novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • อ่านมังงะ
  • โดจิน
  • ซีรีย์วาย
  • PG SLOT
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
boston777
แทงบอลออนไลน์ เว็บแทงบอล
บาคาร่า 8xbet แทงงหวย เว็บพนัน สมัครบาคาร่าออนไลน์ เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด Empire777 แทงหวย สล็อตเว็บตรง แทงหวยออนไลน์ สมัคร ufabet แทงบอล เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350

ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 481 ความช่วยเหลือจากสหายต่างชาติ

  1. Home
  2. ยอดนักรบจอมราชัน
  3. ตอนที่ 481 ความช่วยเหลือจากสหายต่างชาติ
Prev
Next

ตอนที่ 481 ความช่วยเหลือจากสหายต่างชาติ

คูลอฟส์อังเดรก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “มิสเตอร์เย่สบายใจได้..ผมจะดูแลเรื่องนี้ถ้าผู้นำถามผมล่ะก็ผมจะบอกว่าผมกำลังเพิ่มกำลังคนและรวบรวมข้อมูลและสร้างจุดยืนให้แน่ชัดแบบนี้..ผมเชื่อว่าพวกเขาจะไม่สงสัยเกินไป..สิ่งต่างๆ ในมูร์มัคส์จะวุ่นวายมากในช่วงนี้ผมต้องขอรบกวนคุณด้วย..ผมจะโทรไปหาอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ให้เขาทำตามการเตรียมการสิ่งต่างๆ ให้คุณ”

เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ได้เลย..มิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรรอฟังข่าวดีจากผมได้เลย

“เหนื่อยหน่อยนะมิสเตอร์เย่” คูลอฟส์อังเดรพูดหยอกล้อเพราะเขาแค่คิดว่ามันสะดวกสบายมากที่จะทำทุกอย่างในตอนนี้กับเย่เชียนซึ่งเป็นพันธมิตรและสหายที่ทรงพลังและดูเหมือนว่าเขาจะมองว่าตัวเองเป็นผู้นำของตระกูลและองค์กรคูลอฟส์ในอนาคตแล้ว

“อัสลานฮอร์ดมิลฟ์ยินดีให้ความร่วมมือแล้ว..เขาเป็นลูกน้องที่จริงใจที่สุดที่เคยติดตามผมมา..หากมีอะไรที่ทำให้มิสเตอร์เย่ขุ่นเคืองผมก็หวังว่ามิสเตอร์เย่จะให้อภัย” คูลอฟส์อังเดรหยุดไปชั่วขณะและพูด

“มิสเตอร์อัสลานฮอร์ดมิลฟ์เป็นคนที่มีพรสวรรค์และผมก็เชื่อว่าด้วยความร่วมมือของผมกับเขาแล้วเมืองมูร์มันสค์จะกลายเป็นของคุณและในไม่ช้ามิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรจะกลายเป็นผู้นำของมาเฟียคูลอฟส์ทั้งหมด” คพำพูดของเย่เชียนช่างประจบประแจงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งคูลอฟส์อังเดรก็มีความสุขมากและเขาเพียงแค่คิดว่าการร่วมมือกับเย่เชียนนั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของเขาเลย

“ถ้าวันหนึ่งผมได้รับตำแหน่งผู้นำของตระกูลคูลอฟส์แล้วจริงๆ ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะมิสเตอร์เย่เลยเพราะงั้นผมคูลอฟส์อังเดรคนนี้จะไม่มีวันลืมความมีน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของมิสเตอร์อย่างแน่นอน..ดังนั้นตราบใดที่มิสเตอร์เย่ต้องการเงินหรือใครสักคนล่ะก็อย่าลังเลที่จะพูดออกมา..เพราะเราคือสหาย” คูลอฟส์อังเดรพูด

ในขณะที่พูดเขาเปลี่ยนสรรพนามการเรียกโดยไม่รู้ตัวและนี่คือการมองเย่เชียนในจิตใต้สำนึกและแสดงให้เห็นถึงอนาคตที่ไม่มีที่สิ้นสุดของเย่เชียนในฐานะพันธมิตร

เย่เชียนก็ยิ้มและพูดว่า “ผมหวังว่ามิสเตอร์คูลอฟส์อังเดรจะจำคำพูดของคุณวันนี้เอาไว้และผมก็หวังว่าความร่วมมือของเราจะเป็นไปได้ด้วยดี!”

