ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน - บทที่ 481 หนึ่งคำถามหนึ่งถ้วยชา
บทที่ 481 หนึ่งคำถามหนึ่งถ้วยชา
เล่อเหอไม่เคยเห็นสถานที่ประหลาดเช่นนี้มาก่อน มันใช้หลักการเดียวกับแหวนมิติที่พวกเขาใช้ คือการพับงอพื้นที่
ส่วนผู้สร้างแหวนมิตินั้นเป็นเทพองค์ใด เล่อเหอไม่อาจล่วงรู้ได้ เพราะไม่มีบันทึกที่เกี่ยวข้อง ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีผู้พยายามศึกษาค้นคว้า แต่ไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้สักชิ้น ทั่วทั้งวงการผู้บำเพ็ญตอนนี้คงเหลืออยู่ราวห้าร้อยวงเท่านั้น
พื้นที่และเวลาเป็นกฎเกณฑ์ที่ลึกลับและเข้าใจยากที่สุดในโลกนี้
“ท่านบรรพจารย์ ท่านคิดว่าเจ้าของวิหารแห่งนี้อาจเป็นผู้สร้างแหวนมิติหรือไม่?”
หากเป็นเช่นนั้น เจ้าของที่นี่ต้องอายุมากแล้ว ย่อมมีพลังลึกล้ำเกินกว่าจะจินตนาการได้ ดังนั้นแม้จะเดาออกก็ทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังยิ่งขึ้น
“ก็จริง แม้เดาออกแล้วจะทำอย่างไรได้?” เล่อเหอรู้สึกท้อแท้ ทั้งสองนั่งเงียบอยู่บนบันไดโดยไม่พูดอะไร
“นี่! ข้าบอกให้เจ้าส่งขนมไปชั้นหกไง!”
พี่สาวศพโผล่ออกมาจากที่ไหนไม่รู้ มือข้างหนึ่งจับคอเสื้อของผู่ตานด้วยใบหน้าน่ากลัว!
เล่อเหอตกใจกับคนกระดาษรูปร่างแบบนี้ ดูน่ากลัวยิ่งกว่าศพที่ให้เขา ‘สละตัว’ เมื่อครู่เสียอีก
“เอ่อ… ข้าน้อยยุ่งจนลืมไปเสียสนิท ขออภัยด้วยนะท่านเซียนพี่สาว”
เล่อเหอรู้สึกชื่นชมผู่ตานอย่างมากที่สามารถเรียกใบหน้าอันน่าสะพรึงกลัวนั้นว่า ‘ท่านเซียนพี่สาว’ ได้โดยไม่สะทกสะท้าน ช่างเก่งกาจจริง ๆ!
พี่สาวศพที่เมื่อครู่ยังโกรธจัด จู่ ๆ ก็เริ่มใจเย็นลง หลายปีมานี้ไม่เคยได้ยินใครเรียกนางว่าท่านเซียนพี่สาวมานานแล้ว ไอ้หนูนี่ช่างพูดจาไพเราะ ไม่เหมือนกับไอ้หัวโล้นที่ดูแลชั้นหกนั่น ที่วัน ๆ คิดแต่จะส่งนางไปผุดไปเกิด!
“ของล่ะ? เอามาซิ!”
ผู่ตานถูกวางลงพื้นอย่างนุ่มนวล พี่สาวศพที่อยู่ตรงหน้ายื่นมือที่แบนราบออกมา เพื่อขอขนมจากเขา
ผู่ตานอยากถามนักว่า นางไม่มีแม้แต่อวัยวะภายในด้วยซ้ำ มีแค่ผิวหนังชั้นเดียวจะกินได้อย่างไร? แต่เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายโกรธเคือง เขาจึงจำใจหยิบจานขนมดอกท้อหลากสีออกมา
ขนมดอกท้อที่งดงามตระการตาพร้อมกลิ่นหอมชวนหลงใหลนั้น พิชิตใจของพี่สาวศพได้ในพริบตา ผู่ตานเห็นนางรีบคว้าจานไปอย่างใจร้อน แล้วสูดดมกลิ่นหอมหวานที่ลอยมาอย่างเคลิบเคลิ้ม
ผู่ตานคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหยิบเค้กดอกโบตั๋นที่หลิงเยว่ทำ และชานมสีม่วงออกมาด้วยความเสียดายยิ่ง
เมื่อเห็นรอยยิ้มประจบของผู่ตาน และสังเกตเห็นมือที่สั่นเทาของเขา พี่สาวศพก็รับเค้กดอกโบตั๋นและชาประหลาดนั้นไปอย่างสงบนิ่ง “เจ้ามีคำถามอะไรจะถามข้าใช่ไหม?”
