novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • anime
  • โดจิน
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
hotgraph Hydra888 ดูบอลสด UFAC4 PANAMA888 lotto432 ufabet london168 newyork UFAZEED UFA1919 PG freefire เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350 เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด dgthai nowbet หวยออนไลน์

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 320 หากมีอีกครั้งข้าจะฆ่าเจ้าโดยไม่ปราณี!

  1. Home
  2. พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)
  3. บทที่ 320 หากมีอีกครั้งข้าจะฆ่าเจ้าโดยไม่ปราณี!
Prev
Next

บทที่ 320 หากมีอีกครั้งข้าจะฆ่าเจ้าโดยไม่ปราณี!

ในพริบตา 3 ปีได้ผ่านไปไวเหมือนโกหก

แต่มี่ไลและคนอื่น ๆ ในตอนนี้ก็ยังไม่สามารถบรรลุการใช้งานวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งได้อย่างสมบูรณ์

ถ้าจะหาว่ามี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยนั้นหัวทึบ แม้แต่หลิงเทียนหยุนที่มีพรสวรรค์ไม่ธรรมดาก็ยังไม่สามารถก้าวหน้ามากไปกว่าพวกนางได้สักเท่าไหร่ หากวัดจากตรงจุดนี้จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง นั้นเป็นวิชาที่ฝึกฝนได้ยากขนาดไหนถึงแม้ว่าจะได้รับการชี้แนะโดยหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ก็ตาม

แต่ยังมีคนผู้หนึ่งที่มีความก้าวหน้าอยู่บ้างนั่นก็คือ เย่ชิงเฉิง ที่โชคดีมีคนทั้งสามฝึกนำไปก่อนนางจึงสามารถขอคำชี้แนะพื้นฐานที่ทั้งสามเข้าใจได้ ทำให้ในช่วงเวลาที่ผ่านมานางจึงสามารถฝึกตามทันทั้งสามคนได้โดยไม่ยากลำบากเหมือนกับต้องฝึกใหม่คนเดียวตั้งแต่เริ่ม

ส่วนทางด้านหลิงตู้ฉิงก็ได้พยายามให้คำแนะนำแก่คนทั้งสี่เป็นบางครั้งบางคราวบ้างเช่นกัน

แต่ในวันนี้ขณะที่หลิงตู้ฉิงกำลังให้คำชี้แนะกับคนทั้งสี่อยู่นั้น จู่ ๆ เขาก็สัมผัสได้ว่ากำแพงพลังวิญญาณที่เขาสร้างไว้ได้ถูกเศษเสี้ยวจิตวิญญาณเจาะผ่านเข้ามา ซึ่งเศษเสี้ยวจิตวิญญาณนี้มีการพลางตัวไว้อย่างดีเลิศ มันบ่งบอกได้ว่าเจ้าของของมันนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในระดับสูงมาก ซึ่งต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญก็คงไม่มีทางที่จะตรวจพบมันเจอแน่นอน

แต่น่าเสียดายที่คนที่มันกำลังสอดแนมอยู่นั้นไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญธรรมดาแต่เป็น หลิงตู้ฉิง!

หลิงตู้ฉิงจ้องเขม็งไปที่เศษเสี้ยวจิตสำนักด้วยสายตาเย็นชา พลางปล่อยเปลวเพลิงสีดำทมิฬลุกท่วมขึ้นบนฝ่ามือ และส่งมันไปเผาเศษเสี้ยวจิตวิญญาณที่บุกรุกเข้ามาทันที

เศษเสี้ยวจิตวิญญาณที่หาญกล้าลอบเข้ามาภายในรถม้านั้นเมื่อต้องกับเปลวเพลิง ภาพที่ออกมามันคล้ายกับใบไม้แห้งที่ติดไฟอย่างไม่มีผิดเพี้ยน มันถูกไฟลุบท่วมและไหม้หายไปในพริบตา

คนอื่น ๆ ที่อยู่ภายในรถเมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ต่างก็ตกใจกันยกใหญ่ “สามี/ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้น?”

หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “บางคนต้องการสอดรู้เรื่องของเรา กงหนิวหยุดรถ!”

หลังจากพูดจบ หลิงตู้ฉิงเปิดประตูรถม้าและยืนอยูที่หน้าประตู ตามหลังมาด้วยเย่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ

หลิงตู้ฉิงมองไปยังชายชราที่ล่วงลงไปที่พื้นดินด้านล่าง และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า “เจ้ากล้าดียังไง ถึงได้กล้าเข้ามาแอบดูความลับของข้า!”

