ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 129 เจ้านกสกปรก ฆ่าข้าเสียเลยสิ!
บทที่ 129 เจ้านกสกปรก ฆ่าข้าเสียเลยสิ!
หลิงเยว่จมดิ่งสู่ห้วงความคิดจนไม่อาจถอนตัวออกมาได้ มีวิธีใดบ้างหรือไม่ที่นางจะเก็บไว้ได้ทั้งสองอย่าง?
“มนุษย์ เจ้าหูหนวกหรือ?”
หลิงเยว่ที่ถูกเรียกได้สติกลับคืนมา หัวใจพลันสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อครู่เจ้าตะขาบมรกตพูดว่าอย่างไรนะ?
อ้อ! ให้นำไข่มาทำเป็นอาหารอร่อย
ตำราอาหารนั้นมีมากมายนัก!
“ขนมอบชิ้นเล็กที่เจ้ากินเมื่อครู่ก็มีไข่เป็นส่วนผสม”
หลิงเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบไข่ต้มและไข่เยี่ยวม้าสมุนไพรวิญญาณออกมาจากถุงเก็บของ แบ่งให้กับเหล่าผู้พิทักษ์ตะขาบมรกตทั้งสี่
ลู่เป่ยเหยียนกับผู่ตานต่างแย่งชิงไข่ที่ยังไม่ได้ปอกเปลือกไปคนละฟอง แล้วรีบปอกเปลือกให้เจ้าตะขาบมรกตทั้งสี่อย่างรวดเร็ว คนที่อยู่ด้านหลังก็พูดขึ้นว่า “ศิษย์น้องของข้าทำอาหารได้มากมาย หลังออกจากเขตแดนลับสัตว์อสูรแล้วอยากกินสิ่งใดก็ให้นางทำให้กินได้ทั้งนั้น”
“ถูกแล้ว ใกล้ ๆ เขตแดนลับสัตว์อสูรนี้มีเมืองที่เต็มไปด้วยอาหารอร่อย รับรองว่าพวกเจ้าจะได้กินของอร่อยเช่นนี้ไม่ซ้ำกันทุกวันอย่างแน่นอน!”
ลู่เป่ยเหยียนมอบไข่ที่ปอกเปลือกแล้วให้กับตะขาบมรกตตัวที่สามและตะขาบมรกตตัวที่ห้า ที่จริงแล้วเขาอยากเอาให้หัวหน้าตะขาบมรกตเช่นกัน แต่กลับถูกผู่ตานตัดหน้าไปเสียก่อน
ไข่เยี่ยวม้าสมุนไพรวิญญาณมีหลากสีสัน มีทั้งสีเหลืองทอง เขียวใส ชมพูอ่อน และม่วงอ่อน… อีกทั้งกลิ่นหอมของแต่ละฟองนั้นก็แตกต่างกันออกไป
เจ้าตะขาบมรกตตัวหนึ่งอ้าปากกว้าง กลืนกินไข่สีเขียวใสเข้าไป กลิ่นหอมอบอวลอยู่เต็มปาก ส่วนที่เป็นไข่ขาวมีสัมผัสกรุบกรอบ ส่วนที่เป็นไข่แดงนั้นนุ่มละมุนลิ้น
“พี่ใหญ่ ข้าไม่เคยกินไข่อะไรที่อร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย!”
“อืม อร่อยนัก ไข่พวกนี้มาจากสัตว์อสูรชนิดใดกัน? รอจับนกตัวนั้นได้แล้วค่อยขนไข่ที่เขตแดนลับนี้ไปให้หมด!”
เหล่าตะขาบมรกตทั้งสี่ตัวถูกพิชิตด้วย ‘ไข่เยี่ยวม้าสมุนไพรวิญญาณ’ พวกมันดีใจจนบินวนไปมาในอากาศ ไม่แปลกใจนักที่พวกมันจะตื่นเต้นถึงเพียงนี้ อาจเป็นเพราะถูกขังอยู่ในเขตแดนลับมานานหลายพันปี กินภูเขาทั้งลูกจนหมด เรียกได้ว่าแทบจะกินทุกสิ่งอย่างในเขตแดนนี้แล้ว จนกระทั่งมนุษย์ผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น ทั้งยังสามารถเข้าออกเขตแดนลับได้ตามใจชอบ!
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คงต้องดูแลพวกเขาอย่างดีเลย!
ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้หัวหน้าตะขาบมรกตไม่ฆ่าหลิงเยว่ในทันที
อีกทั้งตอนนี้ยังได้กินของอร่อยที่ไม่เคยกินจากฝีมือของนางอีก ทำให้มันยิ่งไม่อยากฆ่าหลิงเยว่อีกต่อไป เช่นนั้นก็ต้องเลี้ยงไว้ให้ดีแล้ว!
“รสชาติของไข่นี้ก็อร่อยมากเช่นกันนะ” หลิงเยว่ทนเห็นทั้งสี่ตัวเมินเฉยต่อไข่ต้มสมุนไพรวิญญาณไม่ได้ จึงจับยัดเข้าไปในปากของพวกมันเองเสียเลย แม้ว่าจะเป็นการยัดเยียด แต่ไข่ต้มสมุนไพรวิญญาณก็มีรสชาติที่เยี่ยมยอด อีกทั้งเนื้อสัมผัสของมันก็ไม่ต่างไปจากไข่เยี่ยวม้าสมุนไพรวิญญาณก่อนหน้านี้ที่พวกมันกินเข้าไป อร่อยยิ่งนัก!
“เจ้า!” ด้วยความโกรธ หัวหน้าตะขาบมรกตจึงใช้ขาเรียวเล็ก ๆ ของมันชี้ไปที่หลิงเยว่ แต่เนื่องจากใช้แรงมากเกินไป รสชาติของเครื่องปรุงรสภายในไข่ต้มสมุนไพรวิญญาณพลันกระจายไปทั่วปาก อืม… กลิ่นหอมแปลก ๆ เจ้าสิ่งนี้อร่อยยิ่งนัก ช่างเถิด ไม่ถือสาเจ้ามนุษย์พวกนี้แล้ว
อีกสามตัวกินเสร็จแล้วก็เลียริมฝีปาก ก่อนจะบินวนรอบตัวหลิงเยว่
“ยังมีไข่แบบอื่นอีกหรือไม่ ไข่ฟองแค่นี้มันน้อยเกินไป เอามาอีกสักหน่อยเถิด”
“ใช่ ๆ อย่าขี้เหนียวนักเลยเจ้ามนุษย์ ไว้รอให้จับไข่นกนั่นได้แล้วจะแบ่งให้กิน”
“อย่าเลยพี่ใหญ่ ไข่ของมันใหญ่ขนาดนั้น เอาไปทำอาหารอร่อย ๆ ได้หลายอย่างแน่นอน!”
แมลงตะขาบมรกตทั้งสี่ตัวเริ่มคิดหาวิธีปรุงไข่ของนกสามขาเป็นอาหาร พวกมันพูดไปน้ำลายก็ไหลไป
หลิงเยว่อดใจไม่ได้ นางหยิบขวดขึ้นมาก่อนจะใช้ขวดนั้นกักเก็บน้ำลายของเจ้าตะขาบมรกตเอาไว้
ลู่เป่ยเหยียนและผู่ตาน “?”
ศิษย์น้องห้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่?
“ศิษย์พี่สี่ท่านเป็นถึงนักกลั่นโอสถแท้ ๆ กลับมองไม่ออกหรือว่าน้ำลายนี่เป็นของดี”
ผู่ตาน “…”
เขาช่างเป็นคนที่ไม่รู้จักสิ่งใดเสียเลย
บนพื้นหญ้า เหล่าตะขาบทั้งสี่ตัวและมนุษย์อีกสามคนกำลังพูดคุยกันเสียงดัง โดยเฉพาะเรื่องการถกเถียงถึงวิธีการกินไข่ที่อร่อยที่สุด ทำให้ไข่นกที่ซ่อนอยู่ใต้ดินลึกรู้สึกโกรธมาก!
ไข่นกโกรธแค้นจนอยากจะทะลุเปลือกไข่ออกมาเผาพวกมันให้หมดสิ้น!
“เจ้านกสกปรก! ถ้าแน่จริงก็ออกมาฆ่าข้าเสียเลยสิ!”
ตะขาบมรกตตัวที่สี่ถูกมือเล็ก ๆ ที่เหมือนเงาจับมันไว้ มันตะโกนโหวกเหวกด้วยความโกรธ ขาเล็ก ๆ มากมายที่อยู่ใต้ตัวของมันกำลังดิ้นรน และพยายามกระพือปีกอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นออกมาได้ ด้วยเหตุนี้ ตะขาบมรกตจึงโกรธมาก!
