มู่หนานจือ - บทที่ 396 เรียกกลับมา
ทุกคนตกใจไปพักหนึ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลี่ตงจื้อ นางถามหลี่ฉางชิงอย่างใจกล้าว่า “ท่านพ่อ ทำไมถึงให้พี่สะใภ้ไปปฏิบัติธรรมอย่างสงบ ที่วัด? ปฏิบัติธรรมอย่างสงบที่บ้านไม่ได้หรือ?”
ในความคิดของนาง ผู้หญิงที่ถูกส่งไปปฏิบัติธรรมอย่างสงบที่วัดล้วนเป็นผู้หญิงที่ทำความผิด หลังจากถูกส่งเข้าไป แทบจะไม่มีคนได้กลับมา
เวลานี้ท่านพี่ไม่อยู่บ้าน พี่สะใภ้กลับจะถูกส่งไปที่วัด…
ดวงตาโตสีดำสนิทของนางมองหลี่ฉางชิงโดยไม่กะพริบ ราวกับกำลังขอร้องบิดาอย่างเงียบๆ
หลี่ฉางชิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว พลางคิดว่าหลี่ตงจื้อกลายเป็นคนวาจาคมกริบแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร ไม่เหมือนสตร รีที่มาจากตระกูลสูงศักดิ์แม้แต่นิดเดียว
เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและเอ่ยว่า “นี่เป็นความต้องการของพ่อ เจ้ากำลังซักไซ้พ่ออย่างนั้นหรือ?”
“ลูกมิกล้า!” นางกัดฟัน และเอ่ยว่า “แต่ท่านพี่ไม่อยู่บ้าน หากพี่สะใภ้จะไปปฏิบัติธรรมอย่างสงบ อย่างไรก็ต้องบ บอกท่านพี่สักหน่อยกระมัง? ส่งพี่สะใภ้ไปวัดอย่างเงียบๆ แบบนี้ หากคนอื่นรู้เข้า ยังคิดว่าพี่สะใภ้ทำอะไรผิด? ท่านพ่อรักท่านพี่มากที่สุดมาโดยตลอด ท่านก็คงไม่อยากให้ท่านพี่ถูกนินทาเช่นนี้เหมือนกันใช่หรือไม่?”
เจียงเซี่ยนได้ยินแล้วก็เกือบจะอดไม่ได้ที่จะชมหลี่ตงจื้อ
เด็กคนนี้เหมือนหลี่เชียนที่สุดแล้ว!
ไม่เสียแรงที่นางเอ็นดูหลี่ตงจื้อที่สุด
เวลาสำคัญมักจะช่วยพูดให้นางเสมอ
นางก้าวเข้ามากอดแขนของหลี่ตงจื้อทันที แล้วยิ้มพลางเอ่ยเสียงเบาว่า “น้องหญิง ข้าอยากไปอยู่ที่วัดสักระย ยะเอง พี่ใหญ่ของเจ้าไม่อยู่บ้าน ข้ารู้สึกกลัวนิดหน่อย จึงอยากไปกินอาหารเจที่วัดสักสองสามวัน ขอพรและอธิษฐานใ ให้พี่ใหญ่ของเจ้าปลอดภัย เพราะกลัวคนนอกเข้าใจผิด ดังนั้นเมื่อวานข้าจึงขอร้องท่านพ่อ ให้เขาช่วยข้า หากมีคนนอก กถามขึ้นมา ทุกคนก็แค่บอกว่าข้าไม่สบาย ไม่สะดวกพบแขก”
หลี่ตงจื้อมองเจียงเซี่ยนอย่างสงสัย
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางพยักหน้าให้นาง นัยน์ตาแฝงความจริงใจ
หลี่ตงจื้อถึงเชื่อ
ทว่าหลี่ฉางชิงกลับโกรธแทบตาย
เขาเป็นพ่อของหลี่ตงจื้อ หลี่ตงจื้อกลับยอมเชื่อเจียงเซี่ยนแต่ไม่ยอมเชื่อเขา
หลี่ฉางชิงรู้สึกว่าเขาเลี้ยงหลี่ตงจื้อเสียแรงเปล่าจริงๆ
