ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 228 ต้องอ่อนโยน หมั่นสรรเสริญและใช้ความรักเพื่อเกลี้ยกล่อม
บทที่ 228 ต้องอ่อนโยน หมั่นสรรเสริญและใช้ความรักเพื่อเกลี้ยกล่อม
ความเงียบสงัดแผ่ปกคลุมห้องกลั่นโอสถ
จนกระทั่ง… ประตูห้องกลั่นโอสถถูกเตะอย่างแรงจากด้านนอก เศษไม้พลันกระจายไปทั่ว
“ตาเฒ่า! ส่งเจ้าเปราะบางน้อยมาซะ!”
หัวหน้าตะขาบมรกตเหยียบเศษไม้ เดินฝ่าแสงสว่างไปยืนชี้หน้าผู้อาวุโสทันที
นักกลั่นโอสถอาวุโสหันไปมองหัวหน้าตะขาบมรกตด้วยสายตาเหยียดหยาม เขาสะบัดแขนสองข้างเศษไม้ที่ติดตัวพลันหลุดออกไป
หลิงเยว่ที่โดนเศษไม้ฝังกลบโดยไม่ทันตั้งตัว ค่อย ๆ คลานออกมาอย่างทุลักทุเล ฝุ่นละอองทำให้นางไอออกมาหลายครั้ง
“ข้าจะบอกเจ้าให้นะหัวหน้าตะขาบมรกต ข้าไม่ตายเพราะผู้อาวุโสผู้นี้หรอก แต่ข้าจะถูกเจ้าฝังทั้งเป็นด้วยเศษไม้เสียก่อน!”
“เจ้าไม่ได้ถูกเขาทรมานหรือ?” หัวหน้าตะขาบมรกตหันไปมองนักกลั่นโอสถอาวุโสด้วยความหวาดระแวง ตาเฒ่าผู้นี้ดูแล้วไม่น่าไว้วางใจอย่างยิ่ง!
นักกลั่นโอสถอาวุโสที่รู้สึกได้ถึงสายตาแปลก ๆ ของหัวหน้าตะขาบมรกตแล้วอยากจะตบตะขาบมรกตให้แบนเสียเดี๋ยวนั้น แต่เขาไม่ได้สนใจอะไรนัก จึงหันไปตั้งใจศึกษาโอสถฟื้นปราณห้าธาตุ และสมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์ต่อ
ภายในห้องกลั่นโอสถ นอกจากหลิงเยว่ที่น่าสงสารแล้ว ขวดโอสถอื่น ๆ ยังคงสมบูรณ์ โดยเฉพาะสมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์
หลิงเยว่พลันรู้สึกว่าผู้อาวุโสตรงหน้าไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย ในฐานะผู้คุ้มกันสมควรปกป้องนางเป็นอันดับแรกไม่ใช่หรือ? ดูเถิด หัวหน้าตะขาบมรกตที่วัน ๆ ก็รู้จักแต่กิน พอนางถูกพาตัวไป เขายังตามมาช่วยนางเช่นนี้!
