novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • อ่านมังงะ
  • โดจิน
  • ซีรีย์วาย
  • PG SLOT
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
boston777
แทงบอลออนไลน์ เว็บแทงบอล
บาคาร่า 8xbet แทงงหวย เว็บพนัน สมัครบาคาร่าออนไลน์ เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด Empire777 แทงหวย สล็อตเว็บตรง แทงหวยออนไลน์ สมัคร ufabet แทงบอล เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350

ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 531 หัวหน้าของฉันมีอิทธิพล

  1. Home
  2. ยอดนักรบจอมราชัน
  3. ตอนที่ 531 หัวหน้าของฉันมีอิทธิพล
Prev
Next

ตอนที่ 531 หัวหน้าของฉันมีอิทธิพล!

ลูกน้องคนนั้นก็จะไม่พลาดโอกาสดีๆ เช่นนี้ไปและถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ทำให้เขาเดือดร้อนมากนักก็ตามแต่ถ้าหากเขาไม่ทำเช่นนั้นหลัวป้อเองที่จะเป็นคนลงโทษเขา ดังนั้นเขาจึงกลับมาอย่างมีสติและหลังจากซื้ออาหารจานด่วนมาแล้วเขาก็ไม่กล้าที่จะรอช้าใดๆ รีบมอบให้กับเย่เชียน

“หือ? ..แล้วคุณไม่หิวเหรอไปซื้อมาอีก! ” เย่เชียนเหลือบมองไปที่ชายหนุ่มและยื่นเงินที่เหลืออยู่ให้เขาและพูด

“ครับ! ” ชายหนุ่มรีบตอบอย่างเร่งรีบและใช้เวลาไม่นานก่อนที่เขาจะกลับมาพร้อมกับอาหารอีกสองสามอย่าง

“นี่เงินทอนครับ!” ชายหนุ่มส่งเงินหลายสิบหยวนคืนและพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

“ไม่ต้องคืนเก็บมันไว้เถอะ” เย่เชียนพูดแล้วตบไหล่หลัวป้อเบาๆ แล้วพูดว่า “มากินสิอร่อยดี”

“เอ่อ..! ” ตอนนี้มันอาจจะเป็นความกลัวไปแล้วเพราะเมื่อเย่เชียนตบไหล่เขาเบาๆ หลัวป้อก็ถึงกับตัวสั่นโดยไม่รู้ตัวและใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกทันที อย่างไรก็ตามเขาก็จะไม่ตัดสินใจปล่อยและเพิกเฉยต่อเย่เชียนที่เย่เชียนทำสุภาพกับเขาในตอนนี้เพราะก่อนหน้านี้เย่เชียนทุบตีเขาและสร้างความร้าวฉานให้เขาอย่างมากและตอนนี้ปากของเขาเจ็บแล้วเขาจะกินอะไรได้ที่ไหน? สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคืออาหารจานด่วนของเขานั้นเป็นซี่โครงหมูและข้าวก็แข็งมากเขาจึงไม่สามารถเคี้ยวมันได้ แต่เย่เชียนอยู่ที่นั่นและเขาไม่กล้าที่จะบอกว่าไม่อยากกินเพราะเขากลัวว่าเขาจะโชคร้ายอีกครั้งถ้าหากเย่เชียนเกิดโกรธขึ้นมาอีก ดังนั้นเขาจึงต้องทนกับความเจ็บปวดและกินมันลงไป

ระหว่างรับประทานอาหารรถตำรวจหลายคันหยุดอยู่ที่ประตูพร้อมกับเสียงไซเรนและบีบแตรกันอย่างเสียงดังและมีชายวัยกลางคนลงมาจากรถก่อนและตามด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่า 20 นาย ซึ่งไม่จำเป็นต้องอธิบายใดๆ เพราะชายวัยกลางคนคนนั้นก็คือเฉินจงข่ายพี่เขยของหลัวป้อนั่นเอง

