novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • anime
  • โดจิน
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
hotgraph Hydra888 xoslotz ดูบอลสด UFAC4 PANAMA888 lotto432 ufabet london168 newyork UFAZEED UFA1919 PG freefire เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350 เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด dgthai nowbet หวยออนไลน์

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 178 ความสามารถอันน่าตะลึง

  1. Home
  2. พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)
  3. บทที่ 178 ความสามารถอันน่าตะลึง
Prev
Next

บทที่ 178 ความสามารถอันน่าตะลึง

เมื่อหลิงตู้ฉิงวาดอาณาเขตการประลองพิเศษขึ้น 4 อาณาเขต บนลานประลองเขาพูดกับบรรดาอาจารย์ที่ต้องการเห็นความสามารถของบรรดาลูกเขา “ถ้าพวกท่านเข้ามาในพื้นที่นี้ ระดับการบ่มเพาะของพวกท่านจะถูกจำกัดไว้ที่ขอบเขตควบแน่นลมปราณ เอาล่ะตอนนี้หากพวกท่านคนไหนต้องการดูความสามารถของลูก ๆ ข้า พวกท่านก็เดินเข้าไปในอาณาเขตประลองได้เลย!”

ในความคิดของหลิงตู้ฉิง เขาจะใช้โอกาสนี้ยืมความแข็งแกร่งของบรรดาคนที่ต้องการเห็นความสามารถของลูกเขาเพื่อมาเป็นคู่ซ้อมฝึกฝนให้เหล่าเด็ก ๆ

แต่เพื่อความปลอดภัยของเด็ก ๆ เขายังจำเป็นต้องจำกัดระดับการบ่มเพาะของบรรดาอาจารย์เหล่านี้ไว้ที่ขอบเขตควบแน่นลมปราณ เพื่อรับประกันว่าลูก ๆ ของเขาจะไม่มีปัญหา

อันที่จริงคำพูดของหลิงตู้ฉิง ที่บอกว่าเขาต้องการจำกัดระดับการบ่มเพาะของทุกคนที่ต้องการทดสอบลูกของเขาให้อยู่ในขอบเขตควบแน่นลมปราณนั้น อาจารย์บางคนแสดงสีหน้าไม่เห็นด้วย พวกเขาทุกคนล้วนรู้ว่าบรรดาลูกของหลิงตู้ฉิงนั้นคนที่มีระดับการบ่มเพาะมากที่สุดคือหลิงยู่ชานและหลิงไช่หยุน ซึ่งการบ่มเพาะของทั้งคู่อยู่ในขอบเขตหลอมรวมลมปราณระดับ 6

พวกเขาบางคนคิดว่าการจำกัดขอบเขตของพวกเขาให้อยู่ในขอบเขตควบแน่นลมปราณมันเป็นการดูถูกพวกเขามากเกินไป คนที่ต้องการจะทดสอบลูกของหลิงตู้ฉิงแทบทั้งหมดคิดว่าต่อให้พวกเขาลดระดับการบ่มเพาะของตัวเองลงมาเท่ากับลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิง พวกเขาก็ยังสามารถชนะเด็ก ๆ เหล่านี้ได้ง่าย ๆ อยู่ดี

หลังจากหลิงตู้ฉิงพูดจบ อาจารย์ 4 คนได้เดินขึ้นมาบนลานประลองและเดินแยกกันไปยังพื้นอาณาเขตประลองที่หลิงตู้ฉิงเตรียมจัดไว้ให้เป็นพิเศษแยกกันเป็นคู่ ๆ ซึ่งตอนนี้ถูกจัดขึ้นมาเป็น 4 พื้นที่ ประกอบไปด้วยพื้นที่ประลองของหลิงยู่ชาน หลิงว่านถิง หลิงเทียนหยุนและหลิงไช่หยุน