“แน่นอนแน่นอน!” คูลอฟส์อังเดรพูดอย่างรีบร้อน

หลังจากพูดคุยกันอีกสองสามครั้งเขาก็วางสายโทรศัพท์ไปซึ่งคูลอฟส์อังเดรมีความสุขมากและพูดกับคนขับว่า “โทรไปหาพี่ชายของผม..ผมจะจัดงานเลี้ยงคืนนี้ที่ภัตตาคาร!”

คนขับก็ถึงกับตกตะลึงและรีบตอบตกลงเพราะผ่านมาเจ็ดถึงแปดปีแล้วที่เขาไม่เคยเห็นคูลอฟส์อังเดรยิ้มแบบนี้และถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาก็เดาได้ว่าในการประชุมตระกูลคูลอฟส์ในวันนี้ผู้นำของตระกูลคงจะต้องยกย่องคูลอฟส์อังเดรอย่างแน่นอนแต่เขาก็เดาไม่ออกเลยว่ามิสเตอร์เย่ที่คูลอฟส์อังเดรพูดถึงคือใครกันแน่เพราะคูลอฟส์อังเดรพูดกับคนคนนั้นทางโทรศัพท์ราวกับว่าทุกคนต้องปฏิบัติต่อเขาคนนั้นอย่างสุภาพและเคารพ อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะเข้าไปขัดจังหวะได้เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเป็นตัวขับเคลื่อนของคนเหล่านี้คือการรู้จักรักษาน้ำเสียงและการวางตัวและอย่าถามในสิ่งที่ไม่ควรถามเพื่อความอยยู่รอด

เมื่อเห็นเย่เชียนวางสายโทรศัพท์ไปหลินเฟิงก็ยิ้มและพูดว่า “อะไรกันพ่อหนุ่มคนนั้นเก็บอาการไม่อยู่เลยหรอ?”

เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ก็นะเพราะว่าคูลอฟส์อังเดรถูกผู้นำของตระกูลเพิกเฉยมานานหลายปีแล้ว..และตอนนี้เขาก็กลับมาน่าสนใจอย่างกะทันหันมันก็ต้องทำให้เขากระตือรือร้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว”

“นายจะเริ่มเมื่อไหร่? ..นายต้องการความช่วยเหลือจากฉันหรือเปล่า?” หลินเฟิงถาม

“ไม่ๆ ..เพราะนี่เป็นเรื่องของตระกูลคูลอฟส์มันไม่ต้องถึงมือพี่หรอกและมันก็ไม่คุ้มเสียถ้าจะใช้คนของเรา..ตระกูลคูลอฟส์นั้นกว้างขวางมากและเราก็แค่ต้องจัดเตรียมแผนและสั่งการแล้วปล่อยให้พวกเขาดูแลงานเหล่านั้นด้วยตัวเองแค่นั้น” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม

เย่เชียนก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้นเพราะการใช้เขี้ยวหมาป่าและนักฆ่าจากองค์กรเซเว่นคิลเพื่อช่วยเหล่ามาเฟียต่อสู้มันจะเป็นข้อเสียอย่างยิ่งและนอกจากนี้สิ่งสุดท้ายที่จระกูลคูลอฟส์ขาดคืออะไร? นั่นคือคนบุคลากรที่อาจจะพิ่มขึ้นอย่างน้อยๆ 50,000 หรือ 60,000 คนและมันง่ายมากที่จะเพิ่มขึ้น..แต่เขี้ยวหมาป่าและเซเว่นคิลนั้นแตกต่างกันเพราะพวกเรามีบุคลากรที่น้อยมากมัยจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสูญเสียพวกเขาเพราะหากเสียคนของเราหนึ่งตนก็เท่ากับการสูญเสียมาเฟียหลายร้อยคน”

ในขณะที่พูดเย่เชียนก็ใช้คำว่า ‘เรา’ โดยไม่รู้ตัวดูเหมือนว่าเขาได้ถือว่าองค์กรเซเว่นคิลเป็นของเขาอย่างไงอย่างงั้นซึ่งหลินเฟิงเองก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรเขาเพียงยิ้มและพูดว่า “ฉันเคยคิดว่าฉันเป็นคนที่ขี้เหนียวแล้วนะแต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่านายเนี่ยขี้เหนียวกว่าฉันอีก”

