พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่148 ฉันจะให้โอกาสพวกเเกสองคน กราบลงมาขอโทษสะ
บทที่148 ฉันจะให้โอกาสพวกเเกสองคน กราบลงมาขอโทษสะ
“ใช่ไง ขยะอย่างพวกนี้ ไม่ตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาตัวเองก่อนหรือ แม้แต่พวกเขาหาวิธีจนแทบตายกว่าจะเข้ามาได้ แต่พวกเขาจะสามารถเข้ากับวงกลมของเราได้เหรอ?”อู๋ไคมองไปที่ลู่เฉินอย่างดูถูกและพูด
“อย่าว่าแต่เขาแค่ขับรถAudiที่ราคาถูกแบบนี้ แม้ว่าเขาได้ขับรถหรูหรา แต่ถ้าไม่ใช่คนมีตระกูลใหญ่โต ก็ไม่สามารถเป็นเพื่อนกับพวกเราได้ คนพวกนี้คิดแต่หาทางลัด แต่ไม่ทราบว่าโลกนี้ไม่มีทางลัดให้ผ่านเลย”
“ฉันก็ดูไอ้เจ้านี่ไม่เจริญตาเช่นกัน จะให้ฉันไปสั่งสอนเขาสักรอบหนึ่งไหม?”ชายหนุ่มอีกคนนึงพูด
“โอเค ขยะแบบนี้ สมควรที่จะสั่งสอนเขาสักรอบนึง”อู๋ไครู้ว่าลู่เฉินไม่ใช่คนที่ยั่วได้ง่ายๆ เมื่อเห็นว่าคนข้างๆจะขึ้นไปก่อน เขาเลยยินดีที่จะเห็น
ชายหนุ่มคนนั้นถือแก้วไวน์ไว้ และจิบเบาๆหนึ่งอึก จากนั้นก็เดินมาต่อหน้าลู่เฉินอย่างหยิ่ง”รถราคาถูกข้างนอกคันนั้นเป็นของแกเหรอ?”
“ใช่ก็ยังไงล่ะ?ฉันรู้จักกับแกเหรอ?”ลู่เฉินหงายคิ้วขึ้นมา และมองไปที่ชายหนุ่มอย่างเย็นชา
“แกเป็นเหี้ยอะไร ฉันจะไปรู้จักแกได้ยังไงวะ แต่นี่เป็นงานที่จัดขึ้นโดยคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉิน แกมีบัตรเชิญหรือเปล่า?”ชายหนุ่มมองไปทางลู่เฉินด้วยสีหน้าที่เยาะเย้ย
“ฉันมาที่นี่ ไม่ต้องใช้บัตรเชิญ”ลู่เฉินพูดอย่างราบเรียบ
“อุ๊ย แกนึกว่าแกเป็นใคร คุณชายของสี่ตระกูลใหญ่หรือไง?”ชายหนุ่มมองไปที่ลู่เฉินอย่างดูถูก แถมยังเทไวน์ที่เหลืออีกครึ่งแก้วใส่หน้าของลู่เฉินด้วย
เขาตั้งใจที่จะมาหาเรื่อง ไวน์ครึ่งแก้วนี้ เป็นความอัปยศอดสูที่มีต่อลู่เฉิน แถมยังให้ลู่เฉินเข้าใจว่า เขาไม่มีสิทธิ์เข้ามาในวงกลมของพวกเขา แม้ว่าเทไวน์ใส่แก แกก็ไม่กล้าทำกลับหรอก
พวกอู๋ไคก็ล้วนมองไปที่ลู่เฉินอย่างเยาะเย้ย เมื่อเห็นว่าลู่เฉินถูกเทจนบนหน้าเต็มไปด้วยไวน์แดง แต่ยังคงไม่พูดไม่จาอยู่อย่างนั้น ภายในดวงตาของทุกคนล้วนปรากฏความลบหลู่ดูหมิ่นขึ้นมา
โดยเฉพาะสาวสวยพวกนั้น ยิ่งไม่อยากไปสนใจลู่เฉินเลย
“ไอ้ขยะ เมื่อกี้แกยังกล้าเถียงกลับไม่ใช่หรือ ทำไมถูกคนเทไวน์ใส่หน้าแล้ว กลับไม่กล้าต่อต้านใดๆล่ะ”อู๋ไคพูดอย่างเสียดสี
“ขยะก็เป็นแต่ขยะ ต่อหน้าต่อตาพวกเรา เขากล้าทำอะไรล่ะ?”ชายหนุ่มหัวเราะอย่างดีใจออกมา
คนอื่นๆล้วนหัวเราะเยาะจากใจ พวกเขาชอบความรู้สึกที่ว่าทำให้ผู้อื่นต้องอับอาย แต่ผู้อื่นยังไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่สักคำ
ลู่เฉินเหล่ตาขึ้นมา และค่อยๆเอื้อมมือไปเช็ดไวน์แดงบนหน้า สายตาปรากฏความเย็นชาขึ้นมา”ฉันจะให้โอกาสพวกเเกสองคน กราบลงมาขอโทษสะ”
เสียงหัวเราะของทุกคนหยุดลงทันที และต่างมองไปที่ลู่เฉินอย่างเหลือเชื่อ