เมื่อเห็นสีหน้าของหลิงเยว่ นักกลั่นโอสถอาวุโสก็เดาความคิดของเธอได้ “ถึงจะเจ็บแต่ไม่ถึงตายหรอก สมุนไพรวิญญาณนั้นบอบบางกว่าเจ้านัก”
หลิงเยว่ไม่พอใจเล็กน้อย เธอใช้คาถาชำระล้างตัวเองแล้วหมุนตัวหวังจะเดินจากไป
“นี่ให้เจ้า” นักกลั่นโอสถอาวุโสยื่นตุ๊กตาไม้แกะสลักรูปคนขนาดเล็กให้หลิงเยว่ ตุ๊กตาไม้นั้นไม่มีใบหน้าหรืออวัยวะใด ๆ ดูแล้วค่อนข้างน่ากลัวอยู่บ้าง
“เจ้าควรพกติดตัวไว้ตลอด เมื่อใดที่เจ้าตกอยู่ในอันตราย เพียงร้องเรียกชื่อข้า ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ข้าจะรีบไปหาเจ้าทันที”
หลิงเยว่รับมาเสมือนของล้ำค่า พลันรู้สึกว่าตุ๊กตาไม้แกะสลักนั้นหล่อเหลา สง่างามราวกับเทพบุตร ไม่ได้ดูน่ากลัวแม้แต่น้อย
นางไม่ได้หวังให้นักกลั่นโอสถอาวุโสคอยคุ้มกันนางราวกับเงาตามตัว หากแต่เป็นเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว
หลิงเยว่กับหัวหน้าตะขาบมรกตเดินจากไป ก่อนจะได้เห็นภาพอันน่าอัศจรรย์ที่บานประตูซึ่งแตกกระจายเป็นผุยผงได้กลับมาประสานกันดังเดิม
“โชคดีนักที่เจ้ารอดกลับมาได้อย่างปลอดภัย”
เมื่อได้เห็นหลิงเยว่ที่ยังมีแขนขาครบถ้วน เถาวั่งพลันรู้สึกสบายใจ
ทางด้านเหล่าอาจารย์แต่ละท่านของสำนักต่างรู้สึกฉุนเฉียวราวกับต้องคำสาป
ไม่เพียงแต่ปลอดภัยกลับมา นางกลับได้ทำการค้าครั้งใหญ่อีกด้วย หลิงเยว่เดินตัวปลิวดูมีความสุขยิ่งนัก!
เมื่อกลับมาถึงสำนัก หลิงเยว่จัดแจงนำสมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์พรางตัวของนางมาวางลงด้วยท่าทีจริงจัง “ข้ารู้ว่าสิ่งที่พวกเจ้าเฝ้าคอยมานานคือการทำสุราปราบมาร วันนี้ข้าจะสอนวิธีการหมักให้แก่พวกเจ้าเอง”
เหล่าศิษย์น้อยใหญ่ทั้งร้อยหกสิบเจ็ดคนที่อยู่ตรงนั้น ต่างมองหน้ากันด้วยความตื่นเต้นจนไม่อาจซ่อนไว้ได้
“ข้ายังทำมันฝรั่งทอดฟื้นปราณไม่ได้เลย แล้วข้าจะสามารถเรียนรู้ได้เช่นนั้นหรือ?” ซีชางรู้สึกไม่มั่นใจนัก แม้การกลั่นโอสถจะเป็นเรื่องที่ยาก แต่อาหารวิญญาณพิเศษก็ยากเช่นเดียวกัน เขาช่างเป็นคนไร้ประโยชน์โดยแท้ เรียนรู้สิ่งใดไม่เคยประสบความสำเร็จสักอย่าง
ซีหลินเองรู้สึกวิตกเช่นกัน…
“คราวนี้ไม่ต้องใช้วัตถุดิบในการทำอาหาร เพียงใช้สมุนไพรวิญญาณและของปี้สุ่ยเย่ของตะขาบมรกตสี่ปีกเท่านั้น”
ตะขาบมรกตสี่ปีกร้อยกว่าตัวบินเข้ามาในห้องเรียน ตะขาบมรกตหนึ่งตัวต่อลูกศิษย์หนึ่งคน “พวกเจ้าจะได้ของปี้สุ่ยเย่มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเจ้าเองแล้ว ในส่วนของสมุนไพรวิญญาณข้าจะแจกให้คนละห้าต้น”
“อาจารย์หลิง… นอกจากปี้สุ่ยเย่แล้ว ความจริงพวกเราสามารถหาสมุนไพรวิญญาณได้เอง” เซี่ยซิ่นรุ่ยก้มหน้าลงเล็กน้อยสมุนไพรวิญญาณพวกเขาก็สามารถหาซื้อได้
“ในคลังของสำนักก็มีไม่น้อย” เถาวั่งเอ่ยเสียงแผ่ว
หลิงเยว่มองพวกเขาด้วยสายตาที่มีความหมายบางอย่าง แล้วไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก นางเพียงพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “จงทะนุถนอมโอกาสทั้งห้าครั้งนี้ให้ดี ผู้ใดที่ล้มเหลวทั้งห้าครั้ง จะต้องรอกันอีกครึ่งปี”
ด้วยกลัวว่าลูกศิษย์จะซักถาม หลิงเยว่จึงรีบเรียกแก่นปราณอัคคีขึ้นมาเพื่อกลั่นสมุนไพรวิญญาณทันที
บทเรียนในครั้งนี้ ใช้เวลานานกว่าหนึ่งเดือนและยังคงดำเนินต่อไปเช่นนั้น
เพียงแค่การกลั่นสมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์ และใช้อาหารวิญญาณพิเศษล่อลวงฝูงตะขาบมรกตเพื่อเก็บรวบรวมปี้สุ่ยเย่นั้นกินเวลาไปกว่าครึ่งเดือน ในที่สุดก็มาถึงขั้นตอนสำคัญ
เบื้องหน้าของเหล่าลูกศิษย์ มีหยดน้ำจากสมุนไพรวิญญาณกลายพันธุ์ลอยคว้างอยู่นับร้อยหยด โดยแต่ละหยดมีสีสันที่ต่างกัน ยามต้องแสงอาทิตย์ดูงดงามยิ่งนัก!