“พี่กำลังชมผมอยู่หรือเปล่า? ” เย่เชียนฉีกยิ้มและพูด

“แน่นอนว่าคนใจแคบสามารถสร้างโชคได้เพราะผมรู้สึกว่าผมได้รับความทุกข์ทรมานมามากจากการทำธุรกิจกับน้องเย่” หลินเฟิงพูดด้วยท่าทางที่จริงจัง

อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็รู้ดีว่าหลินเฟิงแค่พูดเรื่องตลกเพราะถ้าหากหลินเฟิงสนใจเรื่องนี้เขาจะไปตกลงร่วมมือกับหลินเฟิงได้อย่างไร ท้ายที่สุดความสัมพันธ์ระหว่างเย่เชียนและหลินเฟิงก็ไม่ได้เป็นเพียงความสัมพันธ์แบบร่วมมือกันอีกต่อไป แต่เป็นพันธมิตรแห่งชีวิตและความตายภายใต้พันธนาการแห่งภราดรภาพ

“มันเป็นโอกาส..แล้วผมไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ต่างๆ ได้หรอ” เย่เชียนยิ้มและพูด

“สิ่งที่นายพูดมาเนี่ยไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม” หลินเฟิงพูด

“แน่นอนสิ..เราต้องทำแบบนี้อยู่แล้ว” เย่เชียนพูด

ทั้งสองมองก็หน้ากันและหัวเราะ อย่างไรก็ตามทั้งเย่เชียนและหลินเฟิงต่างก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ขาดหายไปและมีบรรยากาศที่ตึงเครียดในเวลานี้เพราะถ้าหากหมาป่าผีไป๋ฮวยสามารถนั่งกับพวกเขาพูดคุยและหัวเราะได้ล่ะก็มันจะเป็นเรื่องที่น่าสนุกอย่างยิ่ง

หลินเฟิงไม่ค่อยชัดเจนเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างเย่เชียนและไป๋ฮวยเลยและเขาก็ไม่ได้คิดที่จะรับรู้มันเลยเพราะการร่วมมือของเขากับเย่เชียนไม่ได้มีปัญหากับหมาป่าผีไป๋ฮวยและหากวันหนึ่งเย่เชียนและหมาป่าผีไป๋ฮวยต้องต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายนั้นสิ่งที่เขาทำได้ก็คือแค่การนั่งดู ไม่ใช่ว่าเขาไม่เต็มใจที่จะไกล่เกลี่ยแต่เขาชัดเจนมากว่าความขัดแย้งระหว่างเย่เชียนและกับไป๋ฮวยนั้นมันไม่ใช่เรื่องของเขาและไม่เพียงเขาทั้งสองเป็นศัตรูกันแต่ยังเป็นพี่น้องกันดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องของพวกเขาเอง

ขณะที่ทั้งสองคุยกันอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็โทรมาหลังจากที่เย่เชียนรับสายเสียงของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่ง “มิสเตอร์เย่ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?”

น้ำเสียงของอัสลานฮอร์ดมิลฟ์ดูประหม่าและผิดปกติมากซึ่งทำให้เย่เชียนถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะและรีบถามว่า “เป็นอะไรรึเปล่ามิสเตอร์อัสลานฮอร์ดมิลฟ์..มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า? ”

“สลาดาร์อาร์ตันกำลังจะโจมตีอีกครั้ง..เราเหลือเพียงแค่สองเขตสุดท้ายถ้าเราไม่สามารถเข้ายึดครองได้ผมเกรงว่าเราจะไม่สามารถต้านทานได้อีก” อัสลานฮอร์ดมิลฟ์พูดด้วยความกระวนกระวาย

เย่เชียนก็ถอนหายใจเล็กน้อยเพราะปรากฏว่าอัสลานฮอร์ดมิลฟ์คนนี้ไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้ หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดว่า “ถ้าคุณต้องการที่จะปะทะก็แล้วแต่คุณ..แต่อย่ามาโทษผมทีหลังก็แล้วกัน”