“อะไรนะ?แกพูดเสียงดังหน่อยสิ จะให้พวกเรากราบขอโทษแก?”อู๋ไคหันหูข้างๆให้ลู่เฉิน และทำท่าแคะขี้หู
“แม่งเอ๋ย แกเป็นใครวะ ยังอยากจะให้พวกเรากราบขอโทษแก?แกเมาอยู่หรือเปล่า?”ชายหนุ่มที่เทไวน์ใส่ลู่เฉินนั้นหัวเราะและพูดอย่างเยาะเย้ย
ทุกคนล้วนหัวเราะและส่ายหน้ากัน สายตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
“ปัจจุบันคนต่ำต้อยเหล่านี้ล้วนเป็นลักษณะแบบนี้เหรอ?เเอบเข้ามาจากไหนไม่รู้ เเถมไม่ได้รับการเชิญด้วย ประจบสอพลอเราไม่ได้ เข้ากับวงกลมของเราไม่ได้ แถมยังกล้าหาเรื่องอู๋ไคอีก นี่มันอยากตายมากใช่ไหม?”
“ไม่แน่นี่อาจเป็นวิธีของเขานะ นึกว่าไม่ทำตามอย่างที่เราคิดก็จะสามารถดึงดูดความสนใจของเราได้”
“ถุย ขยะอย่างมันนี่นะ แม้ว่าเขากลิ้งร้องอยู่บนพื้น ก็ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเราได้ และอย่าฝันว่าจะได้เข้าในวงกลมของพวกเราหรอก”
ทุกคนล้วนซุบซิบกันเกี่ยวกับลู่เฉิน ล้วนมองลู่เฉินเป็นลูกคนรวยที่ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง.
พวกสาวสวยที่แต่งกายอย่างสวยงามล้วนใช้สายตาที่ดูถูกมองมาทางลู่เฉิน
ในสายตาของพวกเธอ ลูกคนรวยที่ไม่เข้าพวกอย่างลู่เฉิน แน่นอนต้องคิดจะเข้ามาจีบพวกเธอด้วย นึกว่าพวกเธอจีบง่ายขนาดนั้นหรือ?
มีคนโห่กันว่า”คุณชายอู๋ ไอ้เจ้านี่อยากให้แกกราบขอโทษต่อมัน คุณคิดจะปล่อยมันไปแบบนี้เหรอ?”
“จะปล่อยมันไปแบบนี้ได้ยังไงล่ะ?”อู๋ไคหัวเราะเยาะออกมา นี่มันเป็นแค่เริ่มต้น จะให้เขาปล่อยมันไปเช่นนี้คงเป็นไปไม่ได้
แต่อู๋ไครู้ว่าฝีมือการต่อสู้ของลู่เฉินไม่ธรรมดา เลยไม่อยากจะเป็นคนเริ่มก่อน คิดจะให้ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งลงมือก่อน
“ใช่ไง ต้องคิดบัญชีกับเขาแน่ๆ ไม่นั้นพวกเราจะดูถูกคุณนะ”
“ใช่ใช่ ขยะอย่างมันเช่นนี้ คุณต่อยจนแขนขาของเขาพิการยังไม่เป็นไรเลย ไม่แน่เขาอาจต้องมาขอโทษคุณด้วยซ้ำ”
“อู๋ไคขึ้นไปเลย คุณบอกว่าคุณเคยเรียนเทควันโดไม่ใช่หรือ พอดีสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อโชว์ให้พวกเราดู”สาวสวยคนหนึ่งยิ้มและพูด
“ใช่ไง คุณชายอู๋ โชว์เทควันโดของคุณให้พวกเราดูเราสิ”มีผู้สาวสวยอีกคนหนึ่งพูดคล้อยตาม
อู๋ไคค่อนข้างจะลำบากใจ เดิมทีเขานึกจะให้ชายหนุ่มอีกคนขึ้นไปต่อสู้กับเขาก่อน แต่พอถูกสาวสวยสองคนนี้ชักชวน เขามีแต่ต้องขึ้นไปอย่างฝืนใจ
“ไอ้โง่ แกทำให้ฉันต้องลงมือมาจัดการแกเอง วันนี้ถือว่าแกจะซวยแล้ว ทำตามคำสั่งของกูนะ ไม่นั้นเทวดาก็ช่วยแกไม่ได้”อู๋ไคคุกคามไปด้วย พร้อมเอื้อมมือจับไปทางลู่เฉิน
ทุกคนเห็นว่าอู๋ไคลงมือ ล้วนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
สามารถเห็นการแสดงแบบนี้บนงานเลี้ยง ได้เติมเต็มความเหงาในใจของพวกเขาได้พอดี
แต่ในวินาทีต่อมา ทุกคนล้วนเบิกตากว้าง เห็นแต่ลู่เฉินจับมือของอู๋ไคไว้ แล้วอู๋ไคก็ดึงมือออกมาไม่ได้ด้วย
“อู๋ไค คุณหวาดกลัวแบบนี้เหรอ เขาจัดมือคุณไว้คุณก็ไม่กล้าทำเขากลับแล้วหรอ?”