“ตอนนี้จงผสมมันเข้าด้วยกัน”
ขั้นตอนการผสมน้ำสมุนไพรวิญญาณไม่ใช่เรื่องง่าย และลำดับก็ไม่สามารถสลับกันได้ เพราะหากไม่ระวังอาจจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
ตูม!
เสียงระเบิดดังขึ้น แล้วลูกศิษย์คนหนึ่งก็กระเด็นออกจากห้องเรียนไป
หลังจากนั้นเริ่มมีการระเบิดตามกันมา ราวกับติดร่างแหไปด้วยกัน
หลิงเยว่ “…”
นางสอนละเอียดถี่ถ้วนขนาดนี้แล้ว เหตุใดจึงระเบิดอีก!?
เหล่าศิษย์ที่ถูกหัวหน้าตะขาบมรกตไล่ออกมานอกห้องเรียนถึงกับร้องไห้แทบขาดใจ เพียงแค่ผสมน้ำจากสมุนไพรวิญญาณขั้นต่ำเท่านั้น เหตุใดจึงยากเย็นเช่นนี้!
ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก!
“ผู้ที่เหลือจงควบคุมลมปราณให้มั่นคง อย่าผสมรุนแรงเกินไป แต่ต้องค่อย ๆ ผสมมันเข้าด้วยกันอย่างอ่อนโยน หมั่นสรรเสริญ และใช้ความรักเพื่อเกลี้ยกล่อมให้พวกมันสัมผัสได้ถึงความจริงใจของพวกเจ้า และเต็มใจผสานเข้าด้วยกันเอง”
หลังฟังหลิงเยว่กล่าว เหล่าอาจารย์ซึ่งเดิมทีสามารถควบคุมลมปราณได้อยู่ กลับอดกลั้นไม่ไหว ทันใดนั้นใบหน้าของพวกเขาก็ระเบิดกลายเป็นใบหน้าหลากสี และยังไม่ทันได้เอ่ยความเห็น ร่างของพวกเขาก็ไปอยู่หน้าประตูแล้ว
จริงอยู่ที่นักกลั่นโอสถสามารถสื่อสารกับสมุนไพรวิญญาณได้ แต่พวกมันล้วนถูกกลั่นไปหมดสิ้น นั่นหมายถึงมันตายไปแล้ว พวกมันจะรับรู้ถึงอารมณ์ของพวกเขาได้หรือ?
เห็นได้ชัดว่าเป็นเช่นนั้นได้ แม้ซีชางจะรู้สึกแปลกใจ แต่เขายังคงสรรเสริญแก่นแท้ของสมุนไพรวิญญาณอยู่ตลอด และราวกับว่าพวกมันจะได้ยิน ของเหลวสองหยดที่เมื่อครู่ยังต่อต้านกันอยู่กลับผสานเข้าด้วยกันได้อย่างง่ายดาย!
เมื่อมีผู้หนึ่งประสบผลสำเร็จ ก็จะมีที่สอง และสาม…
แก่นแท้สมุนไพรวิญญาณที่ลุ่มหลงในคำสรรเสริญจนลืมตัวพลันหยุดต่อต้าน และผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างเต็มใจ
ชาแปลงกายสำเร็จแล้ว!