เจียงเซี่ยนดูออกว่าหลี่ฉางชิงไม่พอใจ จึงแอบให้ชีกูไปบอกหลี่ฉางชิง ว่าหากเจออาจารย์หญิงที่เหมาะสมในเมืองหล ลวง อยากเชิญมาสอนหลี่ตงจื้อที่บ้าน “…ในบ้านไม่มีผู้อาวุโสหญิงที่มีความรู้ลึกซึ้งและกว้างขวาง ก็สู้เชิญจาก ข้างนอกมาอย่างจริงจังสักคนดีกว่า จะได้เรียนว่าอ่านหนังสือ ดีดพิณ เล่นหมากล้อม เขียนหนังสือ และวาดภาพอย่างไรก กับอาจารย์หญิงอย่างเต็มที่ ในอนาคตก่อนที่น้องหญิงจะแต่งงานก็สามารถสอนหลานสาวได้ หลังจากแต่งงานก็สามารถสอนลู กสาวของตนเองได้ การสืบทอดของตระกูลหนึ่งเริ่มต้นตรงนี้ ดังนั้นครอบครัวสามีก็จะให้ความสำคัญกับนางเช่นกัน”
ผู้หญิงจากตระกูลที่สืบทอดคัมภีร์ทั้งหมดจริงๆ หากไม่เริ่มเรียนกับมารดาของตนเองก็เริ่มเรียนกับป้าของตนเอง ต ต่อให้ต้องเชิญอาจารย์หญิงมา ก็จะเชิญผู้หญิงที่แต่งงานแล้วที่กลับมาอยู่บ้านของตนเองถาวรจากตระกูลที่คบหากันม มาหลายชั่วอายุคน ตระกูลที่เชิญคนข้างนอกมาสอนแบบนี้ต่างเป็นตระกูลชนชั้นสูงใหม่ ปกติพวกอาจารย์หญิงที่มาจากตระก กูลสูงศักดิ์ล้วนไม่อยากสอน แต่หากเชิญผู้ชายมาสอนหนังสือ ส่วนใหญ่ก็เป็นซิ่วไฉที่สอบตกและอายุเกินหกสิบปี คนแบ บบนี้อย่างมากที่สุดสามารถบอกให้หลี่ตงจื้อรู้หนังสือได้ ที่มากกว่านั้นก็ไม่มีความสามารถแล้ว ตระกูลหลี่ก็ห หาคนที่เหมาะสมไม่ได้สักทีเพราะเหตุนี้เช่นกัน บวกกับเกาเมี่ยวหรงเป็นผู้หญิง เมื่อก่อนสนิทกับหลี่ตงจื้อมาก และตระกูลหลี่ก็ไม่รีบเช่นกัน เรื่องนี้จึงเลื่อนแล้วเลื่อนอีก และเลื่อนมาจนถึงตอนนี้
หากเจียงเซี่ยนสามารถหาอาจารย์หญิงมาให้หลี่ตงจื้อจากเมืองหลวงได้จริงๆ นั่นก็ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว ว
ทว่าเรื่องแบบนี้ก็ต้องเสี่ยงดวงเช่นกัน
หลี่ฉางชิงไม่อยากทำให้เจียงเซี่ยนลำบาก จึงให้ชีกูตอบว่า “หากเชิญอาจารย์หญิงมาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร หาแม่นมที่ม มีประสบการณ์โชกโชนและทำงานรอบคอบที่ออกมาจากในวังสักคนให้ตงจื้อติดตามเรียนรู้ธรรมเนียมก็ได้”
เจียงเซี่ยนก็ไม่มั่นใจเต็มที่ว่าจะหาอาจารย์หญิงที่เหมาะสมสักคนให้หลี่ตงจื้อได้เช่นกัน แต่การพาแม่นมที่ ออกไปจากในวังไปให้หลี่ตงจื้อเรียนรู้ธรรมเนียมกลับเป็นเรื่องที่ทำง่ายมากสำหรับนาง…ต่อให้หาแม่นมที่ออกจ จากวังไม่ได้ พาคนสักคนกลับมาจากในวัง รายงานกรมวังว่าไทฮองไทเฮาหรือไทฮองไท่เฟยเมตตา จะปล่อยออกไปก็ได้แล้ ว