ชายชราที่ได้ยินหลิงตู้ฉิงใช้คำพูดจองหองกับเขาเช่นนี้ ข่มอารมณ์ไม่ไหวจึงปลดปล่อยจิตสังหารออกมา พลางจ้องเขม็งไปที่หลิงตู้ฉิง

อันที่จริงชายชราผู้นี้รู้สึกสงสัยมาได้สักพักแล้วว่า พวกของหลิงตู้ฉิงที่อยู่ในรถนั้นทำอะไรกันแน่ และวันนี้ก็เป็นวันที่เขาอดรนทนไม่ไหวจริง ๆ เขาจึงได้ลอบส่งเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของเขาเข้าไปในรถม้าเพื่อดูว่าคนข้างในทำอะไรกัน

แต่น่าเสียดาย ในขณะเดียวกับที่เศษเสี้ยวจิตวิญญาณของเขาได้ทะลุผ่านกำแพงวิญญาณเข้าไปได้ เศษเสี้ยวจิตวิญญาณของเขากลับถูกไฟปริศนาเผาจนเป็นจุลในทันที

การถูกทำลายเศษเสี้ยวจิตวิญญาณเช่นนี้ มันทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก

ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับต้น ๆ ของอาณาเขตนภา มันเป็นการเสียหน้ามาก ๆ ที่กลับต้องมาพ่ายแพ้ให้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณเช่นนี้ ด้วยอารมณ์ที่ขุ่นเคืองเขาจึงไม่ลังเลเลยทีจะปล่อยกลิ่นอายสังหารให้หลิงตู้ฉิงได้รับรู้

“กู่ตงฉิง เจ้ากำลังพยายามจะทำอะไร?” เมื่อเห็นชายชรากำลังจ้องไปยังหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาอาฆาต เย่หยูหลันจึงรู้สึกตื่นตัวทันที

ชายชราที่ชื่อ กู่ตงฉิง นั้นเมื่อได้ยินเย่หยูหลันตะโกนเตือนขึ้น แทนที่เขาจะรู้ตัวและสงบอารมณ์ แต่เขากลับปลดปล่อยกลิ่นอายสังหารให้เข้มข้นมากขึ้นไปอีก

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสังหารที่กู่ตงฉิงปลดปล่อยออกมา หลิงตู้ฉิงมองเขาด้วยสายตาเย้ยหยัน จากนั้นกระบี่บินทั้ง 49 เล่ม ก็พุ่งออกมาจากร่างของเย่ชิงเฉิงทันที

หลิงตู้ฉิงเวลานี้ได้ถืออาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิไว้ในมือเพื่อรับบทเป็นแกนกลางชั่วคราวให้กับค่ายกลกระบี่ พร้อมกับบังคับให้เหล่ากระบี่บินทั้ง 49 เล่ม ลอยหมุนวนล้อมรอบรถม้า

หลิงตู้ฉิงส่งสัญญาณให้กงหนิวค่อย ๆ ร่อนรถม้าลงไปยังพื้นดินด้านล่าง และเมื่อถึงพื้น หลิงตู้ฉิงได้เดินออกจากรถม้าไปหากู่ตงฉิง และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เข้ามา! ข้าให้โอกาสเจ้าในการได้ออกกระบวนท่าก่อน ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวผู้อื่นจะหาว่าข้ารังแกเจ้า!”

กู่ตงฉิง เมื่อได้เห็นค่ายกลกระบี่นี้เขาจะกล้ารับคำท้าของหลิงตู้ฉิงได้ยังไง?

เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าค่ายกลกระบี่นี้มันมีอำนาจของเจตจำนงแห่งจักรพรรดิแฝงอยู่ เมื่อใดก็ตามที่เขาออกกระบวนท่า เขาจะต้องถูกเจตจำนงแห่งจักรพรรดิทำลายทันที

“นายท่าน ได้โปรดให้โอกาสกู่ตงฉิงอีกสักครั้งเถอะ!” เย่หยูหลันรีบตะโกนขอร้องทันที “คุณหนู ท่านช่วยโน้มน้าวให้นายท่านใจเย็นลงที!”