“อะไรกันเนี่ย อย่าบอกว่าแกเอาชนะขยะคนนี้ไม่ได้นะเว้ย?นั้นทีหลังแกก็อย่ามาอวดต่อหน้าพวกเราว่าแกเคยเรียนเทวันโดนะ”
“พวกคุณมีใครไปช่วยคุณชายอู๋ไหม ฉันเห็นบนหน้าผากของคุณชายอู๋มีเหงื่อไหลออกมาด้วย ดูเหมือนว่าเขาเอาชนะไอ้ขยะคนนี้ไม่ได้จริงๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดที่เหยียดหยามของทุกคน สีหน้าของอู๋ไคแย่มาก เขาถูกไอ้ขยะคนนี้ล้อเล่น ขายหน้าหรือเกิน
“ไอ้ขยะ ปล่อยฉันเดี่ยวนี้นะ ไม่นั้นกูจะให้มึงต้องซวยแน่ๆ!”อู๋ไคพูดข่มขู่เขา
ลู่เฉินมองไปดูอู๋โคอย่าฃเยาะเย้ย และพูดอย่างเย็นชา”เมื่อกี้นี้ฉันพูดไปแล้ว ให้โอกาสพวกเเกสองคนกราบลงมาขอโทษกับฉัน ในเมื่อที่แกไม่อยาดได้โอกาสนี้ แถมยังมายั่วยุฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในเมื่อที่แกอยากตาย นั้นฉันก็ทำตามใจแกละกัน”
ระหว่างที่เขาพูดก็ยกขาขวาขึ้นมา จากนั้นเตะไปที่ขาซ้ายของอู๋ไคอย่างรุนแรง
กร๊อบแกร๊บ!
เสียงกระดูกขาหักทำให้คนทั้งห้องโถงเงียบขรึมไปทันที
“เขา เขาเตะจนขาขวาของอู๋ไคหักหรือ?”ทุกคนล้วนประหลาดใจมาก และมองไปดูลู่เฉินอย่างเหลือเชื่อ
พวกเขาคิดไม่ออกจริงๆว่า ใครเป็นผู้สนับสนุนลู่เฉิน กล้ามาเตะขาของอู๋ไคจนหัก
ส่วนชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างไปอู๋ไค ซึ่งเป็นคนเมื่อกี้ที่เทไวน์แดงใส่ลู่เฉินก็กลัวจนตัวเริ่มสั่น และหน้าซีดมาก
และเป็นเพราะว่ายืนอยู่ใกล้ เสียงกระดูกขาหักของอู๋ไคในเมื่อกี้นี้จึงส่งไปยังหูของเขาอย่างชัดเจน ทำให้เขามีความรู้สึกใจสั่น
“แก แม่ง แกเตะจนขาของฉันหัก?”
เวลานี้ อู๋ไคจึงจะเปล่งเสียงกรี๊ดที่น่าสงสารออกมา
ความเจ็บปวดขีดสุดส่งมาจากขาขวา เขาก้มหน้าไปดู ขาขวาแปลงร่างไปแล้วด้วย แถมยังใช้แรงไม่ได้ กลัวจนเขาเกือบจะสลบไป
“ขาเดียวแค่นั้นเอง แกจะใจร้อนทำไมล่ะ”ลู่เฉินยิ้มขึ้นมา และยกขาขึ้นอีกที เตะไปที่ขาอีกข้างหนึ่งของอู๋ไค
ทุกคนเห็นสถานการณ์นี้ ล้วนหน้าซีดกันใหญ่และรู้สึกหัวสั่นทันที