novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • anime
  • โดจิน
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
hotgraph Hydra888 ดูบอลสด UFAC4 PANAMA888 lotto432 ufabet london168 newyork UFAZEED UFA1919 PG freefire เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350 เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด dgthai nowbet หวยออนไลน์

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 181 ลบความทรงจำ

  1. Home
  2. พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)
  3. บทที่ 181 ลบความทรงจำ
Prev
Next

บทที่ 181 ลบความทรงจำ

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสังหารที่หลิงตู้ฉิงเริ่มแผ่ออกจากร่างกระจายไปรอบบริเวณลานประลอง จ้าวปาเทียนจึงกลืนคำโน้มน้าวของเขาลงคอและถอนหายใจด้วยอารมณ์หดหู่

เมื่อเห็นว่าจ้าวปาเทียนยังไม่กล้าที่จะพูดอะไร จึงไม่มีใครกล้าที่จะเปิดปากพูดอะไรต่อ

หลิงตู้ฉิงมองไปยังรอบ ๆ เมื่อเขาเห็นว่าไม่มีลุกขึ้นมาอีกเขาจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ดีมาก อย่างน้อย ๆ ยังมีอยู่อีก 25 คนที่ยังฉลาดอยู่ ฉะนั้น 25 คนที่ยังพอมีสมองข้าจะยังอนุญาตให้เข้ามาฟังชั้นเรียนในศาลาศักดิ์สิทธิ์ของข้าได้ต่อ และกฎการจ่ายค่าเข้าฟังยังคงเดิม”

“ส่วนพวกเนรคุณ 57 คนนี้ พ่อบ้านโม่ เจ้าจงใช้ซุ่มเสียงแห่งเทพอสูรสะกดทุกความรู้และการรู้แจ้งของพวกเขาทั้งหมดที่ได้ไปจากข้า และทำให้พวกเขาลืมทุกคำพูด ความรู้และบทเรียนทั้งหมดที่เจ้าและเฟิงได้สอนพวกเขาไป”

“เฟิง เจ้าจงช่วยพ่อบ้านโม่ โดยการโคจรพลังวิญญาณทั้งหมดของเจ้าไปให้กับเขา วันนี้ข้าจะทำให้ทุกคนได้รู้ว่า ในเมื่อข้าสามารถสอนความรู้ให้พวกเขาได้ ข้าก็สามารถยึดมันกลับมาได้เช่นกัน!”

เมื่อหลิงตู้ฉิงพูดจบสีหน้าท่าทางของอาจารย์ทั้ง 57 คนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

พวกเขาไม่รู้ว่าสิ่งที่หลิงตู้ฉิงพูดเป็นความจริงหรือไม่ หลิงตู้ฉิงจะสามารถทำให้พวกเขาลืมสิ่งที่เรียนไปได้จริงงั้นเหรอ?

นี่มันไม่น่าเป็นไปได้

แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จก็ตามพวกเขาไม่ต้องการสูญเสียสิ่งที่ได้เรียนรู้มา

ตอนนี้เมื่อยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งกลัว พวกเขาต้องการการขอขมาให้หลิงตู้ฉิงให้โอกาสและต้องการคืนวัสดุกลับไป แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครในพวกเขาสามารถขยับตัวหรือพูดออกมาได้อีกต่อไป

หลังจากที่โม่หยูถังและเสี่ยวเยว่เฟิงได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง เสี่ยวเยว่เฟิงก็โคจรพลังวิญญาณของนาง และส่งมันเข้าไปในร่างกายของโม่หยูถังทันที

เมื่อได้รับพลังวิญญาณของเสี่ยวเยว่เฟิง โม่หยูถังก็ตระหนักได้ว่าเขาสามารถใช้พลังของตัวเองได้นานขึ้นครึ่งลมหายใจ และหากรวมเข้ากับการเปิดใช้ลูกปัดสะสมวิญญาณในร่างของเขา เขาจะสามารถใช้พลังขอบเขตครึ่งสวรรค์ได้เป็น หนึ่งลมหายใจกับอีกครึ่งหนึ่ง

