ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 566-2 อำนาจเทพเจ้าเคราะห์หายนะ (2)
บทที่ 566 อำนาจเทพเจ้าเคราะห์หายนะ (2)
จากฝีเท้าที่เหยียบย่างลงมา ร่างขององค์ท่านก็ค่อยๆ ย่อเล็กลงจากร้อยจั้งมาเป็นสามสิบจั้ง แล้วมาเป็นสิบจั้ง จนกระทั่งสุดท้ายในตอนที่เปลี่ยนมามีขนาดเท่ากับคนปกติ สีทองทั่วทั้งร่างหายไป ประกายแสงสีทองในดวงตาสลายไป
สวี่ชิงรับช่วงการควบคุมร่างอีกครั้ง ในดวงตาฉายแววสงบนิ่ง เดินไปที่ลานกว้าง
ในทะเลความรู้สึกของเขา ตอนนี้ทั่วทั้งร่างนิ้วเทพเจ้าแผ่กลิ่นอายคำสาปเข้มข้น กำลังคำรามโมโหอย่างรู้สึกไม่เป็นธรรม
“อาหารที่แผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราทุกร่างล้วนมีสัญลักษณ์หมด ไม่ว่าจะฆ่าหรือจะกินล้วนแต่ได้รับคำสาปจากชื่อหมู่ของพวกเขาราวกับกรรมเวร!
“ข้าก็บอกแล้วว่าไม่กินๆๆ!
“ตอนนี้จบเห่แล้ว ทันทีที่ชื่อหมู่ตื่นขึ้นมา พวกเราจะเป็นคนแรกที่ถูกกิน!
“ข้าจะนอนๆ ครั้งนี้ไม่ว่าเจ้าจะตะโกนเรียกข้าอย่างไร ข้าก็จะไม่ตื่นเด็ดขาด!!”
มองนิ้วที่กระฟัดกระเฟียด สวี่ชิงปลอบประโลมในใจเล็กน้อย แต่นิ้วเทพเจ้าไม่สนใจสวี่ชิงเลย ตรงดิ่งไปยังติงหนึ่งสามสอง หลับใหลอย่างรวดเร็ว
เห็นเป็นเช่นนี้ สวี่ชิงก็จนปัญญา ไม่สนใจ เดินมายังลานกว้าง มองไปทางตวนมู่ฉาง
ตวนมู่ฉางถอยหลังไปสามสี่ก้าวตามสัญชาตญาณ แต่ก็ควบคุมตัวเองอย่างรวดเร็ว ยิ้มขื่นออกมา
“เจ้า…เจ้ายังเป็นเจ้าหรือไม่”
สวี่ชิงพยักหน้า สายตามองไปรอบๆ
เมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ว่างเปล่าแล้ว อาจจะเหลือพวกที่รอดอยู่บ้าง แต่พิษต้องห้ามอยู่ในกายก็มีชีวิตรอดไปได้อีกไม่นานเท่าไร
ตวนมู่ฉางรู้สึกค่อนข้างเหมือนฝัน การสังหารล้างบางเมืองสองเผ่าเช่นนี้ แต่ก่อนเขาเคยคิด แต่ว่าทำไม่ได้ ตอนนี้เห็นกับตาตัวเอง เขารู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องจริงเลย
จนกระทั่งนานหลังจากนั้น ตวนมู่ฉางถึงได้สูดลมหายใจลึก ในดวงตาฉายประกายอีกครั้ง
จะอย่างไรเขาก็เป็นเจ้ารัฐเล็กๆ ของเผ่ามนุษย์ เรื่องราวที่ประสบพบเจอมากมาย รู้ดีว่าเรื่องสำคัญในตอนนี้คือจะจัดการเรื่องราวภายหลังอย่างไร
“จากนั้นข้าจะไปรับพวกพ้องกลับมา”
ตวนมู่ฉางมองไปทางสวี่ชิง
“ได้” สวี่ชิงพยักหน้า บอกสถานที่ จากนั้นก็คิดครู่หนึ่ง ถามขึ้นว่า
“ทางตำหนักพระจันทร์สีชาดทางนั้น…”
ตวนมู่ฉางลุกขึ้น ในดวงตาฉายประกายแปลกประหลาด เขาในตอนนี้สะกดความตื่นตะลึงในใจโดยสมบูรณ์แล้ว เริ่มวิเคราะห์เรื่องที่ต้องจัดการ ได้ยินก็ส่ายหน้า
“ตำหนักพระจันทร์สีชาดอยู่สูงส่ง สำหรับความเป็นตายของเผ่าเล็กๆ สองเผ่านั้นไม่มีทางสนใจหรอก พวกเขาสนใจเพียงบรรลุเป้าจำนวนเครื่องเซ่น ดังนั้นพวกเราต้องรีบเตรียมเครื่องเซ่นให้เร็วที่สุด
“สมาชิกสองเผ่านี้มีเพียงผู้โดดเด่นยอดเยี่ยมเท่านั้นจึงจะอาศัยในเมืองศักดิ์สิทธิ์ได้ ข้างนอกยังมีสมาชิกเผ่าอีกมากมาย จำนวนเกินห้าแสน
“เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเอง ตอนนี้พวกมันยังไม่รู้เรื่องที่นี่ ข้าจัดการเอง นี่คือเครื่องเซ่นของพวกเราเชียวนะ!”
ตวนมู่ฉางสูดลมหายใจลึก สัมผัสพลังบำเพ็ญในกายเล็กน้อย สวี่ชิงก็ส่งลูกกลอนที่อยู่ในถุงเก็บของไปให้
หลังจากรับยาลูกกลอนมา ตวนมู่ฉางก็ฉีกยิ้ม มองไปรอบๆ
“เวลาไม่รอใคร!
“สวี่ชิง ที่นี่ฝากเจ้าด้วย!”
พูดแล้ว ตวนมู่ฉางก็กลืนยาลูกกลอนลงไป ร่างเพียงไหววูบก็พุ่งตรงไปยังท้องฟ้า
มองจนตวนมู่ฉางลับสายตาไป สวี่ชิงยืนอยู่บนลานกว้าง เงียบนิ่งอยู่นาน
ตวนมู่ฉางจัดการอย่างไรเขาไม่จำเป็นต้องสนใจ สามารถสร้างสถานคุ้มครองในสภาพแวดล้อมเลวร้ายแบบนี้ได้ อีกทั้งพลังบำเพ็ญยังถึงระดับนี้ ตวนมู่ฉางจะต้องมีจุดที่ยอดเยี่ยมเหนือกว่าผู้อื่น
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สวี่