เย่หยูหลันเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ นางจึงสัมผัสได้เช่นกันถึงความน่ากลัวของค่ายกลกระบี่ ซึ่งมันทำให้นางเกิดความกลัวจนจับใจว่าหลิงตู้ฉิงจะสังหารกู่ตงฉิงลงจริง ๆ

เย่ชิงเฉิงมองไปยังกู่ตงฉิงด้วยสายตาไม่พอใจ แต่เมื่อเห็นว่ากู่ตงฉิงก้มหน้าลงไม่กล้าเงยหัวขึ้น นางจึงพูดกับหลิงตู้ฉิงว่า “สามี ช่วยเห็นแก่ข้าสักครั้งก็แล้วกัน ปล่อยเขาไปเถอะ”

ถึงแม้จะได้ยินการขอร้องของเย่ชิงเฉิงและเย่หยูหลัน หลิงตู้ฉิงก็ยังคงเงียบไม่พูดอะไรและจ้องเขม็งไปยังกู่ตงฉิง

หลังจากผ่านไปสักพัก ในที่สุดกู่ตงฉิงก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ข้าผิดไปแล้ว โปรดอภัยให้ข้าด้วยท่านหลิง…”

“หากมีแบบนี้อีกครั้ง ข้าจะฆ่าเจ้าโดยไม่ปราณี!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ปกติแล้วข้าจะให้โอกาสผู้คนอยู่ 3 ครั้ง แต่สำหรับเจ้า ข้าจะให้โอกาสครั้งนี้แค่ครั้งเดียวและไม่มีครั้งหน้าอีกต่อไป ต่อจากนี้เจ้าไม่ต้องตามข้ามาอีก จงแยกตัวออกไปและไปเจอกับพวกข้าอีกครั้งเมื่อทางเข้าของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเปิดขึ้น”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็เดินกลับเข้าไปในรถม้าพร้อมกับเรียกกระบินให้บินกลับเข้าไปด้านในรถม้าและสั่งให้กงหนิวออกเดินทางต่อทันที

เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่หยูหลันก็มองไปทางไปกู่ตงฉิงพลางถอนหายใจ และรีบบินตามหลิงตู้ฉิงไปเช่นกัน หน้าที่ที่นางได้รับมอบหมายมาก็คือปกป้องเย่ชิงเฉิง มันจึงเป็นธรรมดาที่นางจะติดตามเย่ชิงเฉิงไปในทุก ๆ ที่ที่เย่ชิงเฉิงไป ส่วนเหตุการณ์เมื่อครู่ที่เกิดขึ้นมันทำให้นางรู้สึกกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์ภายในของสำนักของนาง

ทางด้านของกู่ตงฉิงที่ถูกส่งมาที่นี่เพื่อให้ปกป้องหานซ่งหยวนและหยูจิ้งเฉิงนั้นมองไปยังรถม้าของหลิงตู้ฉิงที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไปไกลเรื่อย ๆ โดยไม่ได้แสดงสีหน้าใด ๆ

ซึ่งอันที่จริงแล้ว ความรู้สึกในใจของเขานั้นไม่ได้สงบเฉกเช่นที่แสดงออกเหมือนภายนอก

ด้วยฐานะที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ระดับ 6 สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ หากแค่วัดจากในอาณาเขตนภาทั้งหมดตัวตนเช่นเขานั้นนับได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชายที่มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับต้น ๆ ซึ่งต้องมีแต่คนให้ความเคารพ แต่เมื่อครู่เศษเสี้ยวจิตวิญญาณของเขาถูกผู้อื่นทำลายแถมเขายังต้องเอ่ยปากยอมรับผิด หากเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้อะไรเลยแล้วศักดิ์ศรีของเขาที่เป็นผู้บ่มเพาะมานานนับพันปีจะไปเหลืออะไร?

เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงหายไปจนลับสายตา กู่ตงฉิงจึงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “พวกเราออกเดินทางไปที่เมืองหยูหลันกันต่อ”

พวกเขาจำเป็นต้องไปที่เมืองหยูหลัน เนื่องจากพวกเขาไม่รู้ว่าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับจะเปิดขึ้นเมื่อไหร่และที่ไหน ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องอยู่ใกล้กับเย่ชิงเฉิงให้มากที่สุด

ไม่เช่นนั้นเมื่อถึงเวลาที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเปิดขึ้นและพวกเขาไปไม่ทันหรือหาไม่เจอ พวกเขาจะไม่สามารถโทษเย่ชิงเฉิงได้ที่ไม่รอพวกเขา

หานซ่งหยวนและหยูจิ้งเฉิงเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่เช่นกัน และพวกเขาเองก็รู้ดีว่าเมื่อครู่กู่ตงฉิงได้ถูกทำให้เสียหน้าครั้งใหญ่ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าออกความเห็นอะไร