ผู้ที่อยู่ข้าง ๆ อย่างเล่อเหอดวงตาเป็นประกาย พยักหน้ารัว ยังคงเป็นเจ้าหนูผู่ตานนี่แหละที่มีไหวพริบ ทำไมเขาถึงไม่คิดจะถามคำถามกับพวกสิ่งน่าเกลียดเหล่านี้บ้างนะ?
พวกเขาอยู่ที่นี่มานานขนาดนี้ คงจะรู้เรื่องราวมากมายแน่นอน
“ท่านหาข้าเจอได้อย่างแม่นยำได้อย่างไร?”
ก่อนหน้านี้เขาอยู่ที่ชั้น 72 ตอนนี้ถูกส่งมาที่ชั้น 36 แต่ผู้ที่อยู่ตรงหน้ากลับสามารถปรากฏตัวได้ในทันที นางต้องรู้วิธีลงไปชั้นหนึ่งแน่นอน
“ข้าได้ทิ้งเครื่องหมายไว้บนตัวเจ้า เพียงแค่นึกในใจก็สามารถปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าได้ทันที”
สายตาของพี่สาวศพจดจ่ออยู่ที่ดอกโบตั๋นสีชมพูและขนมดอกท้อในมือ สุดท้ายเพราะขนมตรงหน้าสวยงามเกินไป ทำให้นางไม่อยากกิน จึงเลือกที่จะเก็บไว้อย่างระมัดระวัง แล้วค่อย ๆ จิบชาสีม่วงด้วยความลังเล
รสหวานผสมกับความสดชื่นครอบครองประสาทสัมผัสทั้งหมดของนางในทันที พลังวิญญาณในชากำลังบำรุงร่างกายที่แห้งแบนของนาง ทำให้รู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!
ถ้าในชาไม่ใช่พลังวิญญาณแต่เป็นพลังเซียนก็คงจะดีกว่านี้
ถ้าไม่ใช่เพราะที่นี่มีกฎว่าห้ามรังแกเสี่ยวเอ้อร์ที่เพิ่งมาใหม่ นางคงลงมือแย่งชิงไปแล้ว
กฎระเบียบบ้าบออะไรเช่นนี้!
“แล้วหากพวกข้าต้องการลงไปยังชั้นแรก พวกข้าจะต้องทำอย่างไรหรือ?” เล่อเหอถามอย่างร้อนรน
“หนึ่งคำถาม หนึ่งถ้วยชา” พี่สาวศพรู้สึกภาคภูมิใจในความฉลาดของตัวเอง!
“ชา… ไม่มีแล้ว ใช้เหล้าได้ไหม?”
เล่อเหอหยิบเหล้าสมุนไพรขวดเล็กออกมาอย่างเสียดาย ดื่มไปเท่าไหร่ก็เหลือน้อยลงเท่านั้น เขากล้าจิบแค่นิดเดียวเพื่อแก้อยาก เพราะคนที่ทำได้ก็กำลังต่อสู้กับพลังแห่งความตาย หรือไม่ก็ยังไม่ได้ขึ้นมาจากโลกแห่งการบำเพ็ญเซียน
“ข้าจะลองดู”
พี่สาวศพหยิบแก้วเหล้าใบเล็กออกมาราวกับเล่นกล แล้วรินเหล้าให้ตัวเองอย่างไม่สนใจใคร จากนั้นก็จิบเพียงนิดเดียว แม้จะไม่หอมหวานเหมือนชาม่วง แต่กลับมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวของสมุนไพร กลิ่นหอมของเหล้าและสมุนไพรยังคงอยู่ในปากเป็นเวลานาน ช่างวิเศษจริง ๆ!