โม่หยูถังเมื่อคำนวณได้เช่นนี้ เขาถึงกับขมวดคิ้ว เขาไม่แน่ใจว่าเพียงช่วงเวลาที่เขาใช้ซุ่มเสียงแห่งเทพอสูร ด้วยเวลาเพียงแค่นี้มันจะเพียงพอที่จะทำให้คนจำนวนมากขนาดนี้ลืมได้มากเท่าที่หลิงตู้ฉิงต้องการงั้นเหรอ? แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม โม่หยูถังก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรหลิงตู้ฉิงออกไป เนื่องจากเขามั่นใจว่าถ้าหากหลิงตู้ฉิงพูดว่าเขาทำได้ มันก็ต้องทำได้แน่นอน

โม่หยูถังโคจรพลังวิญญาณของตนเองจนถึงจุดขีดสุดและเริ่มสวดคาถา ‘ซุ่มเสียงแห่งเทพอสูร’

ในขณะที่โม่หยูถังใช้พลังเต็มที่และสวดคาถา ‘ซุ่มเสียงแห่งเทพอสูร’ หลิงตู้ฉิงเองในตอนนี้ก็เริ่มพึมพำด้วยเสียงแผ่วเบาเป็นบทสวดเดียวกับของโม่หยูถังเช่นกัน

พวกเขาทั้งคู่ต่างพึมพำบทสวดออกมาอย่างรวดเร็วด้วยเสียงที่แผ่วเบาเป็นอย่างมาก

เสียงอันแผ่วเบาของบทสวดนี้หากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เป้าหมายของมันพวกเขาแทบจะไม่ได้ยิน แต่สำหรับคน 57 คนนั้นพวกเขาได้ยินเสียงพึมพำบทสวดนี้ก้องอยู่ในหัวดังกังวานราวกับว่าเทพอสูรจากยุคโบราณกำลังพูดกับพวกเขาด้วยน้ำเสียงกดขี่

“อาร ไมร์ โร พรูว ดอร์ นี อัคร รู…”

บทสวดนี้ดำเนินไปอยู่พักใหญ่ก่อนจะจบลง จากนั้นทั้ง 57 คนก็เริ่มขมวดคิ้ว

พวกเขาแทบจะจำสิ่งที่เกิดขึ้นทุกวันได้และยังจำเหตุผลที่พวกเขามาที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์และความขัดแย้งระหว่างพวกเขากับหลิงตู้ฉิงได้ แต่พวกเขาลืมสิ่งที่ได้เรียนรู้ในศาลาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว

นอกจากนี้พวกเขายังลืมเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้การหลอมโอสถและสิ่งอื่น ๆ ทั้งหมดที่พวกเขาได้เรียนรู้ในขณะที่มายังศาลาศักดิ์สิทธิ์ จริง ๆ แล้วสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือพวกเขาไม่เพียงแต่ลืมทุกสิ่งที่ได้เรียนรู้ แต่พวกเขายังลืมวิถีแห่งเต๋าที่หลิงตู้ฉิงช่วยทำให้พวกเขาเข้าใจว่าต้องเดินไปในเส้นทางไหนจึงจะนำไปสู่การรู้แจ้ง

คนเหล่านี้ที่ไม่รู้ว่าพวกเขาสูญเสียอะไรไป พวกเขาจึงมองไปยังหลิงตู้ฉิงด้วยสายตางุนงงแทนที่จะเป็นความเกลียดชัง

แต่สิ่งที่น่าตลกตอนนี้ก็คือ พวกเขาที่ยังจำได้ถึงเหตุผลการได้รับวัสดุขั้นสูงคืนจากหลิงตู้ฉิง และในเวลานี้พวกเขาที่โดนลบความทรงจำการเรียนรู้ต่าง ๆ ไป พวกเขาจึงเข้าใจว่าพวกเขายังไม่ได้เรียนรู้อะไรที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์เลยฉะนั้นการที่พวกเขาได้รับวัสดุเหล่านี้คืนมันจึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมอยู่แล้ว