ในบรรดาอาจารย์ทั้งสี่นั้น ระดับการบ่มเพาะสูงสุดของพวกเขาอยู่ที่ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 10 และต่ำสุดอยู่ที่ระดับ 7 พวกเขาทั้งหมดเมื่อเดินเข้าไปยังพื้นที่ประลองที่หลิงตู้ฉิงจัดไว้ ถึงแม้พวกเขาจะถูกอำนาจของอาณาเขตจำกัดระดับการบ่มเพาะให้เป็นขอบเขตควบแน่นลมปราณ แต่พวกเขาก็ยังจำกัดระดับการบ่มเพาะของตัวเองเพื่อเติมให้อยู่ในระดับเดียวกับหลิงยู่ชานและเด็กคนอื่น ๆ ที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่

ในฐานะที่พวกเขาเป็นผู้ใหญ่ พวกเขารู้สึกอายเกินกว่าจะเอาเปรียบเด็กเหล่านี้โดยใช้ระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่า

หลิงยู่ชานและน้องของเขาอีก 3 คนที่อยู่คนละอาณาเขตการประลอง พวกเขามองหน้ากันแล้วพยักหน้า พลางพูดกับเหล่าอาจารย์ที่เป็นคู่ประลองของพวกเขา “อาจารย์ โปรดชี้แนะพวกเราด้วย!”

หลิงไช่หยุน ในตอนนี้นางตื่นเต้นจนไม่อาจเก็บอาการไว้ได้ นางจึงเป็นคนแรกที่เริ่มการแสดงของนางทันทีโดยการจุดลูกไฟสีแดงขึ้นบนนิ้วของนาง และยิงมันออกไปหาอาจารย์จากคณะอื่นที่เป็นคู่ประลองของนางทันที

อันที่จริงประกายเพลิงที่นางใช้ตอนนี้คือ วิชาดัชนีเพลิงดาวตก ที่หลิงตู้ฉิงได้สอนนางเมื่อนานมาแล้ว

อาจารย์ที่เป็นคู่ประลองของนางคืออาจารย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 9

เมื่อเห็นหลิงไช่หยุนยิงลูกไฟออกมาเขาก็ดูเหมือนจะไม่สนใจและยิ้ม “หนูน้อย ลูกไฟธรรมดาแบบนี้ไม่มีผลกับข้าหรอก”

เมื่อพูดจบอาจารย์ผู้นั้นยื่นมือออกไปรับลูกไฟที่กำลังพุ่งเข้ามาหาอย่างไม่ไยดี

ในความคิดของเขาลูกไฟที่ใช้ด้วยเด็กที่มีระดับการบ่มเพาะเพียงแค่ขอบเขตหลอมรวมพลังปราณระดับ 6 มันไม่อาจทำอะไรเขาได้แน่ เนื่องจากถึงแม้ว่าระดับการบ่มเพาะของเขาจะถูกจำกัดแต่ความแข็งแกร่งของร่างกายเขายังคงเป็นของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณอยู่วันยังค่ำ เขาจึงใช้พลังวิญญาณของระดับการบ่มเพาะที่ถูกจำกัดรวมเข้ากับความแข็งแกร่งของร่างกายตัวเองเพื่อดับมัน

แต่แล้วเมื่อลูกไฟของหลิงไช่หยุนได้พุ่งใกล้เข้ามาหาตัวเขา เขากลับรู้สึกได้ถึงพลังเพลิงอันไม่ธรรมดาที่แผ่กระจายออกมาจากลูกไฟที่กำลังพุ่งใกล้เข้ามาและไม่กล้าที่จะสัมผัสมัน เขารีบถอยมือออกและพลิกตัวหลบไปด้านข้างอย่างเร่งรีบและพูดว่า

“หนูน้อยความสามารถในการใช้เพลิงของเจ้าไม่เล็กสมตัวเจ้าเลยจริง ๆ” อาจารย์ผู้นั้นยิ้ม แต่ก็แอบแปลกใจ “แต่ถึงแม้เพลิงของเจ้าจะรุนแรงเพียงใด แต่มันก็ไร้ประโยชน์ หากเจ้าไม่สามารถทำให้มันเข้าเป้าได้”

หลิงไช่หยุนหรี่ตามองไปยังเขาและพูดว่า “จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นท่านต้องระวังแล้วล่ะ!”

