novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • anime
  • โดจิน
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
hotgraph Hydra888 ดูบอลสด UFAC4 PANAMA888 lotto432 ufabet london168 newyork UFAZEED UFA1919 PG freefire เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350 เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด dgthai nowbet หวยออนไลน์

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 242 นกฟีนิกซ์แห่งคฤหาสน์สราญรมย์

  1. Home
  2. พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)
  3. บทที่ 242 นกฟีนิกซ์แห่งคฤหาสน์สราญรมย์
Prev
Next

บทที่ 242 นกฟีนิกซ์แห่งคฤหาสน์สราญรมย์

ทันทีที่หลิงไช่หยุนและเสี่ยวเยว่เฟิงคุยกันเรื่องขี่หลังเสร็จ หลิงตู้ฉิงก็เริ่มสกัดแก่นแท้เลือดนกฟีนิกซ์จากเจิ้นป่าเจ่า

หลิงตู้ฉิงวาดอักขระเวทย์ลงบนร่างที่ถูกตรึงของเจิ้นป่าเจ่า ซึ่งดิ้นพราด ๆ ด้วยความเจ็บปวด เนื่องจากในบริเวณที่ถูกประทับอักขระลงไปนั้นมีเลือดสีแดงเพลิงค่อย ๆ ไหลออกมาเป็นสาย ซึ่งคล้ายกับ ‘ด้ายเพลิง’ ที่ถูกหลิงตู้ฉิงค่อย ๆ ดึงออกมา

เมื่อ ‘ด้ายเพลิง’ เหล่านี้ถูกดึงออกมาจากร่างของเจิ้นป่าเจ่า ระดับการบ่มเพาะของเขาก็ลดต่ำลงเรื่อย ๆ

เมื่อต้องทนกับความทรมานเช่นนี้ เจิ้นป่าเจ่าเริ่มเสียใจที่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง จะดีกว่าไหมถ้าหากเขาตาย ๆ ไปซะตั้งแต่ตอนนั้นด้วยฝีมือของเสี่ยวเยว่เฟิง?

อย่างไรก็ตามไม่มีใครสนใจความปรารถนาที่จะตายของเขา

1 ชั่วโมงต่อมาเจิ้นป่าเจ่าซึ่งถูกสกัดเอาแก่นแท้เลือดนกฟีนิกซ์ออกมาจนหมดก็หมดสติไป

หลังจากนั้นเขาก็ฟื้นขึ้นมาอีกและแม้ว่าแก่นแท้เลือดนกฟีนิกซ์ในร่างกายของเขาจะถูกสูบออกจนหมด แต่ทว่าเขาก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่ระดับการบ่มเพาะของเขาก็ลดลงมาถึงขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 3

เมื่อมองไปที่เจิ้นป่าเจ่าที่ฟื้นแล้ว หลิงตู้ฉิงก็ไม่ได้ทำอะไรกับเขาอีก ที่หลิงตู้ฉิงทำก็เพียงแค่ ‘เตะ’ เจิ้นป่าเจ่าออกจากคฤหาสน์สราญรมย์

“ไช่หยุน ขอเลือดของเจ้าให้พ่อที” หลิงตู้ฉิงพูดกับหลิงไช่หยุน

ในขณะนี้มีลูกบอล “เพลิง” อยู่ในฝ่ามือของหลิงตู้ฉิง

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เปลวเพลิง แต่เป็นแก่นแท้เลือดของนกฟีนิกซ์

หลิงไช่หยุนพยักหน้าและกัดนิ้วของนาง จากนั้นนางหยดเลือดของนาง 4 หยดลงในก้อนแก่นเลือดแท้นกฟีนิกซ์

“เยว่เฟิง มาหาข้า!” หลิงตู้ฉิงที่กำลังถือ ‘ลูกบอลเพลิง’ พูดกับเสี่ยวเยว่เฟิง “เจ้ารู้จัก ‘คาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์’ รึเปล่า?”