นางยิ้มพลางขานรับ และให้คนนำจดหมายไปให้หลิวตงเยว่กับหลี่จี้กลับมาทันที แล้วสั่งให้ชีกูกับฉิงเค่อเก็บส สัมภาระอย่างง่ายๆ ทิ้งพวกไป่เจี๋ย เซียงเอ๋อร์ และจุ้ยเอ๋อร์ไว้ที่เรือน
หญิงรับใช้อย่างชีกูคิดว่านางไปปฏิบัติธรรมอย่างสงบที่วัด แลดูสงบมาก ไม่นานก็เก็บหีบสัมภาระเรียบร้อย รอหลิว วตงเยว่กับหลี่จี้กลับมา
หลิวตงเยว่กับหลี่จี้อยู่ต้าถง
ไทฮองไทเฮามอบที่รกร้างผืนใหญ่ที่ปลูกต้นไม้เอาไว้มากมายให้เจียงเซี่ยน บอกว่าเป็นสินเดิมแต่ก่อนของนาง ทว่ ากลับฝังถ่านหินชั้นหนึ่งเอาไว้อย่างตื้นๆ ขุดดินออกไม่ถึงหนึ่งฉื่อก็เจอ
เจียงเซี่ยนไม่เชื่ออย่างสิ้นเชิงว่านี่เป็นสินเดิมของไทฮองไทเฮา
แต่ชาติก่อนนางก็ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับที่ผืนนี้เช่นกัน
ชาตินี้เพราะนาง เรื่องราวมากมายต่างเปลี่ยนไปแล้ว นางก็ไม่มีทางสืบหาต้นเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน จึงแอบส สั่งให้หลิวตงเยว่อาศัยโอกาสที่ไปเก็บค่าเช่าให้นางในครั้งนี้ไปดูที่ยอดเขานั้นสักหน่อย หากเป็นไปได้ ก็คิดหา าทางเริ่มขุดถ่านหิน ถึงอย่างไรถ่านหินก็เป็นของที่ราชสำนักควบคุม หากเรื่องราวเปิดเผยออกไป ทุกคนต่างก็ดูไม่ดี
หลิวตงยเว่คิดว่าในเมื่อเจียงเซี่ยนจะสนับสนุนหลี่จี้ ก็ไม่ได้ปิดบังหลี่จี้เช่นกัน
ตอนนั้นหลี่จี้ตกใจจนคางแทบจะร่วงลงมา
ตระกูลหลี่เริ่มจากน้อยนิด ถึงเขาจะเป็นลูกหลานขุนนาง แต่กลับไม่เข้าระดับ บางครั้งอยู่กับพวกทายาทของตระกูลช ชนชั้นสูงที่มีอำนาจ ได้ยินว่าตระกูลไหนล้อมที่ที่คนเถื่อนบุกเบิก มีกี่หมู่ บันทึกชื่อพวกคนเถื่อนทั้งหมดเป็น นทาส ที่บ้านร่ำรวยขึ้นมาก ตระกูลไหนคุมงานของอู่เรือ อายัดค่าสินค้าของพวกพ่อค้าที่จัดหาสินค้าให้อู่เรือ เหล่าพ่อค้ามอบไข่มุกเหอผู่ขนาดเท่าเม็ดบัวหนึ่งหูกับทองแท่งใส่กล่องหนึ่งชิ้นให้…ตอนนั้นเขาคิดว่านั่นเ เป็นความไม่ยุติธรรมที่ใหญ่ที่สุดแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังมีเรื่องที่ไม่ยุติธรรมมากกว่าอยู่ตรงนี้ แถมตระกูลของพวกเขา ายังเป็นคนได้ประโยชน์ด้วย
หลี่จี้ไม่สบายไปสองสามวัน
หลิวตงเยว่จำเป็นต้องบอกเขาว่า “ของพวกนี้อาจจะเป็นทรัพย์สินส่วนตัวที่กรมคลังถวายให้ฮ่องเต้เซี่ยวจงหรือฮ่ องเต้องค์ก่อน”
หลี่จี้ได้ยินแล้วแปลกใจมาก จึงเอ่ยว่า “ฮ่องเต้มีทรัพย์สินส่วนตัวด้วยหรือ?”
