novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • anime
  • โดจิน
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
hotgraph Hydra888 เว็บสล็อต xoslotz ดูบอลสด UFAC4 PANAMA888 lotto432 ufabet london168 newyork UFAZEED UFA1919 PG freefire เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350 เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด dgthai nowbet หวยออนไลน์

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 410 ทะลวงกำแพงสวรรค์

  1. Home
  2. พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)
  3. บทที่ 410 ทะลวงกำแพงสวรรค์
Prev
Next

บทที่ 410 ทะลวงกำแพงสวรรค์

ขณะนี้หลิงตู้ฉิงและหลิงเทียนหยุนต่างก็กำลังรอคอยให้หวงเซียะดูดซับเลือดปีศาจฟีนิกซ์อเวจีให้เสร็จมาเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว

และเมื่อหวงเซียะดูดซับเลือดปีศาจฟีนิกซ์อเวจีเสร็จ นางก็กระโดดขึ้นจากสระและพุ่งตัวเข้าไปหาหลิงตู้ฉิงทันทีและพูดว่า “พี่หลิง ขอบคุณมาก!”

หลังจากดูดซับเสร็จ นางรู้สึกได้ทันทีถึงอำนาจของสายเลือดปีศาจฟีนิกซ์อเวจี และภายใต้แรงปรารถนา นางจึงพุ่งตัวเข้าไปหวังว่าจะกอดเขาเพื่อแสดงความซาบซึ้งใจ

แต่น่าเสียดาย ก่อนที่นางจะพุ่งไปถึงตัวเขา ร่างของหลิงตู้ฉิงก็ได้หายไปจากจุดเดิมเรียบร้อยแล้ว

หวงเซียะหยุดลงและมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยแววตาหม่นหมอง

นางไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องทำตัวเย็นชาแบบนี้กับนางนัก?

“เอาล่ะ ถึงเวลาที่เจ้าต้องออกไปแล้ว!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวงเชียะก็แสดงสีหน้าไม่ยินยอมและพูดว่า “เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับยังเหลือเวลาอีกเป็นปีกว่ามันจะปิดลง ช่วงเวลาที่เหลือนี้ข้าต้องการที่จะติดตามท่านไปก่อน แล้วเมื่อถึงเวลาที่มันใกล้จะปิดข้าจะออกไปเอง!”

หลิงตู้ฉิงมองไปยังหวงเซียะ จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปหานาง

เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงเดินเข้ามาหา นางก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก ในใจของนางเต็มไปด้วยความประหม่าและความคาดหวัง เนื่องจากนางไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงต้องการจะทำอะไรกับนาง แต่ไม่ว่าเขาจะทำอะไรกับนางก็ตาม นางก็ยินยอมเพราะนางรู้ดีว่าไม่ว่าหลิงตู้ฉิงจะทำอะไรเขาจะไม่ทำร้ายนางอย่างแน่นอน

จากนั้นเมื่อหลิงตู้ฉิงเดินเข้ามาใกล้ หวงเซียะก็ได้เห็นว่าเขายื่นมือเข้ามาหานาง ซึ่งด้วยความอาย นางหน้าแดงและจึงหลับตาลงพร้อมกับเงยคางขึ้นเล็กน้อย

แต่น่าเสียดายที่มือที่ยื่นมาหานางนั้น กลับแตะลงบนหน้าผากของนางแทน จากนั้นในช่วงวินาทีถัดมา คำพูดสำคัญบางคำของหลิงตู้ฉิงก็เลือนหายออกไปจากความทรงจำของนาง

ยกตัวอย่างเช่น เหล่าคำตำหนิต่าง ๆ ที่เขาเคยได้กล่าวกับนางนั้นได้ถูกลบหายไปจนหมด

จากนั้นเมื่อหวงเซียะลืมตาขึ้น นางมองไปยังหลิงตู้ฉิงด้วยสายตางุนงง

“พวกท่านทำอะไรกับข้า?” หวงเซียะพูดด้วยอาการมึนงง “ทำไมข้าถึงจำไม่ได้ว่าพวกท่านเป็นใคร?”

“ออกไปจากที่นี่ซะ!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นโดยไม่อธิบายอะไร

เมื่อเห็นว่าหวงเซียะยังไม่ยินยอมที่จะออกจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ หลิงตู้ฉิงจึงถือวิสาสะทำลายอักขระที่อยู่ในห้วงจิตสำนึกของนาง

เมื่อรู้สึกได้ถึงการปฏิเสธจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ หวงเซียะจึงร้องตะโกนขึ้น “พวกเจ้าเป็นใครกัน? จงบอกชื่อของพวกเจ้ามา!”