เสี่ยวเยว่เฟิงพูดกระอักกระอ่วน “นายท่าน นั่นเป็นวิชาการบ่มเพาะระดับสูงสุดของ ยอดเขาหมื่นเซียนของข้า ข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะบ่มเพาะมันหรอก”

“ไม่เป็นไรข้าจะสอนให้!” หลิงตู้ฉิงพูด

หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ถ่ายทอด คาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์ ให้กับเสี่ยวเยว่เฟิง

“ขะ ขอบคุณ นายท่าน!” เสี่ยวเยว่เฟิงพูดด้วยอาการตกตะลึงและซาบซึ้ง

หลิงตู้ฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อตอนนี้เจ้าได้เรียนรู้ ‘คาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์’ แล้วหากเจ้าหลอมรวมแก่นแท้เลือดนกฟีนิกซ์นี้เข้าไปในร่างและเริ่มบ่มเพาะคาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์ เจ้าจะสามารถควบแน่นร่างแท้ของฟีนิกซ์ของเจ้าได้”

เสี่ยวเยว่เฟิงพยักหน้าอย่างตื่นเต้น พลางกลืนแก่นแท้เลือดของฟีนิกซ์ที่ได้มาจากหลิงตู้ฉิง

และเมื่อนางได้เริ่มโคจรคาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์ เปลวไฟก็ลุกโพลงออกมาจากทุกส่วนของร่างกายนางทันที

ในพริบตาเสื้อผ้าของเสี่ยวเยว่เฟิงก็ถูกไฟไหม้ทั้งหมด

เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิงไช่หยุนก็รีบเตรียมที่จะโยนเสื้อผ้า ‘ทนไฟ’ ไปให้นาง

“เจ้ายังให้นางตอนนี้ไม่ได้!” หลิงตู้ฉิงรีบหยุดนาง “พลังของเปลวเพลิงเหล่านี้กำลังจะไปถึงระดับเพลิงนภา ชุดที่เจ้ากำลังจะโยนไปให้นางมันป้องกันไฟระดับนี้ไม่ได้”

หลิงไช่หยุนมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าขัดแย้งและพูดว่า “ท่านพ่อ ในอนาคตข้าคงต้องเรียกเฟิงว่าน้าเฟิงอีกคนแล้วใช่ไหม?”

“เอ่อ…อาจจะไม่” หลิงตู้ฉิงส่ายหัว

“ก็ท่านเห็นเฟิงหมดแล้ว ท่านจะไม่รับผิดชอบเฟิงงั้นเหรอ?” หลิงไช่หยุนหงุดหงิด

เนื่องจากเสี่ยวเยว่เฟิงดีกับนางมาตลอด ฉะนั้นนางจึงไม่ติดขัดอะไรหากเสี่ยวเยว่เฟิงจะมาเป็นแม่ใหม่นางอีกคน แต่มันก็มีสิ่งหนึ่งที่นางออกจะสับสนอยู่หน่อย ๆ ก็คือ พ่อของนางเคยบอกเอาไว้ว่านางมีสายเลือดของบรรพบุรุษของเฟิง และถ้าหากเสี่ยวเยว่เฟิงกลายมาเป็นแม่ใหม่ของนาง ถ้างั้นนางต้องเรียกเสี่ยวเยว่เฟิงด้วยคำนำหน้ายังไงดี?

หลิงตู้ฉิงที่ได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงและไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของหลิงไช่หยุนยังไง

อย่างหนึ่งคือเขาไม่รู้สึกถึงความรักใด ๆ จากเสี่ยวเยว่เฟิง

ความรู้สึกของเสี่ยวเยว่เฟิงที่มีต่อเขาเหมือนกับโม่หยูถังและคนอื่น ๆ พวกเขาทั้งหมดรู้สึกเคารพหลิงตู้ฉิง

สิ่งนี้จึงทำให้นางแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น ๆ เขาจะไปมีอะไรกับนางได้ยังไงหากนางไม่มีความรักให้เขา?