“ฮึ เจ้าไม่กล้าฆ่าหรอก หากข้าตาย เจ้าก็อย่าคิดจะออกจากเปลือกไข่เลย!”
เมื่อได้ยินคำท้าทายจากตะขาบมรกตตัวที่สี่ มือเล็ก ๆ ที่เหมือนเงานั่นก็เพิ่มแรงบีบมากขึ้นไปอีก ความจริงแล้วมันน่าโมโหมาก เพราะในตอนนี้นางไม่มีทางฆ่าตะขาบมรกตตัวนี้ได้เลย การเปิดประตูเขตแดนลับสัตว์อสูรได้ใช้พลังวิญญาณของนางไปจนหมดสิ้น ตอนนี้จึงทำได้เพียงหลบซ่อนอยู่ใต้ดินเพื่อฟื้นฟูพลังช้า ๆ และรอโอกาสที่จะออกจากไข่
มนุษย์ทั้งสามกับตะขาบมรกตทั้งสี่ตัวเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อเป็นเวลากว่าห้าวันแล้ว พวกเขาแทบจะพลิกแผ่นดินหาที่นี่จนหมดแล้ว ทว่ายังไม่อาจหาร่องรอยของไข่ฟองนั้นได้เลย แม้แต่เจ้าตะขาบมรกตตัวที่สี่ที่เคยบอกใบ้พวกเขาอยู่เป็นระยะ บัดนี้มันกลับเงียบหายไปเสียแล้ว
ลู่เป่ยเหยียน “เป็นไปได้หรือไม่ว่าไข่นั้นจะย้ายไปที่วังอื่นแล้ว?”
“เป็นไปไม่ได้ ตอนนี้นางอยู่ในช่วงอ่อนแอ ทางเดียวที่จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วก็คือซ่อนตัวอยู่ในวังของตนเอง การไปที่วังอื่นนั้นไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรือ!” หัวหน้าตะขาบมรกตโต้แย้งทันที ดวงตาสีแดงเล็ก ๆ ของมันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “มันต้องอยู่ที่นี่แน่!”
“ใช่ เพราะนางสามารถฟื้นฟูพลังได้โดยการอาศัยเปลวเพลิงแห่งสวรรค์ ซึ่งมีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่จะทำให้นางฟื้นฟูได้รวดเร็วยิ่งขึ้น”
ผู่ตานจับใจความสำคัญในคำพูดของตะขาบมรกตตัวที่สองได้ “เปลวเพลิงแห่งสวรรค์เป็นไฟวิญญาณพิเศษหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่!” เจ้าตะขาบมรกตตัวที่สามมองผู่ตานด้วยสายตาเหยียดหยาม “พวกเจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องราวของเปลวเพลิงแห่งสวรรค์อย่างนั้นหรือ?”
“ไม่เคยได้ยิน ขอท่านตะขาบมรกตผู้ฉลาดเฉลียว องอาจ และสง่างาม จงเล่าให้พวกข้าฟังสักหน่อยเถิด” เมื่อเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความกระหายใคร่รู้ของหลิงเยว่ เจ้าตะขาบมรกตตัวที่สามก็ลำพองขึ้นมาทันที
มนุษย์ผู้นี้ถือว่าพูดจาเป็น อย่างนั้นข้าก็จะอธิบายให้ฟังแล้วกัน
“เปลวเพลิงแห่งสวรรค์เป็นเปลวเพลิงที่สืบทอดมาจากอีกาสามขาในอดีต จัดเป็นระดับเปลวเพลิงเทพศักดิ์สิทธิ์ ไฟวิญญาณพิเศษนั้นเทียบกันไม่ได้!”
ดูท่าทางอันเปี่ยมล้นไปด้วยความโอหังนั่นเถิด ช่างน่าหมั่นไส้เสียจริง! คนที่ไม่รู้ที่มาที่ไปคงจะคิดว่าเปลวเพลิงเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นของมันเสียแล้ว
ถึงกับเป็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์เชียวหรือ?
ผู้ฟังทั้งสามยากจะเชื่อ แต่ในแววตายังเต็มไปด้วยความใคร่รู้
“หึ แค่เพลิงศักดิ์สิทธิ์ พวกข้าเผ่าตะขาบมรกตสี่ปีกไม่ได้ใส่ใจนัก!”
สายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของมนุษย์ทั้งสามคน ทำให้หัวหน้าตะขาบมรกตรู้สึกไม่พอใจนัก แม้พวกมันจะยังไม่พัฒนาเป็นสัตว์เทพ แต่หากให้จัดการกับสัตว์เทพด้วยการรวมพลังของพวกมันห้าตัวนั้น ย่อมเพียงพอแล้ว!
พวกเจ้าคอยดูเถิด อีกไม่นาน พวกข้าจะกลายเป็นสัตว์เทพตะขาบมรกตอย่างแน่นอน
“โอ้โห พวกเจ้าช่างเก่งกาจนัก!”
คำชมของหลิงเยว่ทำให้ตะขาบมรกตทั้งสี่รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย หัวหน้าตะขาบมรกตกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หนวดที่หัวของมันก็ขยับไปมา
“หึ? มีมนุษย์เข้ามาหาที่ตายอีกแล้ว!”
เจ้าตะขาบมรกตตัวที่สองพูดจบ ร่างของมันพลันหายไปทันที คงไปสนองความต้องการของเหล่าผู้บำเพ็ญที่เข้ามาหาที่ตายเป็นแน่
“ท่านหัวหน้า รีบเรียกเจ้าตะขาบมรกตตัวที่สองกลับมาเถิด พวกเราแค่ป้องกันที่นี่เอาไว้ก็พอแล้ว”
หลิงเยว่เห็นหัวหน้าตะขาบมรกตไม่มีการตอบสนอง นางจึงต้องรีบพูดตามอีกประโยค “ข้างนอกนั้นอาจจะมีผู้บำเพ็ญที่เป็นลูกศิษย์ของข้าด้วย พวกเขาก็ทำของอร่อย ๆ ได้มากมายเช่นเดียวกัน!”
หากพวกชาวเมืองและเพื่อนของนางถูกฆ่าตาย นางคง…
“เช่นนั้น พวกเขาไม่สมควรตาย” เจ้าตะขาบมรกตตัวที่สามเป็นตัวแรกที่รีบบินตามไป
ตะขาบมรกตสองตัวเพิ่งหายไป ทันใดนั้นดินแดนสวรรค์ที่พวกหลิงเยว่อยู่ก็ถูกแสงไฟส่องสว่าง ต้นไม้และพื้นหญ้าเหี่ยวแห้ง พร้อมกับมีควันสีขาวพวยพุ่งออกมาในพริบตา
หลิงเยว่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว นางรีบเทน้ำลายที่เก็บไว้ราดใส่ผู่ตานและลู่เป่ยเหยียน สิ่งนี้จะช่วยไม่ให้ทั้งสองกลายเป็นเถ้าถ่านได้
ทั้งสองคนที่ถูกน้ำลายเหนียวเหนอะห่อหุ้มไปทั่วทั้งตัว มีอาการเดียวกับหลิงเยว่ที่โดนน้ำลายตะขาบมรกตห่อหุ้มเช่นกัน พวกเขาไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง จากนั้นก็อยากอาเจียน แต่ไม่นานยังรู้สึกแปลก ๆ อีกว่า… มันกลับรู้สึกดีในเวลาเดียวกัน?!
“เปลวเพลิงเทพศักดิ์สิทธิ์กำลังจะปรากฏตัว!”
การปรากฏตัวของเปลวเพลิงเทพศักดิ์สิทธิ์ หมายถึงไข่นกที่ซ่อนอยู่ในเงามืดนั้นย่อมออกมาเช่นกัน
ทันใดนั้น ไข่นกฟองนั้นก็ปรากฏตัวขึ้น ฝูงตะขาบมรกตรีบพาพวกพ้องของมันเข้าโจมตีในทันที ขณะเดียวกันก็พยายามช่วยกันเอาตัวตะขาบมรกตตัวที่สี่ออกมาด้วย โดยที่พวกมันไม่กลัวตายเลย!
ไม่เป็นอันใด
เหล่าผู้คุ้มกันตะขาบมรกตตื่นเต้น แต่หลิงเยว่ตื่นเต้นยิ่งกว่า นางกำลังจะมีนกศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือแล้ว!
ผู่ตานและลู่เป่ยเหยียนต่างต้องการเปลวเพลิงแห่งสวรรค์มากกว่าไข่นกที่หลิงเยว่หมายปองเสียอีก ทั้งสองจ้องตากัน แววตาเต็มไปด้วยประกายไฟอย่างไม่มีใครยอมใคร