อัสลานฮอร์ดมิลฟ์ก็แน่นิ่งไปชั่วขณะและพูดอย่างรีบร้อนว่า “ไม่มิสเตอร์เย่ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น..ผมแค่กลัวว่าถ้าเราไม่สู้กลับเราอาจจะไม่รอดและเราจะถูกโต้กลับจนเราไม่สามารถทำอะไรได้เลย”

“ปรมาจารย์คูลอฟอังเดรเพิ่งโทรมาและฉันได้บอกเขาอย่างชัดเจนแล้วรอต่อไปรอให้ Slardar Anton โยนต่อไป” Ye Qian กล่าว “คุณอพยพสินค้าทั้งหมดที่สามารถเอาออกได้แล้วคนทั้งหมดจะ ถอยกลับไปที่ถนนซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ปล่อยให้เขาทำส่วนที่เหลือ ”

“อย่างไรก็ตามการรุกของพวกเขาในตอนนี้รุนแรงมากฉันกลัวว่าพวกเขาจะยกสำนักงานใหญ่ของเราในคราวเดียว” อัสลันฮอดมิลฟ์กล่าว

“ไม่ต้องกังวลไปมิสเตอร์อัสลานฮอร์ดมิลฟ์คนของตระกูลสลาดาร์จะต้องเหนื่อยจากการต่อสู้อย่างยาวนานในวันนี้..ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังต้องจัดกำลังพลของพวกเขาเพื่อรักษาเขตอื่นๆ เอาไว้อีก..เพราะงั้นคุณสั่งให้ทุกคนไปที่สำนักงานใหญ่ของพวกเขา..อย่าบอกนะว่าคนจำนวนมากไม่สามารถปิดล้อมที่นั่นเอาไว้ได้? ..เอาเถอะตราบใดที่คุณยังคงอยู่ที่นั่นต่อไปอีกสักพักพวกเขาก็จะถอนตัวออกไปเอง” เย่เชียนพูด

“ได้เดี๋ยวผมจะบอกลูกน้องทันที” อัสลานฮอร์ดมิลฟ์พูด “แต่ดูเหมือนว่าพวกสลาดาร์จะขอความช่วยเหลือจากพวกต่างชาติในวันนี้และพวกเขาทั้งหมดก็ดูเหมือนชาวญี่ปุ่นเลย”

“ชาวญี่ปุ่น? ” เย่เชียนขมวดคิ้วเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะนึกถึงแก๊งยากูซ่ายามากุจิหรือมาเฟียสลาดาร์จะบรรลุข้อตกลงกับแก๊งยามากุจิของประเทศญี่ปุ่นชาหรือไม่? ด้วยความฉลาดของชาวญี่ปุ่นนั้นพวกเขาจะไม่มีวันทำสิ่งที่ไม่น่าคุ้มเสียเช่นนี้ จะเป็นไปได้หรือไม่ที่องค์กรสลาดาร์กำลังเตรียมที่จะยอมให้อำนาจชาวญี่ปุ่นในมูร์มัคส์

เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อยเพราะประเทศญี่ปุ่นคือลิ่วล้อเสือและสิงห์มาโดยตลอดและพวกเขาเหล่านั้นก็เคยเข้าสู่ประเทศจีนภายใต้ชื่อต่างๆ ซึ่งองค์กรสลาดาร์ไม่กลัวว่าชาวญี่ปุ่นจะกลืนกินอาณาเขตของตนเลยหรือ?

อย่างไรก็ตามองค์กรสลาดาร์คงต้องถูกบังคับให้ทำเช่นนั้นและพวกเขาสามารถยกระดับตัวเองให้ขึ้นมาเป็นมาเฟียของประเทศรัสเซียได้ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่พวกเขาสามารถติดต่อกับชาวญี่ปุ่นได้ เดิมทีเย่เชียนเองก็วางแผนจะไปประเทศที่เป็นญี่ปุ่นเพื่อจัดการปัญหาของเขาและเขาก็ไม่ได้คาดหวังเลยว่าศัตรูของเขาจะมาปรากฏตัวที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งมันเป็นเรื่องดีสำหรับเย่เชียนหรือไม่?

.

.

.

.

.

.

.