พูดจบหลิงไช่หยุนสะบัดมือของนางสร้างลูกไฟ 10 ลูก และบังคับพวกมันให้พุ่งไปหาอาจารย์ผู้นั้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ในตอนนี้เมื่อรวมกับลูกไฟลูกแรกที่นางปล่อยออกมา ตอนนี้จึงหลายเป็นว่าในพื้นที่การประลองของนางมีลูกไฟบินว่อนอยู่ถึง 11 ลูกตามการควบคุมของตัวนางเอง

อาจารย์ที่ประลองอยู่กับหลิงไช่หยุนนั้น เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดทันที เมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังจนมุม เขาจึงปลดผนึกการจำกัดระดับการบ่มเพาะที่ตัวเขาเองผนึกไว้และยกระดับการบ่มเพาะของตัวเองขึ้นไปถึงจุดสูงสุดขอบเขตหลอมรวมลมปราณ

แต่หลังจากที่เขายกระดับการบ่มเพาะของตัวเองขึ้นไปแล้ว เขายังคงรู้สึกได้ถึงการคุกคามของลูกไฟที่กำลังบินว่อนอยู่ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยกระดับการบ่มเพาะของตัวเองขึ้นไปอีกครั้งจนไปสู่ขอบเขตควบแน่นลมปราณระดับ 3

เมื่อเห็นว่าคู่ประลองของนางเพิ่มระดับการบ่มเพาะของตัวเองขึ้นเรื่อย ๆ หลิงไช่หยุนก็ปล่อยลูกไฟออกมาอีก 6 ลูกและพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ข้าสามารถควบคุมลูกไฟได้แค่ 17 ลูกพร้อมกันเท่านั้น”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงไช่หยุน ใบหน้าของอาจารย์ผู้นั้นก็เปลี่ยนไปอย่างมากและเขาเพิ่มระดับการบ่มเพาะของเขาอีกรอบทันทีจนทำให้ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเขาเพิ่มไปอยู่ที่ขอบเขตควบแน่นลมปราณระดับ 6 เพื่อรับมือกับลูกไฟทั้ง 17 ลูกของหลิงไช่หยุน

ภาพที่ปรากฎตอนนี้จึงกลายเป็นภาพที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมากสำหรับผู้ชมที่อยู่รอบ ๆ ลานประลอง คนหนึ่งคนปะทะกับลูกไฟสิบเจ็ดลูกที่กำลังบินฉวัดเฉวียนไปมา

ในขณะเดียวกัน ตอนนี้ทางฝั่งของหลิงเทียนหยุนเองก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว

หลิงเทียนหยุนพุ่งไปหาอาจารย์ที่เป็นคู่ประลองของเขาด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ ในเวลาแค่ชั่วอึดใจเขาก็ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังอาจารย์ อาจารย์ผู้นั้นตกตะลึงเป็นอย่างมาก เขารู้สึกถึงคลื่นพลังงานที่กระแทกเขาจากด้านหลัง ซึ่งเขาไม่มีแม้แต่เวลาจะหันกลับไปตอบโต้ เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้เขาจึงรีบยกระดับการบ่มเพาะของตัวเองขึ้นสู่ขอบเขตการควบแน่นลมปราณระดับ 3 ทันที และวาดหลังมือไปด้านหลังเพื่อที่จะตอบโต้หลิงเทียนหยุน

แต่น่าเสียดายที่การโจมตีของเขาช้าเกินไป ร่างของหลิงเทียนหยุนได้หายไปจากระยะมือของเขาเรียบร้อย

และจู่ ๆ ร่างของหลิงเทียนหยุนกลับไปปรากฎอยู่ด้านซ้ายมือของอาจารย์ผู้นั้นและหลิงเทียนหยุนได้ส่งฝ่ามืออัดเข้าด้านข้างลำตัวของอาจารย์ผู้เป้นคู่ประลองของเขาอีกหนึ่งที

เมื่อเผชิญกับความเร็วขนาดนี้ของหลิงเทียนหยุน อาจารย์ที่เป็นคู่ประลองรู้สึกหนาวสั่นแทบจะไปถึงกระดูกสันหลัง

เด็กอายุเพียงไม่กี่ขวบจะมีความเร็วที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร?

เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับบาดเจ็บ เขาได้แต่เพิ่มระดับการบ่มเพาะของเขาต่อไปเท่านั้น อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะยกระดับการบ่มเพาะของเขาถึงขอบเขตควบแน่นลมปราณระดับ 8 แต่เขาก็ยังไม่สามารถตามความเร็วของหลิงเทียนหยุนได้อยู่ดี

แต่ด้วยระดับการบ่มเพาะที่ต่างกันมากเกินไป แม้ว่าหลิงเทียนหยุนจะตีเขา แต่มันไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเขาได้

ในเวลานี้ โม่หยูถังที่ยืนดูอยู่ด้านข้าง เมื่อเขาเห็นภาพการต่อสู้ของหลิงเทียนหยุน เขารีบพูดกับหลิงตู้ฉิงด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น “นายท่าน ได้โปรดมอบนายน้อยเทียนหยุนให้กับสำนักเก้าเทพอสูรของข้าด้วย! ข้าสามารถรับประกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าสำนักเก้าเทพอสูรของข้าจะปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี ข้ามั่นใจว่าหากนายท่านอนุญาตให้นายน้อยเทียนหยุนเข้าร่วมกับสำนักของข้า เขาจะเป็นเจ้าสำนักคนต่อไปแน่นอน”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เขาไม่เหมาะกับสำนักเก้าเทพอสูรของเจ้า เขามีที่ที่เหมาะสมรออยู่แล้ว”

โม่หยูถังมองไปที่หลิงเทียนหยุนด้วยสายตาชื่นชมและตื่นเต้น นอกเหนือจากหลิงตู้ฉิงก็มีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้าใจว่าการกระทำในปัจจุบันของหลิงเทียนหยุนหมายถึงอะไร

โม่หยูถังที่จ้องหลิงเทียนหยุนอยู่สักพัก เขาก็เหลือบมองไปยังเด็กอีก 3 คนและมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความสงสัย

หากหลิงตู้ฉิงสามารถเลี้ยงดูเด็กเหล่านี้จนมีความสามารถขนาดนี้ นี่มันก็หมายความว่าหลิงตู้ฉิงอยู่ในขอบเขตที่สูงเกินกว่าที่เขาคิดไว้

ความคิดเช่นนี้ไม่ใช่มีแต่เพียงโม่หยูถังเท่านั้นที่คิด บรรดาผู้คนที่ยืนดูการประลองอยู่ก็มีสีหน้าเคร่งเครียด

เด็กเหล่านี้อายุเท่าไร? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาเติบใหญ่?

หากความสามารถของเปลวเพลิงที่หลิงไช่หยุนแสดงและความเร็วที่หลิงเทียนหยุนใช้ออกมานั้นคือการใช้พลังที่เหนือกว่าในการเข้าข่มคู่ต่อสู้ แต่สิ่งที่หลิงว่านถิงกำลังแสดงอยู่ตอนนี้คือการใช้พรสวรรค์และสติปัญญาแทนใช้พลังข่มคู่ต่อสู้ของนาง

ในขณะนี้หลิงว่านถิงกำลังเคลื่อนกายไปรอบ ๆ อาจารย์ผู้เป็นคู่ต่อสู้ของนาง ตามจังหวะที่เขาขยับอย่างแม่นยำ

การเคลื่อนไหวของนางนั้นแม่นยำและมีประสิทธิภาพ นางเคลื่อนไหวราวกับว่านางออกแรงเพียงน้อยนิดเพื่อที่จะเคลื่อนตัวหลบหลีก

นางพบว่าทุกครั้งที่นางเคลื่อนไหว นางสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเดียวกับช่วงเวลาที่นางแกว่งชิงช้า และในตอนนี้เมื่อยิ่งนางเคลื่อนไหวนางก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงพลังนภาครามได้แจ่มชัดขึ้น และเมื่อยิ่งสัมผัสพลังนภาครามได้แจ่มชัดขึ้น นางก็ยิ่งอ่านกระบวนท่าและความเคลื่อนไหวของฝั่งตรงข้ามได้ง่ายยิ่งขึ้น