ถึงแม้ว่าสถานะของพวกเขาทั้งคู่จะอยู่สูงกว่ากู่ตงฉิง แต่ด้วยสถานที่ที่พวกเขาอยู่ตอนนี้นั้นเป็นสถานที่ที่พวกเขาไม่คุ้นเคยและด้วยเหตุผลที่พวกเขาต้องพึ่งพากู่ตงฉิง ที่มีระดับการบ่มเพาะที่แข็งแกร่งกว่า พวกเขาจึงไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้

ส่วนทางด้านกู่ตงฉิง ถึงแม้ว่าในใจของเขาจะเคียดแค้น แต่เขาก็รู้ตัวดีว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้

เขาไม่รู้ว่าเศษเสี้ยวจิตวิญญาณแม่ของเย่ชิงเฉิงได้จากไปแล้ว แถมเขายังเป็นฝ่ายผิด เขาจึงทำได้เพียงแค่รอโอกาสเอาคืนในอนาคตเท่านั้น

ส่วนทางด้านหลิงตู้ฉิง และคนของเขาที่กำลังมุ่งหน้าไปเมืองหยูหลัน เย่ชิงเฉิงที่กำลังสงสัยอะไรบางอย่างอยู่ได้เอ่ยถามขึ้น “สามี เมื่อครู่ทักษะที่ท่านใช้มันคือทักษะสวรรค์มหาบงการของตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคยพูดถึงใช่ไหม?”

ที่เย่ชิงเฉิงเดาได้เช่นนี้ เนื่องจากว่าทั้งกระบี่บิน 49 เล่ม อาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิ และค่ายกลกระบี่เหินเมฆาต่างอยู่ในความครอบครองของตัวนางทั้งหมด แต่เมื่อครู่นางรู้สึกว่านางได้หลุดการควบคุมพวกมันไปโดยไม่สามารถต่อต้านได้เลยเมื่อหลิงตู้ฉิงเรียกพวกมันออกไป ซึ่งเหตุผลเดียวที่อธิบายสถานการณ์ประหลาดเมื่อครู่ได้ก็คงมีเพียงแค่ ทักษะสวรรค์มหาบงการ ของ ตำหนักศาสตราศักดิ์สิทธิ์ ที่หลิงตู้ฉิงเคยเล่าให้นางฟังว่าเขาสามารถใช้มันได้

หลิงตู้ฉิงพยักหน้ายอมรับทันทีหลังจากนางถามจบ

เย่ชิงเฉิงถอนหายใจและพูดว่า “เฮ้อ ข้าล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าท่านไปเรียนรู้พวกวิชาหรือทักษะเหล่านี้ที่มันสาบสูญไปแล้วเป็นหมื่นปีมาได้ยังไง สามีของข้า…”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

“จริงสิ สามี เมื่อครู่ท่านได้ล่วงเกินกู่ตงฉิงไปแล้ว ข้าคิดว่าเขาต้องมีอาวุธต้องห้ามอยู่กับตัวแน่ ๆ ซึ่งอำนาจของมันนั้นคงไม่ได้ต่างอะไรกับโองการจักรพรรดิ ข้าคิดว่าท่านควรจะระวังการลอบโจมตีของเขาเอาไว้ให้ดีด้วย” เย่ชิงเฉิงกล่าวเตือนขึ้น

หลิงคู้ฉิงส่ายหัว “ไม่ต้องกังวลหรอก ด้วยอำนาจค่ายกลกระบี่เหินเมฆา เราไม่มีความจำเป็นอะไรต้องไปกลัวเขา”

“อำนาจของค่ายกลกระบี่เหินเมฆามันอยู่ระดับไหนงั้นเหรอ?” เย่ชิงเฉิงถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ตอนนี้มันน่าจะอยู่ในระดับค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้น” หลิงตู้ฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “น่าเสียดายที่ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของข้ายังต่ำเกินไป ไม่งั้นล่ะก็…”

เมื่อเย่ชิงเฉิงได้ยินคำว่า ‘ค่ายกลศักดิ์สิทธิ์’ ความมั่นใจของนางในตัวหลิงตู้ฉิงก็พุ่งสูงขึ้นจนไร้สิ้นสุดทันที

ถ้าหากคนเช่นหลิงตู้ฉิงที่สามารถสร้างค่ายกลระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ยังไม่สามารถช่วยเหลือสำนักนางได้ นางก็ไม่รู้อีกแล้วว่าใครจะสามารถทำได้!