เมื่อเขายิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เขาจึงปล่อยวางความคิดไร้สาระนี้ออกไปก่อนและพูดกับหลิงไช่หยุน “เอ่อ…พ่อว่าไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กันหลังจากที่เฟิงควบแน่นร่างกายที่แท้จริงของนางสำเร็จก่อนจะดีกว่า แต่พ่อแนะนำให้เจ้าสังเกตช่วงเวลาที่นางควบแน่นร่างที่แท้จริงของนางอย่างตั้งใจ เพราะมันจะทำให้เจ้าเข้าใจความหมายที่แท้จริงของพลังเพลิงในร่างของเจ้ามากยิ่งขึ้น”

หลิงไช่หยุนครุ่นคิดสักครู่แล้วถามว่า “ข้าสามารถฝึกฝน ‘คาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์’ ได้รึเปล่าท่านพ่อ?

“เจ้าจะฝึก ‘คาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์’ ไปเพื่ออะไร?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้น “วิชาต่าง ๆ ที่พ่อให้เจ้าฝึกฝนทั้งหมดล้วนมีระดับที่สูงกว่า ‘คาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์’ อยู่แล้ว”

“โอ้!” หลิงไช่หยุนอุทาน พลางจ้องไปที่เสี่ยวเยว่เฟิง

ในขณะนี้เปลวเพลิงบนร่างกายของเสี่ยวเยว่เฟิงผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ออกจากรูขุมขนตามร่างกาย คล้ายกับเหงื่อที่ไหลออกมาจากรูขุมขน แต่เพลิงเหล่านี้เมื่อปรากฎขึ้นแล้วมันไม่ได้สลายไป แต่พวกมันโอบตัวล้อมรอบร่างของเสี่ยวเยว่เฟิง จากนั้นค่อย ๆ รวมตัวก่อกันแน่นขึ้นเป็นชั้น ๆ จนกลายเป็นเหมือนขนนกที่มีหลากสีสัน

เมื่อขนปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายที่เปลือยเปล่าของเสี่ยวเยว่เฟิงก็ค่อย ๆ ถูกปกคลุมราวกับว่านางสวมเสื้อคลุมขนนก

และในขณะที่ขนปรากฏขึ้นบนร่างของนางเรื่อย ๆ ระดับการบ่มเพาะและของเสี่ยวเยว่เฟิงก็สูงขึ้นตาม และความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกายของนางก็รุนแรงขึ้น

หลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมง ระดับการบ่มเพาะของเสี่ยวเยว่เฟิงก็มาถึงขอบเขตนภาระดับ 12

ในตอนนี้ขนนกบนร่างกายของเสี่ยวเยว่เฟิงได้ปกคลุมร่างกายของนางจนเกือบหมดจนแทบจะไม่มีส่วนใดของร่างนางที่เปลือยเปล่า

เมื่อเห็นเช่นนี้หลิงตู้ฉิงจึงรีบพูดขึ้น “เฟิง! บินขึ้นไปบนท้องฟ้าเดี๋ยวนี้! ถ้าข้าปล่อยให้เจ้าบ่มเพาะที่นี่ต่อไปข้าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้พลังแห่งกฎของข้าเพื่อหยุดเจ้า! มิฉะนั้นคฤหาสน์หลังนี้จะถูกเจ้าเผาจนเป็นจุล”

หลังจากได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง เสี่ยวเยว่เฟิงที่กำลังโคจรวิชา ‘คาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์’ ก็ดีดตัวขึ้นจากพื้นและบินไปบนท้องฟ้าทันทีพร้อมกับปีกทั้งสองข้างที่งอกออกมา

“กรี๊ดดดดดดดด!!”