เฉินจงข่ายนั้นก็เดินเข้ามาในร้านและชำเลืองมองอย่างไม่เป็นทางการและเขาก็เหลือบไปสบตากับเย่เชียนและชิงเฟิงที่กำลังสูบบุหรี่อยู่อย่างสบายๆ และเมื่อเห็นเฉินจงข่ายเดินเข้ามาหลัวป้อก็ดูเหมือนจะโล่งใจและรีบลุกขึ้นยืนแล้วรีบวิ่งไปคว้าแขนของเฉินจงข่ายแล้วพูดว่า “พี่เขย..พี่ต้องจัดการให้ผมนะ..พวกมันเองไม่เพียงแค่ทำร้ายร่างกายผมเท่านั้นแต่พวกมันยังโกงเงินผมด้วย”

สำหรับเฉินจงข่ายเขาก็คิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องไร้สาระแต่อย่างไรก็ตามเขาก็เป็นพี่ถึงพี่เขยของหลัวป้ออยู่ดีดังนั้นเพื่อเป็นการเห็นแก่ภรรยาของเขาหรือพี่สาวของหลัวป้อแล้วเขาจึงต้องดูแลหลัวป้อเป็นอย่างดี ในขณะนี้เฉินจงข่ายก็จ้องมองหลัวป้ออย่างดุเดือดและพูดว่า “นายมักจะทำตัวหยิ่งผยองอยู่เสมอเพราะงั้นก็ลองเจอแบบนี้เสียบ้าง”

“พี่เขยอย่าเพิ่งตำหนิผมสิ..ตอนนี้คนที่ทำร้ายร่างกายของผมมันอยู่ตรงหน้าพี่แล้ว..พี่ต้องจัดการให้ผมและต่อจากนี้ไปผมจะเชื่อฟังพี่ตกลงไหม!” หลัวป้อพูด

เฉินจงข่ายก็มองอย่างเย็นชาแบะไม่สนใจหลัวป้ออีกต่อไปแต่หันสายตาของเขากลับไปที่เย่เชียนและพูดว่า “ผมเป็นผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางของเมือนเจิ้งโจว..เฉินจงข่าย! ..ไม่ทราบว่าน้องชายทั้งสองคือใครหรือ?”

“เย่เชียน..ส่วนนี่คือผู้ช่วยของผมชิงเฟิง” Ye Qian ตอบอย่างลวก ๆ

“ผมรู้ดีว่าเรื่องนี้น้องเขยของผมเป็นฝ่ายผิดก็จริงแต่ถ้าคุณไม่พอใจคุณก็สามารถไปที่ศาลเพื่อฟ้องร้องเขาและเรียกร้องค่าเสียหายได้..แต่ถ้าคุณทำร้ายร่างกายเขาแบบนี้คุณก็จะมีความผิดทางอาญาและผมก็สามารถฟ้องร้องและแจ้งข้อหาคุณได้ในข้อหาเจตนาฆ่าและขู่กรรโชกทรัพย์อีกด้วย..คุณรู้ไหมว่าตอนนี้ผมสามารถจับคุณได้ทุกเมื่อและให้คุณนั่งเล่นในคุกสักสองสามปี!” เฉินจงข่ายพูด

“โห! ..ผู้อำนวยการเฉินเป็นเจ้าหน้าที่ที่ทรงอำนาจขนาดนี้เลยหรอ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ “อย่าใช้กฎหมายมาหลอกลวงผมเพราะผมไม่อยากจะใช้ตัวตนของผมเพื่อข่มคุณ..ก่อนอื่นเลยคุณควรจะชั่งน้ำหนักให้ดีก่อนนะว่าตำแหน่งของคุณในตอนนี้น่ะเพียงพอที่จะหยิ่งผยองหรือเปล่า! ”

เฉินจงข่ายก็ถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะจากนั้นเขาก็หันไปมองที่หลัวโดยเห็นได้ชัดว่าต้องการรู้สิ่งต่างๆ เพื่อรู้ว่าเย่เชียนนั้นเป็นใครกันแน่ ซึ่งหลัวป้อนั้นก็ไม่รู้และถึงแม้ว่าเขาจะรู้เขาก็จะไม่พูดตอนนี้เพราะเขาอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เห็นเย่เชียนถูกจับไปนั่นเอง “พี่เขยกลัวเขาเหรอ..ถ้าพี่ไม่จัดการเขาแล้วใครจะกลัวพี่อีกในอนาคต! ” หลัวป้อพูดอย่างเกรี้ยวกราด