พวกเขาเมื่อคิดขึ้นได้เช่นนี้จึงรีบเก็บวัสดุที่ตนเองได้รับคืนทันที พลางมองไปยังหลิงตู้ฉิงอย่างไม่พอใจ มีแม้กระทั่งอาจารย์บางคนที่พูดกับตัวเองว่า “ก็ในเมื่อข้ายังไม่ได้เรียนรู้อะไรสักอย่าง ยังไงข้าก็ต้องได้พวกมันคืนอยู่แล้ว  จะมาเอาของของข้าไปเปล่า ๆ ได้ยังไง!?”

หลิงตู้ฉิงมองไปที่คนเหล่านั้นอยู่สักพัก จากนั้นจึงหันหน้ามายังคนอีก 25 คนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากซุ่มเสียงแห่งเทพอสูรว่า “ข้ารู้ดีว่ายังมีปลาที่หนีอวนได้อยู่ แต่ในเมื่อพวกเจ้ามีไหวพริบดีไม่กระโดดออกมางับเหยื่อที่ข้าล่อไว้ ข้าก็จะมองข้ามและละเว้นให้พวกเจ้าไปอีกสักครั้ง”

“ข้าไม่สนใจว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของพวกเจ้า แต่ข้าขอเตือนพวกเจ้าเอาไว้ก่อน หากพวกเจ้ากล้าสร้างความรำคาญใจให้ข้าอีกครั้ง ข้าจะทำให้เจ้ากับผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเจ้าต้องเสียใจไปจนวันสุดท้ายของชีวิต!”

“และตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ศาลาศักดิ์สิทธิ์ของข้าจะจัดตั้ง ‘ประตูหยั่งรู้จิตสำนัก’ ขึ้นมา หากใครต้องการเข้าร่วมชั้นเรียนของคณะข้า ทุกคนจะต้องเดินผ่านประตูนั้นเพื่อเข้ามายังศาลาศกดิ์สิทธิ์ให้ได้ หากไม่สามารถเดินผ่านมันได้ นั่นก็หมายถึงคนผู้นั้นไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้ามาฟังชั้นเรียนของคณะข้า”

“และกฎการจ่ายค่าเรียนข้าจะเปลี่ยนใหม่ หากใครก็ตามที่สามารถเดินผ่าน ‘ประตูหยั่งรู้จิตสำนัก’ เข้ามาได้แล้ว พวกท่านก็จะยังจำเป็นต้องจ่ายค่าฟังชั้นเรียนของคณะข้าเป็นวัสดุระดับสูงเช่นเดิม แต่จะเปลี่ยนจาก 1 ชิ้นต่อเดือนกลายเป็น 1 ชิ้นต่อ 3 เดือนแทน นี่ถือเป็นสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่ผ่านการทดสอบจากประตูของข้า”

เมื่อหลิงตู้ฉิงบอกว่าเขาต้องการจัดตั้ง ‘ประตูหยั่งรู้จิตสำนัก’ ท่าทีของอาจารย์บางคนเริ่มกระสับกระส่ายทันที

จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็พูดต่อ “ในการแข่งขันครั้งนี้ ศาลาศักดิ์สิทธิ์ของข้าได้รับชัยชนะอย่างไม่ต้องสงสัย ข้าหวังว่าพวกท่านจะสามารถรักษาสัญญาของตัวเองได้ เมื่อไหร่ที่นักศึกษาของศาลาศักดิ์สิทธิ์ไปเลือกทรัพยากรการบ่มเพาะในคณะของพวกท่าน ข้าหวังว่าพวกท่านจะมีไหวพริบโดยไม่รอให้ข้าเป็นคนไปตามทวงด้วยตัวเอง”

“อย่าลืมว่าข้าใช้สมบัติวิเศษเพื่อเดิมพันกับพวกท่าน หากใครไม่ใส่ใจกับกฎการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรมของข้าแล้วคิดตุกติก เมื่อนั้นพวกท่านจะได้เห็นความอยุติธรรมของข้าที่จะกระทำต่อพวกท่านเช่นกัน นอกเหนือจากนั้นตามข้อตกลง ศาลาศักดิ์สิทธิ์จะรับนักศึกษา 10 คนทุกปี”

