน”
“แล้วไอ้นี่เป็นเพียงผู้ติดตามไม่ใช่แม้แต่ศิษย์นอก กลับปฏิเสธเรื่องดีๆแบบนี้ได้อย่างหน้าตาเฉยงั้นรึ”
“แม่..มันเถอะ ข้าว่าไอ้เด็กนี่สมควรแล้วที่เกิดมาเป็นข้ารับใช้น่ะ”
“มันทำราวกับการเป็นศิษย์ของพวกเราไม่ได้มีค่าอะไรเลยนี่หว่า ว่าออกมาอย่างนี้ไม่บอกให้พวกเราฝนหัวให้แหลมไปขุดไล่ขุดดินเลยล่ะเฮ้ย ไอ้เด็กนั่นมันหยามหน้าพวกเราชัดๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลูเฟิงนี้ เหล่าศิษย์นอกต่างก็เป็นเดือดเป็นร้อนแทนอย่างบอกไม่ถูก
แม้แต่เสี่ยวหลูไจ๋ที่รอดูการแสดงดีๆก็ทำได้เพียงตะลึงงัน
ในสายตาของเขา หลิวเซียงนั้นคือคนที่คู่ควรกับเรื่องนี้เหนือยิ่งกว่าใครที่เขาได้เคยพานพบ แต่หลิวเซียงนั้นก็ทำได้เพียงการเป็นศิษย์ภายนอกที่มีความสามารถสูงล้ำของสำนักเต๋าใต้บาดาลเพียงเท่านั้น
และในตอนนี้ ศิษย์ที่มีความสามารถสูงล้ำหายไปถึงสองคน หนึ่งคือคนที่อยู่บนจุดสูงสุดของศิษย์นอก อีกหนึ่งคือผู้ที่พึ่งจะได้เข้าไปเป็นศิษย์ใน เมื่อเรื่องนี้มีผอ.และผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักเป็นผู้จัดการเองก็ไม่ควรจะออกมาเป็นแบบนี้นี่นา
ยังไม่รวมถึงเรื่องที่ว่าเสี่ยวหลูไจ๋นั้นได้ดูแคลนเฉินเฉียงมาโดยตลอดในทุกครั้งที่เจอ แต่ผอ.ทั้งสองนั้นกลับเอ่ยปากชักชวนเฉินเฉียงให้เข้าเป็นศิษย์ภายในแบบนี้
และที่น่าเกลียดยิ่งกว่าคือเมื่อโชคมาอยู่ตรงหน้า แต่ผู้ติดตามอันต่ำต้อยกลับปฏิเสธอย่างไม่ไยดี
ในตอนนี้ด้วยสถานการณ์ของหลิวเซียงและจ้าวเจียที่ไม่รู้ว่าจะอยู่รอดปลอดภัยหรือตกตายไปแล้วแต่กลับทำราวทั้งสองไม่มีตัวตน
นี่มันแสดงให้เห็นว่าขุมทรัพย์ล้ำค่าของแผนกปรุงยานั้นจะไม่มีตัวตนของหลิวเซียงอยู่อีกต่อไป
และเฉินเฉียงในตอนนี้จะเป็นที่จับจ้องของทุกคนในเหล่าศิษย์นอกไปอีกนาน
เมื่อคิดถึงความขัดแย้งระหว่างตน หยานเสวี่ยและเฉินเฉียงแล้วนั้น เสี่ยวหลูไจ๋ก็รีบวิ่งกลับตึกกิจการศิษย์นอกด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง
ส่วนเม่ยซินและหลี่กวงพร้อมกับคนอื่นๆนั้นยังตกในภวังค์การตื่นตกใจหลังจากได้ยินคำแถลงของหลูเฟิงก็ยังไม่ฟื้นคืนสติ
แต่ไม่นาน ทั้งหมดก็เริ่มที่จะถกเถียงกัน
โดยเฉพาะหลี่กวงที่กำลังพูดถึงผอ.และผู้อาวุโสสูงของตนอย่างออกรสออกชาติ
นี่มันจะไม่หนักไปหน่อยรึไงกัน
หากเป็นหยานเสวี่ยที่ถูกพูดถึง หลี่กวงก็ยังทำความเข้าใจและยอมรับได้อย่างไม่ยากเย็น
แต่ทำไมต้องเป็นเฉินเฉียงล่ะ
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากเชื่อขนาดไหนก็ตาม แต่ในเมื่อเรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้ เขาก็ทำได้เพียงเชื่อให้ได้เพียงเท่านั้น
“พี่หลูเฟิง ท่านบอกว่า….เด็กนั่น….เฉินเฉียงพึ่งจะบอกปฏิเสธผอ.และผู้อาวุโสสูงสุดไปเรื่องการเป็นศิษย์….”
ในขณะที่พูดออกมานี้ อยู่ๆเสียงของหลี่กวงก็ราวกับไม่อยากเปล่งเสียงออกมาให้ใครได้รับฟัง
หลูเฟิงยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างเข้าใจความรู้สึกแล้วพูดออกมา “ศิษย์น้องหลี่ ข้าเกรงว่าจะต้องทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว”
“ไม่เพียงผอ.จะไม่โกรธในเรื่องนี้ เขายังอนุญาตให้เฉินเฉียงมีตำแหน่งเป็นศิษย์นอกเพื่อมีสิทธิ์ทดสอบเข้าเป็นศิษย์ภายในในอีกสองเดือนข้างหน้า”
“นี่หมายความว่า ตราบใดที่ทั้งเฉินเฉียงและหยานเสวี่ยผ่านเกินมาตรฐานของศิษย์ภายใน ผอ.จะรับทั้งสองคนเข้าไปเป็นศิษย์ภายในและกลายเป็นศิษย์สำนักที่แท้จริง”
“ห้ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้หลี่กวงนั้นถึงกับโง่งมในทันที
“แถมผอ.ยังบอกอีกว่าเขานั้นไม่ได้กังวลว่าเฉินเฉียงจะขาดคุณสมบัติของศิษย์ใน เขากลัวว่าหยานเสวี่ยต่างหากที่จะขาดคุณสมบัติจนไปขัดขวางเส้นทางก้าวหน้าของเฉินเฉียงในการเข้าไปเป็นศิษย์ภายในด้วยซ้ำ”