เหล่าศิษย์ที่เข้าใจเคล็ดลับสามารถทำสุราปราบมารได้อย่างราบรื่น
หลังจากนั้นหลิงเยว่จึงปลดวิชาพรางตัวให้กับพวกมันอย่างลับ ๆ สุราปราบมารจึงถือว่าสำเร็จ!
“สำเร็จแล้วเช่นนั้นหรือ!?” เซี่ยซิ่นรุ่ยกอดไหสุราไว้แน่นด้วยความดีใจ
“สำเร็จแล้วจริง ๆ หรือ?” ซีชางยากที่จะเชื่อ หรือที่ผ่านมาเมื่อยามกลั่นสมุนไพรวิญญาณ เขาไม่เคยสรรเสริญหรือแสดงความรักต่อสมุนไพรจึงทำให้เตากลั่นโอสถระเบิดอยู่ร่ำไป?
ต้องเป็นอย่างนั้นแน่!
เหล่าศิษย์ที่ปรุงสุราปราบมารสำเร็จ ต่างรู้สึกสับสน วุ่นวาย แต่หลังจากนั้นคือความปลาบปลื้มยินดีอย่างหาที่สุดมิได้ พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าจะทำสำเร็จได้ตั้งแต่ครั้งแรก!
เหล่าศิษย์ที่ถูกกีดกันอยู่หน้าห้องเรียน รวมถึงเหล่าอาจารย์ที่ลดชั้นลงมาเป็นศิษย์ด้วย ต่างมองผู้ที่ทำสำเร็จด้วยแววตาอิจฉา หากเมื่อครู่หลิงเยว่บอกให้ใช้ความรักปลอบประโลมตั้งแต่เนิ่น ๆ พวกเขาก็จะทำได้เช่นกัน!
“ช่างเถิด ข้าได้บอกวิธีให้แก่พวกเจ้าแล้ว ส่วนสมุนไพรที่เหลือ พวกเจ้าจงนำมาหมักเป็นสุราปราบมารเถิด หนึ่งไหแลกกับหนึ่งจอก”
ช่างใจดำนัก!
แม้ว่าเหล่าศิษย์จะบ่นอยู่ในใจ แต่หนึ่งไหแลกหนึ่งจอกแล้วยังได้ตำราลับมาด้วย ถือว่าได้กำไรมหาศาลนัก!
เมื่อช่วยอาจารย์หมักสุราปราบมารเสร็จสิ้นแล้ว พวกเขาจะสามารถหาหินวิญญาณด้วยตนเองได้ เมื่อนั้นความมั่งคั่งก็อยู่แค่เอื้อมแล้ว!
หลิงเยว่อุ้มไหสุราแปดสิบใบ แล้วเดินจากไปอย่างยินดี
หนึ่งไหคือหนึ่งร้อยสิบจอก หากแบ่งให้คนละหนึ่งจอกก็ยังเหลือมากกว่าแปดพันจอก รวมกับของนางอีกถือว่าเกือบหมื่นแล้ว!
เหลืออีกประมาณหนึ่งแสนสองหมื่นจอกเท่านั้นจะถือว่าเสร็จสมบูรณ์
ท่านอาจารย์ใหญ่ที่เพิ่งออกจากการบำเพ็ญเพียร ผมเผ้ารุงรังส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั้งตัว ชี้ไปที่ไหสุราในอ้อมแขนของหลิงเยว่ “เหล่าศิษย์ทำสำเร็จแล้วหรือ?”
“สำเร็จแล้วเจ้าค่ะ!” ความยินดีบนใบหน้าของหลิงเยว่ยิ่งทวีคูณ “ท่านอาจารย์ใหญ่ ท่านก็ปรุงสำเร็จด้วยเช่นกันหรือ? ขอข้าดูหน่อยเถิด”
ท่านอาจารย์ใหญ่ที่ใช้สมุนไพรวิญญาณทั้งห้าส่วนสูญเปล่าไปหมดแล้ว “…”
เจ้าเด็กนี่ตั้งใจจะกล่าวแทงใจดำเขาให้ตายชัด ๆ!