“การประเมินผู้เข้าศึกษาศาลาศักดิ์สิทธิ์ในปีนี้จะจัดขึ้นในเวลาเดียวกันกับการเปิดรับสมัครของสถาบัน”

เมื่อฟังจบทุกคนหันหลังกลับและจากไปอย่างเงียบ ๆ แต่ในใจของหลาย ๆ คนความรู้สึกของพวกเขาที่มีต่อศาลาศักดิ์สิทธิ์นั้นลึกล้ำจนไม่อาจหยั่งรู้ได้

ดวงตาของจ้าวปาเทียนเต็มไปด้วยความโกรธในขณะที่เขามองไปที่อาจารย์หลายสิบคนที่กำลังทยอยออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลูเทียนหมิง คณบดีคณะโอสถศาสตร์

เขาไม่อยากจะเชื่อว่าคณบดีคนหนึ่งที่เขาไว้ใจจะเป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิด บุคคลเช่นนี้เขาจะยังให้เป็นผู้นำคณะโอสถศาสตร์ได้อย่างไร?

อันที่จริงเขาก็ไม่ได้พอใจกับการกระทำของหลิงตู้ฉิงสักเท่าไหร่ แต่เนื่องจากเขาไม่สามารถทำอะไรกับหลิงตู้ฉิงได้ เขาจึงได้แต่ตำหนิอาจารย์ของเขาเองที่โง่งมทิ้งโอกาสของตัวเอง

หลังจากดูบรรดาอาจารย์จากไป จ้าวปาเทียนก็ถอนหายใจและพูดกับบรรดาผู้อาวุโสที่เป็นสหายที่เขาไว้ใจได้  “นับตั้งแต่สถาบันจันทรากลายเป็นสถาบันราชวงศ์สถานที่แห่งนี้ก็ไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป”

ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ที่ได้ยินเช่นนี้ต่างก็ถอนหายใจอย่างหดหู่เช่นกัน แต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้

“ตันเหริน ตั้งแต่ต่อไปนี้ข้าจะแต่งตั้งให้เจ้าเป็นคณบดีของคณะโอสถศาสตร์!” จ้าวปาเทียนตะโกนขึ้นเสียงดัง “ถ้าคณะโอสถศาสตร์ยังคงอยู่ในมือหลูเทียนหมิง ข้าเกรงว่ามันจะไม่พัฒนาไปในทางที่ดี นอกจากนี้ข้าจะให้เหลียนปู้ชิงเข้าไปช่วยงานของเจ้าในคณะโอสถศาสตร์ด้วยอีกแรง”

ตันเหรินและเหลียนปู้ชิงเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “เราจะทำให้ดีที่สุด”

“แล้วอีกสองคณะล่ะ?” ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ถาม

จ้าวปาเทียนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจากนั้นก็พูดว่า “ข้าจะใช้โอกาสนี้ตอนที่ทางราชวงศ์พึ่งถอนคนออกไปจัดระเบียบสถาบันของเราใหม่ทั้งหมด สำหรับคณะเตรียมทหารข้าจะปล่อยมันไว้อย่างนั้นก่อน ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นเหมือนกับการยั่วยุองค์จักรพรรดิจนเกินไป แต่สำหรับคณะที่เหลือเราจะต้องจัดระเบียบพวกเขาใหม่ทั้งหมดให้เสร็จภายในเวลา 1 เดือนก่อนจะถึงวันเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่เข้าสถาบัน”

เหล่าผู้อาวุโสต่างพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนหน้านี้พวกเขาเก็บตัวมาเป็นเวลานาน แต่ในตอนนี้พวกเขาต่างตั้งใจแล้วว่าจะออกมาปรากฎกายอีกครั้ง เพื่อเป็นกำลังสนับสนุนให้กับจ้าวปาเทียน