เสียงกรีดร้องดังสั่นสะเทือนไปทั่วอาณาจักร ทันใดนั้นเปลวเพลิงที่รุนแรงก็แผ่ออกมาจากร่างของเสี่ยวเยว่เฟิงจนครอบคลุมท้องฟ้าทั้งหมดเหนือเมืองหลวง

“นางทำสำเร็จแล้ว” หลิงตู้ฉิงยิ้ม

“ว้าว เฟิงสุดยอดเกินไปแล้ว!” หลิงไช่หยุนพูดด้วยความอิจฉา

ทุกคนที่อยู่ในเมืองหลวงตอนนี้ทุกคนต่างมองเห็นนกฟินิกซ์สีรุ้งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

และเนื่องจากความเชื่อที่มีมานาน ซึ่งบางคนที่นับถือนกฟีนิกซ์เป็นดั่งเทพเจ้า พวกเขาเหล่านั้นถึงกับคุกเข่าลงและกราบไหว้

อย่างไรก็ตามบรรดาคนที่กราบไหว้ก็ล้วนมีแต่เป็นพวกที่เพิ่งเริ่มต้นเส้นทางการบ่มเพาะ และยังเป็นพวกคนโง่เขลา พวกเขาจึงไม่ได้เอะใจอะไรเลยว่านกฟินิกซ์ตัวนี้มันจะมาอยู่ที่อาณาจักรเล็ก ๆ เช่นนี้ได้ยังไง?

ในทางกลับกัน โม่หยูถังที่เห็นภาพเช่นนี้ส่ายหัวและพึมพำกับตัวเอง “ดูเหมือนว่าข้าต้องเร่งการฝึกฝนของข้า มิฉะนั้นนางคงเข้าสู่ขอบเขตสวรรค์ก่อนข้าแน่ ๆ”

ซือโถวเหวินหยวนที่อยู่ข้าง ๆ เขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ท่านพ่อบ้าน ทำไมถึงมีนกฟีนิกซ์อยู่ในคฤหาสน์นี้ได้กัน?”

โม่หยูถังพูดอย่างมีความหมายว่า “โอ้ ที่นี่มันยังมีอะไรอีกเยอะ!”

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าภูมิหลังของหลิงไช่หยุนเป็นอย่างไร แต่เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเยว่เฟิงปฏิบัติต่อหลิงไช่หยุนด้วยความเคารพเช่นนี้ อาจมีนกฟีนิกซ์ที่ตัวใหญ่กว่าอยู่ก็ได้!

“ก่อนหน้านี้ก็เสียงมังกรคำราม ตอนนี้ก็มาเป็นเสียงกรีดร้องของนกฟินิกซ์ ข้าสงสัยว่านายท่านจะทำให้เราประหลาดใจอีกได้มากมายแค่ไหน?” ซือโถวเหวินหยวนส่ายหัวพลางนึกถึงหลิงว่านถิง

เช่นเดียวกับซือโถวเหวินหยวน ทุกคนในเมืองหลวงก็กำลังคุยกันเรื่องนี้

เหลียงซานก็ขึ้นสวรรค์ไปเรียบร้อยแล้วหรือตายนั้นเอง และตอนนี้ตระกูลหลิงก็กำลังจะขึ้นครองบัลลังก์ แถมในตระกูลหลิงกลับมีทั้งมังกรและฟินิกซ์จุติอยู่ในตระกูล แค่วัดจากตรงนี้มันก็เหมือนกับว่าตระกูลหลิงนั้นคือตระกูลที่เหมาะสมจะได้ขึ้นครองอาณาจักรมากเสียยิ่งกว่าตระกูลเหลียงอย่างเทียบกันไม่ติด

ทุกคนในเมืองหลวงต่างเชื่อเช่นนี้กันแทบทุกคน!

แม้แต่คนในตระกูลเหลียงก็ยังส่ายหัวอย่างเศร้า ๆ และพึมพำ “ทั้งมังกร ทั้งฟีนิกซ์ สำนักเก้าเทพอสูรและสำนักเต๋าสวรรค์ต่างสนับสนุนตระกูลหลิง ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตระกูลของต้องพ่ายแพ้ ว่าแต่…หลิงตู้ฉิงคนนี้เป็นใคร ทำไมเขาถึงมีขุมกำลังที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้สนับสนุนได้?”