ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 468-2 โลกใหญ่บนศพจักรพรรดิวิญญาณ (2)
บทที่ 468 โลกใหญ่บนศพจักรพรรดิวิญญาณ (2)
……….
เมื่อเห็นสายใยสีทองนับไม่ถ้วนปริแตก เขาก็ถอนหายใจ ความรู้สึกผิดยิ่งลึกมากขึ้น
เวลานี้ยกมือ สัมผัสไปรอบด้าน เพียงไม่นานสวี่ชิงก็หันหน้า มองไปเบื้องหน้าเยื้องทางขวาทันควัน
ตอนที่โบกข้อมือไปทางนี้ ความร้อนก็รุนแรงขึ้นมาพอสมควรอย่างชัดเจน
‘ทางนี้!’ สวี่ชิงดวงตาเผยแววเด็ดขาด แม้ว่าโลกนี้จะมีอันตรายอยู่ แต่ตอนนี้เขาสนใจมากไม่ได้แล้ว เมื่อวูบไหวก็พุ่งออกไป
พลังบำเพ็ญระเบิดออกไปรอบด้าน โคจรความเร็วสุดกำลัง พลังพิษต้องห้ามยิ่งแผ่ซ่าน ทุกจุดที่แล่นผ่าน ฟ้าดินครืนครัน ส่งเสียงแหวกอากาศเป็นระลอก
หนึ่งก้านธูปต่อมา จู่ๆ สวี่ชิงที่กำลังพุ่งทะยานก็ยกมือซ้ายกดไปเบื้องหน้า ทันใดนั้นวิหคทองก็ปรากฏขึ้นด้านหลัง เปล่งเสียงร้องคำราม แผ่เปลวเพลิง ขณะที่ส่องสว่างรอบด้าน ก็พุ่งทะยานลงไปเบื้องล่างต่อ
ขณะที่วิหคทองพุ่งออกไป มือผีขนาดยักษ์ข้างหนึ่งก็ก่อร่างขึ้นกะทันหันด้านล่างสวี่ชิง เดิมทีจะคว้ามาทางเขา แต่เวลานี้สัมผัสกับวิหคทอง
มือผีข้างนี้สีดำสนิท มีตุ่มหนองเต็มไปหมด ทุกตุ่มหนองเต็มไปด้วยผีนับไม่ถ้วนที่กำลังกรีดร้อง พวกมันจ้องมาทางสวี่ชิงเขม็ง เผยความบ้าคลั่งและความละโมบออกมา
จากเสียงครืนครันสะท้อนก้อง มือผีนี้ก็หายไปด้วยการปะทะกับวิหคทอง วิญญาณที่แฝงอยู่รอบๆ หลังจากกระจัดกระจายกันอยู่ก็รวมตัวกัน โรมรันเข้าหาสวี่ชิงด้วยจำนวนมากมายมหาศาล
แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ขณะที่วิหคทองแผ่เปลวไฟออกไปรอบๆ เสียงแหลมดังออกมาจากวิญญาณเหล่านั้น เหมือนกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟ สลายหายไปจนหมด
สวี่ชิงไม่สนใจ พุ่งทะยานไปตามการชี้นำของสายใยสีทองบนข้อมือต่อ
แต่ผ่านไปไม่เท่าไร จู่ๆ ใบหน้าเหี้ยมเกรียมขนาดยักษ์ของผีก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา อ้าปากกว้างคิดจะกลืนกิน
สวี่ชิงรีบร้อนหาหลิงเอ๋อร์ ตอนที่เบี่ยงตัวหลบ เจ้าเงาด้านหลังเขาบิดเบี้ยวปรากฏขึ้นข้างๆ ใบหน้าผี กลืนกินมันเข้าไปด้วยความตะกละตะกลาม แต่ไม่นานเจ้าเงาก็สั่นไปทั้งตัว สำรอกออกมา
สวี่ชิงขมวดคิ้ว เขาสัมผัสสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ได้ เป็นเพราะวิญญาณคนตายที่นี่มีคำสาปอยู่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาขบคิด ความเร็วของสวี่ชิงไม่ลดลง พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
บนข้อมือเขา ส่งเสียงปริแตกออกมาไม่หยุด!