ตอนนี้นางจึงปล่อยตัวไปตามการเคลื่อนไหว และใช้พลังนภาครามสนับสนุนการเคลื่อนไหวของนางโดยที่นางแทบจะไม่ใช้พลังวิญญาณของตัวเอง

ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าทำไมพ่อของนางถึงให้นางฝึกเคล็ดวิชาเทวะลอกเลียนและเข้าใจแล้วว่าพลังนภาครามนั้นมีประโยชน์อย่างไร

อาจารย์ที่ต่อสู้กับนางก็รู้สึกหดหู่ใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

เขาไม่เข้าใจว่าทำไม กระบวนท่าทุกท่าที่เขาใช้ออกไป มันถึงได้ถูกดูออกได้อย่างทะลุปรุโปร่งจากเด็กสาวคนนี้ในเวลาที่เขาใช้ และที่สำคัญไม่ใช่ว่าหลิงว่านถิงจะตามการเคลื่อนไหวของกระบวนท่าของเขาได้หมด แต่นางกลับสามารถลอกเลียนแบบมันได้ด้วยอีกต่างหาก! และนางยังใช้ท่าเดิมย้อนกลับมาหาเขา แถมพลังของมันยังแข็งแกร่งกว่าตอนที่เขาใช้อีกด้วย

ความรู้สึกที่ต้องมาเผชิญกับกระบวนท่าของตัวเองที่ถูกผู้อื่นใช้และแถมยังรุนแรงกว่าของตัวเอง ไม่ว่าเป็นใครถ้าเจอแบบนี้ก็คงไม่รู้สึกดี

ส่วนทางด้านของหลิงยู่ชาน ซึ่งมีชื่อเสียงอยู่แล้ว

อาจารย์ที่กำลังต่อสู้กับหลิงยู่ชานรู้สึกเพียงว่าหมัดของหลิงยู่ชานเป็นเพียงหมัดธรรมดาและไม่มีพลังมากนัก

หากมีอะไรพิเศษเกี่ยวกับการออกหมัดของหลิงยู่ชาน นั่นคือรูปแบบการออกหมัดต่อเนื่องโดยไม่หยุดของเขา ซึ่งไม่มีเด็กคนใดที่อายุไล่เลี่ยกับเขาจะสามารถออกหมัดได้อย่างต่อเนื่องเช่นนี้แน่นอน

หลังจากต่อสู้ไปได้สักพัก อาจารย์ทั้งสี่ก็ถอนตัวจากการต่อสู้เพราะพวกเขาเพียงแค่ต้องการสัมผัสกับทักษะของเด็ก ๆ เหล่านี้เท่านั้น พวกเขาไม่ได้ต้องการต่อสู้เพื่อตัดสินผลชนะหรือแพ้

เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่เศร้าหมองของอาจารย์ทั้งสี่และสีหน้าที่ตื่นเต้นของเด็ก ๆ

ทุกคนก็เงียบลง และเริ่มเข้าใจได้แล้วว่าชื่อเสียงของศาลาศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ใช่เป็นเพียงแค่คำอวดอ้างเกินจริง สมาชิกทั้งหมดล้วนเป็นเหล่าสัตว์ประหลาด

ทุกคนต่างคิดเช่นเดียวกันแบบนี้ในใจ พวกเขาทั้งหมดรู้สึกว่าการแข่งขันวันนี้จบลงแล้วและพร้อมที่จะเดินทางกลับ

ทันใดนั้น ฟางเหล่ยถงก็ยืนขึ้นและพูดว่า “อาจารย์หลิง ข้าประทับใจกับความสามารถของลูก ๆ ท่านจริง ๆ แต่นอกเหนือจากลูกท่านอีกสองคนที่ยังไม่สามารถบ่มเพาะได้ ข้าคิดว่ายังมีลูกท่านอีกคนหนึ่งที่นางบ่มเพาะได้แล้ว และยังไม่ได้แสดงความสามารถให้พวกเราดูกันเลยนะอาจารย์หลิง?”