หลิงตู้ฉิงยิ้มโดยไม่ตอบอะไรกลับไป และจากนั้นร่างกายของหวงเซียะก็หายไปจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับอย่างรวดเร็ว

หลังจากส่งหวงเซียะออกไปแล้ว หลิงตู้ฉิงก็รู้สึกโล่งใจ จากนั้นเขาจึงเอ่ยว่า “หยุนเอ๋อ เจ้าจงพักก่อน จากนั้นพ่อจะพาเจ้าไปอีกสถานที่หนึ่ง”

หลิงเทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นเขาก็นั่งลงกับพื้นเพื่อปรับลมหายใจ

อาการบาดเจ็บของเขาจะดีขึ้นได้เองแต่มันต้องใช้เวลา

แต่สำหรับร่างเงาหลายร่างของเขาที่ถูกทำลายไป ในจุดนั้นเขาคงจำเป็นต้องบ่มเพาะพวกมันขึ้นมาใหม่อีกครั้งในอนาคต

1 เดือนต่อมา หลังจากที่คู่พ่อลูกบ่มเพาะและรักษาตัวเสร็จ หลิงเทียนหยุนก็ถามขึ้น “ท่านพ่อ พวกเราจะกลับไปที่โลกขอบเขตรวมแสงดาราใช่รึเปล่า?”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ยังไม่ใช่ พวกเรายังเหลืออีกสถานที่ของโลกขอบเขตนภาที่เรายังไม่ได้ไป และสถานที่แห่งนั้นมันคือตัวตัดสินว่าการที่เราเข้ามาในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับนั้นมันคุ้มค่าหรือไม่”

“ที่ไหนกัน ท่านพ่อ?” หลิงเทียนหยุนถามขึ้น

หลิงตู้ฉิงชี้ขึ้นไปบนฟ้าและเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “บนฟ้า!”

“บนท้องฟ้า?” หลิงเทียนหยุนมองไปบนฟ้าด้วยความงุนงง “มันยังมีโลกถัดไปอยู่บนท้องฟ้างั้นเหรอท่านพ่อ?”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “พ่อก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ที่พ่อแน่ใจก็คือมันจะต้องมีอะไรอยู่บนนั้นแน่นอน และนั่นก็คือเหตุผลว่าทำไมพ่อถึงพาเจ้ามาที่นี่”

“งั้นข้าต้องทำยังไงต่อ?” หลิงเทียนหยุนถามขึ้นอีกรอบ

“เจ้าจะรู้เองเมื่อเจ้าขึ้นไปถึง” หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดขึ้น “ตอนนี้เจ้าจงเข้ามาอยู่ในเงาของพ่อก่อน พ่อจะใช้กำลังของพ่อทำลายกำแพงเองและถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ได้ช่วยพ่อทำลายมัน เจ้าก็จะยังคงได้ประโยชน์จากการทำลายไปด้วย ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าในอนาคตเมื่อถึงเวลาที่เจ้าต้องทะลวงขอบเขตไปยังขอบเขตสวรรค์”

หลิงเทียนหยุนพยักหน้าอย่างรวดเร็วและร่างของเขาก็หายเข้าไปในเงาของหลิงตู้ฉิงทันที

ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อเขาเห็นว่าหลิงเทียนหยุนพร้อมแล้ว เขาจึงโคจรพลังของร่างเบญจธาตุไปถึงจุดสูงสุดทันที

นี่เป็นเพราะตอนนี้เขามีระดับการบ่มเพาะแค่ขอบเขตประสานทะเลปราณ และการที่เขาจะทำลายกำแพงนี้ได้ มันคงไม่สามารถทำได้ด้วยพลังจากระดับการบ่มเพาะของเขาแน่นอน

ส่วนการที่เขาจะไปหาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาคนอื่นให้มาช่วยเขาทำลายกำแพงนี้นั้นเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นเลย เนื่องจากประโยชน์ที่ได้จากการทำลายกำแพงนี้มันล้ำค่าเกินกว่าที่เขาจะมอบให้กับคนทั่วไปได้ ส่วนซือโถวเหวินหยวนที่อยู่ในขอบเขตนภาเช่นกันนั้น หากเดาไม่ผิดซือโถวก็คงยังไม่ได้รับโชคอะไรดี ๆ จากที่นี่อยู่แล้ว

ดังนั้นทางเลือกเดียวของเขาก็คือการทำลายมันด้วยตัวเอง

เมื่อเขาโคจรพลังของร่างเบญจธาตุ แสงสีแดง เหลือง เขียว ขาว ดำ ก็ส่องประกายออกมาจากร่างของเขา

และเมื่อแสงทั้งห้าสีนี้หลอมรวมเข้าด้วยกัน หลิงตู้ฉิงก็รู้สึกได้ราวกับว่าร่างกายของเขาได้กลายเป็นเอกเทศจากสภาพแวดล้อมรอบด้าน

จากนั้นเมื่อเขารู้สึกว่าตัวเองพร้อม เขาจึงพุ่งขึ้นไปบนฟ้าทันที

ส่วนหลิงเทียนหยุนที่หลบอยู่ในเงาของหลิงตู้ฉิงนั้น เขาเองก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังพุ่งผ่านชั้นของพลังวิญญาณมากมายหลายชั้นไปเรื่อย ๆ