“ท่านเซียนพี่สาว ท่านพูดเร็ว ๆ สิ!” ผู่ตานทนไม่ไหวกับคนหนังกระดาษที่กำลังชิมเหล้าสมุนไพรอย่างช้า ๆ นี่นางจะต้องชิมนานแค่ไหนกว่าจะหมดแก้วกัน!
“ใช้จินตนาการเอา คิดจะไปชั้นไหนก็ไปชั้นนั้น แต่ว่า…”
พี่สาวศพยังพูดไม่ทันจบ เล่อเหอก็หายตัวไปแล้ว ในชั่วพริบตาต่อมาเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งและกล่าวหาอีกฝ่ายทันที “หลอกลวง! ข้าไปชั้นหนึ่งไม่ได้เลย”
“ข้ายังพูดไม่จบเลย พวกเจ้าที่เพิ่งมาใหม่ไปชั้นต่ำกว่าสิบและสูงกว่าร้อยไม่ได้ชั่วคราว ที่นั่นมีแต่พวกสัตว์ประหลาดอารมณ์ร้าย คนมาใหม่รับมือไม่ไหวหรอก”
เล่อเหอและผู่ตาน “…”
พี่สาวศพไม่ได้อยู่ชั้นหกหรอกหรือ?
นี่นางด่าตัวเองด้วยหรือ?
แล้วยังมีสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวกว่านี้อีก?
ทั้งสองคนรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่พูดแบบนี้คงไม่ถูกต้อง ตอนแรกพวกเขาขึ้นมาจากชั้นหนึ่งนี่นา!
“ท่านเจอคนอื่นที่มาใหม่แบบพวกข้าบ้างไหม?”
พี่สาวศพยื่นมือไปหาเล่อเหออีกครั้ง เมื่อตกลงกันแล้วว่าหนึ่งคำถามต่อหนึ่งถ้วยชา นางไม่โง่หรอก จะตอบก่อนได้อย่างไร?
อีกฝ่ายอยู่กับหลิงเยว่บ่อย แน่นอนว่าต้องมีของเก็บไว้มากมาย!
ผู่ตานเข้าใจความหมายที่เล่อเหอต้องการจะสื่อ จึงหยิบชานมสีดำออกมาหนึ่งแก้วอย่างไม่เต็มใจนัก
พี่สาวศพทำหน้ารังเกียจ ไม่อยากรับมาเท่าไหร่เพราะคิดว่ามันอาจจะทำลายความงดงามของนาง
“ท่านเซียนพี่สาว อันนี้ก็อร่อยนะขอรับ ท่านลองชิมดูได้…”
ที่จริงแล้วผู่ตานยังมีอาหารวิญญาณที่สวยงามและรสชาติดีอีกมากมาย แต่อาหารปีศาจมีจำนวนมากกว่า แม้จะเป็นสีดำมืดทั้งหมด แต่รสชาติไม่ได้ด้อยไปกว่าอาหารวิญญาณเลย
ถ้าน้องสาวร่วมสำนักอยู่ด้วยก็คงดี ไหน ๆ พวกเขาอยู่ในโลกผู้บำเพ็ญเซียนแล้ว นางสามารถลองใช้สัตว์เซียนและพืชสมุนไพรเซียนทำอาหารเซียนได้ รสชาติของอาหารเซียนคงจะวิเศษกว่าอาหารวิญญาณและอาหารปีศาจแน่…
ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะสามารถ…
ไม่! ต้องได้แน่นอน เขาจะหาทางออกพาน้องสาวร่วมสำนักกลับไปให้ได้!
พี่สาวศพเหลือบมองผู่ตานแล้วจ้องมองชาสีดำมืด นางไม่ได้กลิ่นแปลก ๆ แต่มันกลับมีกลิ่นหอมหวานและกลิ่นสดชื่นของสมุนไพรลอยออกมา
นางลองชิมดูแล้วรีบดื่มอึกใหญ่ หลังจากนั้นชานมสมุนไพรปีศาจก็ถูกนางเก็บไปเสียแล้ว
ผู่ตานไม่รู้เหมือนกันว่า หากไม่มีแหวนมิติหรือไม่มีถุงเก็บของ คนหนังกระดาษนั่นจะเอาของไปเก็บไว้ที่ไหนกันแน่?
……….