หลิวตงเยว่มองบน และเอ่ยว่า “ฮ่องเต้ก็เป็นคนเหมือนกันไหม? หากไม่มีทรัพย์สินส่วนตัว ถ้าเขาเหลวไหลขึ้นมา เอา าเงินในท้องพระคลังไปใช้หมด เงินเดือนของพวกขุนนางใหญ่จะทำอย่างไร? เงินเดือนทหารของฐานที่มั่นจะทำอย่างไร? เงิน นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแต่ละที่มาจากไหน?”
หลี่จี้ได้ยินก็พึมพำว่า “แต่ตอนนี้ฐานที่มั่นก็จ่ายเงินเดือนทหารไม่ได้เหมือนกัน ช่วงที่มีอุทกภัยกับภัยแล้งก ก็ไม่เห็นราชสำนักช่วยเหลือผู้ประสบภัยนี่นา!”
หลิวตงเยว่เดี๋ยวอ้าปากเดี๋ยวหุบปาก อยากโต้แย้งให้ราชสำนักเล็กน้อย ทว่าหลายครั้งก็ไม่รู้จะพูดอะไร จึงทำได้ เพียงถอนหายใจเบาๆ และลากหลี่จี้พลางเอ่ยว่า “คุณชายรอง พวกเรารีบกลับไท่หยวนเถอะ! ไม่รู้เหมือนกันว่าทางท่า านหญิงเกิดอะไรขึ้น?”
หลี่จี้จึงรีบร้อนขึ้นมาเช่นกัน
ทั้งสองคนเร่งเดินทางไม่หยุด ใช้เวลาแค่สองวันก็กลับถึงไท่หยวน
ประจวบเหมาะกับวันมงคลที่หลี่ฉางชิงดูให้เจียงเซี่ยนด้วยตนเองก็เป็นวันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนแค่มาอย่างเหนื่อยสุ ดๆ และนอนหลับไปหนึ่งตื่น ก็รีบตามเจียงเซี่ยนออกจากเมืองไท่หยวน แม้แต่หีบสัมภาระก็ไม่ทันได้เปิดด้วยซ้ำ
หลี่จี้มองพวกองครักษ์ที่หน้าตาธรรมดา เงียบขรึม และพูดน้อยมากข้างกายพวกเขาอย่างงุนงง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะขี ม้าวิ่งเหยาะๆ ไปข้างกายอวิ๋นหลิน แล้วทำหน้ามุ่ยไปทางพวกองครักษ์ และเอ่ยเสียงเบาว่า “ทั้งหมดนี่มาจากไหนกั น? ทำไมข้าไม่รู้จักสักคน!”
อวิ๋นหลินก็ไม่รู้จักเหมือนกัน
เขาแอบรู้สึกได้ว่าพวกองครักษ์ที่หลี่ฉางชิงจัดมาล้วนไม่ธรรมดา แต่ไม่รู้ว่าหลี่ฉางชิงจะทำอะไรกันแน่ จึงค่อ อนข้างไม่สบายใจ