สวี่ชิงหน้าเปลี่ยนสีก้มหน้าลงฉับพลัน
ในตอนนี้สายใยสีทองก็ปริแตก หลุดร่วงออกมาจากข้อมือสวี่ชิง
ความรู้สึกหดหู่วูบหนึ่ง ปะทุขึ้นมาในใจเขาในพริบตา
จากนั้นก็กลายเป็นความไม่สบายรุนแรง กลายเป็นความเจ็บปวดทิ่มแทงจิตใจ
สวี่ชิงหายใจหอบถี่ ยกมือคิดจะคว้าสายใยสีทองที่โปรยปรายเหล่านั้น แต่หลังจากสายใยสีทองเหล่านี้ปริแตก ก็สลายไปอย่างรวดเร็ว
คว้าไว้ไม่ได้
ท่ามกล่างความรำไร ราวกับมีร่างเงาเลือนรางร่างหนึ่ง กำลังหายไปจากความทรงจำ…
ในช่วงวิกฤตสำคัญ ดวงตาสวี่ชิงเผยประกายคมออกมา อสูรสมุทรบรรพกาลในวังสวรรค์วังที่หก จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะสวี่ชิง พ่นพลังวิถีสวรรค์มหาศาลออกมาหลั่งทะลักไปทางสายใยสีทองผืนนั้น
อสูรสมุทรบรรพกาลก็สัมผัสได้ถึงความร้อนรนของสวี่ชิง ทุ่มสุดกำลัง แผ่พลังวิถีสวรรค์ออกมาอย่างบ้าคลั่ง
วิธีนี้ใช้ได้จริงๆ แต่บางเรื่องหากอยากให้ย้อนคืนกลับมาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายถึงเพียงนั้น ถึงแม้การใช้พลังวิถีสวรรค์อสูรสมุทรบรรพกาลผสานเข้าไปจะทำให้การสลายของสายใยสีทองช้าลง แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งไว้ได้
เห็นได้ชัด ว่าแค่พลังอสูรสมุทรบรรพกาล ยังไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งการสลายหายไปของสายใยสีทอง
เห็นสายใยทองสลายไปอย่างต่อเนื่อง ความเจ็บปวดในหัวใจของสวี่ชิงทวีความรุนแรงขึ้น ดวงตาข้างซ้ายของเขากลายเป็นสีม่วง พระจันทร์สีม่วงในม่านตารุนแรงอย่างมาก
และดวงตาขวาก็เปลี่ยนไปกลายเป็นสีดำเช่นกัน ขณะที่แฝงพิษไร้ที่สิ้นสุดเอาไว้ ด้านหลังของเขาจำแลงพระจันทร์สีม่วงขึ้นมา ด้านหลังพระจันทร์สีม่วงมีดวงตาเฉยชาสีดำปรากฏออกมาเลาๆ
รอบด้านพลันเลือนรางลง ฟ้าดินบิดเบี้ยว อำนาจเทพเจ้าปะทุขึ้นมาจากสวี่ชิง หลังจากกายทิพย์ยกระดับขึ้นต่อเนื่อง สวี่ชิงก็จับจ้องสายใยสีทองที่กำลังสลายก็พูดออกไป
“หยุด!”
เมื่อส่งเสียงออกมา เสียงก็ดังก้องฟ้าครืนครัน แผ่นดินใหญ่สั่นสะเทือน
นี่คือสิ่งที่ลอกเลียนเสียงพึมพำพลังเทพเจ้าของฉู่เทียนฉวินมาจากตอนที่สวี่ชิงต่อสู้กับเขา ใช้อำนาจเทพสองชนิด ทำให้ร่างตนเป็นเหมือนเทพองค์ใหม่ เช่นนั้นคำพูดที่เปล่งออกมา จึงเป็นเสียงแห่งเทพเจ้า
สวี่ชิงรู้สึกว่า ในเมื่อพลังท้องฟ้ายังไม่เพียงพอ เช่นนั้นก็เพิ่มเสียงแห่งเทพเจ้าด้วยแล้วกัน…
ตอนนี้เมื่อเปล่งเสียงเทพเจ้าออกไป สายใยสีทองที่กำลังสลายก็พลันสั่นขึ้น ด้วยพลังของเสียงเทพเจ้ากับอสูรสมุทรบรรพกาลทั้งสองก็ค่อยๆ หยุดการสลาย!
แม้จะสลายไปแล้วกว่าครึ่ง แต่สุดท้ายก็มีส่วนหนึ่งเหลือเอาไว้
สวี่ชิงรีบยกมือคว้า สัมผัสความร้อนแรงแผ่ซ่านออกมาได้ ความรู้สึกร้อนรนปะทุขึ้นมา พุ่งทะยานตรงไปยังทางที่ความร้อนนั้นชี้นำอย่างรวดเร็ว
เข