เขารู้สึกได้ว่าในทุก ๆ ชั้นพลังงานที่เขาพุ่งผ่าน มันมีมวลพลังหลายรูปแบบรวมตัวอยู่ด้วยกัน ซึ่งมันมีทั้งมวลพลังธาตุไฟ ธาตุน้ำ และธาตุอื่น ๆ มากมาย ซึ่งเขาสัมผัสได้ว่าหากมวลพลังเหล่านี้ได้เรียงตัวกันตามตำแหน่งที่ถูกต้องเมื่อไหร่ อำนาจของพวกมันจะต้องปะทุขึ้นอย่างรุนแรงแน่นอน

แต่ในช่วงเวลาที่เขากำลังจะเห็นมวลพลังงเหล่านั้นเรียงตัวกัน หลิงตู้ฉิงก็ชกหมัดออกไปยังท้องฟ้าที่อยู่เบื้องบนเสียก่อน ส่งผลให้บรรดามวลพลังต่าง ๆ ที่กำลังจะเรียงตัวกัน ถูกคลื่นกระแทกจากคลื่นพลังหมัดจนลอยกระจัดกระจายไปกันคนละทาง

หลังจากนั้น เมื่อพ่อของเขาได้ทะลวงท้องฟ้าจนเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ ร่างของทั้งสองคนก็บินผ่านช่องโหว่นั้นขึ้นไปอยู่เหนือท้องฟ้า

แต่แล้วเมื่อพวกเขาขึ้นมาอยู่เหนือชั้นฟ้า พวกเขาก็สัมผัสได้ว่ามีพลังงานลึกลับบางอย่างได้โอบล้อมตัวพวกเขาไว้ ทำให้พวกเขาไม่สามารถขยับร่างกายได้

“ท่านพ่อ นี่มันคืออะไรกัน?” หลิงเทียนหยุนถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล

เพราะว่าทั้งเขาและพ่อของเขาตอนนี้นั้นไม่สามรถขยับได้เลย

หลิงตู้ฉิงหัวเราะอย่างขมขื่น “เจ้าจะถือว่ามันเป็น ‘กลิ่นอายแห่งสวรรค์ก็ได้’ ซึ่งมันก็คล้ายกับทักษะ ‘อาณาเขตสวรรค์’ ของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์นั่นแหละ แต่ตอนนี้สิ่งที่ควบคุมอำนาจของมันอยู่ก็คือโลกที่ไม่สมประกอบนี้ของเขตวิญญาณผู้ล่วงลับ”

“ถ้างั้นพวกเราจะทำยังไงกันต่อดี ท่านพ่อ?” หลิงเทียนหยุนรีบถามขึ้นทันที

“ตอนนี้ พ่อคงได้แต่หวังพึ่งเจ้า” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยสีหน้าช่วยไม่ได้ “ในสถานที่แห่งนี้ พ่อไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ เพราะถ้าพ่อจะต่อต้านมัน พ่อจะต้องใช้กฎแห่งระดับสวรรค์หรือเหนือกว่าในการจัดการ ซึ่งถ้าพ่อทำแบบนั้นพ่อจะถูกเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับปฏิเสธและถูกดึงตัวออกไปทันที”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเทียนหยุนก็พูดขึ้นด้วยสีหน้างุนงง “แต่ข้าก็ขยับตัวไม่ได้เหมือนกันนะท่านพ่อ!”

หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ถึงแม้ว่าร่างกายของเจ้าจะไม่สามารถขยับได้ แต่ร่างเงาของเจ้าทำได้ กฎของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับในที่นี่นั้นไม่สมบูรณ์ ดังนั้นมันจึงตรวจจับไม่เจอร่างเงาของเจ้า เอาล่ะจงใช้ร่างเงาของเจ้าออกไปตามหาความลับที่แท้จริงของสถานที่แห่งนี้ซะ และจงจำไว้ว่ามีแต่ร่างเงาของเจ้าเท่านั้นที่เคลื่อนไหวได้ ร่างกายที่แท้จริงของเจ้าห้ามเคลื่อนไหวออกไปจากเงาของพ่อเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นร่างของเจ้าจะไม่สามารถทนต่อแรงกดดันของกลิ่นอายสวรรค์ของที่นี่ได้”

หลิงเทียนหยุนหยักหน้ารับทราบ และจากนั้นเขาก็ส่งร่างเงาของตัวเองออกไปซึ่งมันก็เป็นจริงอย่างที่พ่อของเขาบอก ร่างเงาของเขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระไม่ถูกตรึงไว้แบบเดียวกับร่างที่แท้จริงของเขา

เมื่อเห็นเช่นนี้เขาจึงปล่อยร่างเงาของตัวเองออกมาจากร่างเป็นจำนวน 30 ร่างเงา และส่งพวกมันกระจายออกไปทุกทิศทุกทางเพื่อสำรวจที่แห่งนี้