“หุบปาก! ..ฉันมีวิธีเป็นของตัวเอง..ฉันรู้ว่าต้องทำอะไรและฉันไม่ต้องการให้คนอย่างนายมาเตือน!” เฉินจงข่ายก็ตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว จากนั้นเขาก็มองกลับไปที่เย่เชียนและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นผมก็อยากจะรู้จริงๆ ว่าคุณมีอิทธิพลมากพอจนผมจะไม่สามารถทำอะไรคุณได้จริงๆ ไหม..อย่ามาหาว่าผมกำลังกลั่นแกล้งคุณก็แล้วกัน” นำเสียงของเฉินจงข่ายนั้นไม่เหมือนผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางแต่เหมือนนักเลงข้างถนนมากกว่า อย่างไรก็ตามกฎหมายของมณฑลเหอหนานนั้นจังหวันนั้นก็เข้มงวดมาก ซึ่งความจริงก็คือเฉินจงข่ายคนนี้ที่ไต่เต้าขึ้นมาจากตำแหน่งเบื้องล่างทีละขั้นนั้นเพราะเขาติดต่อกับคนผู้มีอิทธิพลจากวงการใต้ดินมาเสมอดังนั้นเขาจึงพูดเหมือนอันธพาลเช่นนั้น

“คุณคิดดูนะว่าน้องของคุณมาหลอกลวงหัวหน้าของผมจนทำให้โรงแรมของเราต้องเลื่อนกำหนดการเปิดบริการและการสูญเสียก็ไม่ได้น้อยเลย..แต่ผมเรียกร้องค่าเสียหายแค่สี่ล้านหยวนเอง” เย่เชียนพูด

การที่เย่เชียนพูดแบบนี้นั้นเฉินจงข่ายไม่เพียงแค่ผงะเพราะแต่แม้แต่ชิงเฟิงเองก็ยังผงะเช่นกันเพราะเขาไม่รู้ว่าเย่เชียนกำลังทำอะไรอยู่โดยการบอกว่าเย่เชียนนั้นมีหัวหน้าอยู่เบื้องหลังอีก

“ผมไม่รู้ว่าหัวหน้าของคุณคือใคร?” เฉินจงข่ายพูด

“พี่เขย! ..เขากำลังหลอกคุณชัดๆ ..จับเขาไปที่สถานีตำรวจและสอนบทเรียนเขาแล้วส่งเขาเข้าคุกสักสองสามปีไปเลย” หลัวป้อพูดอย่างหมดความอดทน

เฉินจงข่ายก็จ้องมองไปที่หลัวป้ออย่างดุร้ายและสาปแช่งในใจของเขาเพราะน้องภรรยาคนนี้ไร้ประโยชน์จริงๆ และไม่น่าแปลกใจเลยที่ใครหลายคนจะขุ่นเคืองหลัวป้อคนนี้ ซึ่งถ้าหากไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์กับเฉินจงข่ายแล้วล่ะก็ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลัวป้อคงจะตายซ้ำตายซ้อนไปหลายครั้งแล้ว ซึ่งคำพูดของเย่เชียนนั้นชัดเจนมากในตอนนี้และนั่นก็เป็นเพราะเย่เชียนถูกใครบางคนหนุนหลังอยู่และถึงแม้ว่าตัวเองจะเป็นถึงผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางก็ตามแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยิ่งใหญ่ที่สุดและเขาไม่สามารถที่จะหยิ่งผยองในเมืองเจิ้งโจวมากเกินไปได้เพราะเมืองนี้ยังมีฮัวซงเจี๋ยอยู่และนั่นก็คือผู้มีอำนาจและอิทธิพลที่เฉินจงข่ายไม่กล้าที่จะรุกรานและยั่วยุได้เลย

“หุบปากซะ..ใครให้นายพูด..มันใช่เรื่องที่คนอย่างนายจะมาสอนฉันงั้นเหรอ” เฉินจงข่ายก็ตะโกนอย่างรวดเร็วและหลัวป้อก็รีบก้มหน้าด้วยความตกใจไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก

“หัวหน้าของผมสามารถทำให้คุณกลัวตายได้! ..ฮัวซงเจี๋ยเป็นหัวหน้าของผมแล้วคุณสามารถทำให้หัวหน้าของผมขุ่ยเคืองได้หรือเปล่าล่ะ? ” เย่เชียนพูดอย่างขี้เล่น

เฉินจงข่ายก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและเขาก็กลัวจริงๆ จากนั้นเขาก็มองไปที่หลัวป้อด้วยความโกรธเกรี้ยวและสาปแช่งบรรพบุรุษหลัวป้อในใจเพราะมันเลวร้ายมากที่ทำให้ฮัวซงเจี๋ยขุ่นเคือง ซึ่งไม่ใช่แค่เมืองเจิ้งโจวเท่านั้นเพราะแม้แต่ทั้งมณฑลเหอหนานทั้งหมดนั้นไม่มีใครรู้ว่าฮัวซงเจี๋ยนั้นเป็นบุคคลที่ไม่ควรทำให้ขุ่นเคืองเลย ซึ่งนั่นหมายความว่าคนคนนั้นได้ก้าวเท้าเข้าไปในวังแห่งความตายแล้ว

แต่อย่างไรก็ตามเฉินจงข่ายก็ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางของเมืองเจิ้งโจวและเขาก็ได้พบกับฮัวซงเจี๋ยอยู่หลายครั้งและแทบจะไม่ได้รับความดีความชอบจากหลัวซงเจี๋ยเลยแม้แต่น้อย “คุณเป็นลูกน้องของฮัวซงเจี๋ยหรอ..อย่ามาหลอกผมเพราะผมกับเขาเป็นเพื่อนกัน” เฉินจงข่ายะพูด หลังจากทำงานเป็นตำรวจมานานหลายปีเฉินจงข่ายจึงคุ้นเคยกับเล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้เป็นอย่างดีเพราะนักโทษหลายคนมักจะทำเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง

“ถ้าคุณไม่เชื่อคุณก็สามารถโทรถามประธานฮัวได้เลย..เดี๋ยวคุณก็จะได้รู้คำตอบเอง” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม

“อย่าพึ่งไปไหนเดี๋ยวผมจะโทรไปหาประธานฮัวเอง..คุณควรจะรู้ผลที่ตามมานะ” เฉินจงข่ายพูด จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่ตำรวจที่มาพร้อมกับเขาและพูดว่า “เฝ้าพวกเขาเอาไว้..ถ้าพวกเขาขัดขืนก็จับได้เลย”

หลัวป้อก็ยิ้มอย่างมีชัยและเขาก็คิดว่าเย่เชียนนั้นไม่รู้จักฮัวซงเจี๋ยจริงๆ และตราบใดที่พี่เขยของเขาคุยจบมันก็จะเป็นจุดจบของเย่เชียนดังนั้นหลัวป้อจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะที่อธิบายไม่ได้ของหลัวป้อแล้วเฉินจงข่ายก็หันหน้ามาจ้องมองเขาอย่างดุร้ายและหลัวป้อก็รีบปิดปากไปในทันที

สายโทรศัพท์ก็เชื่อมต่ออย่างรวดเร็วและเฉินจงข่ายก็พูดอย่างรีบร้อนว่า “ประธานฮัวครับ..ผมเฉินจงข่าย..ผมเป็นผู้อำนวยการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางของเจิ้งโจว”

“โอ้..ผู้อำนวยการเฉินสวัสดี..ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือ” เสียงของฮัวซงเจี๋ยก็ดังเข้ามา

“อ๋อพอดีมีชายคนหนึ่งในร้านขายวัสดุอุปกรณ์ของน้องชายภรรยาของผมที่กำลังสร้างปัญหาและเขาบอกว่าเขาเป็นลูกน้องคุณ..ดังนั้นผมจึงต้องการยืนยันกับประธานฮัวเพื่อป้องกันคนที่แอบอ้างใช้ชื่อของประธานฮัวครับ” เฉินจงข่ายพูด

“น้องของคุณเป็นใคร..ผมไม่ได้ส่งคนไปร้านวัสดุก่อสร้างหนิ..ผมคิดว่าเขาคงจะโกหกแล้ว..ยังมีคนกล้าสร้างปัญหาโดยการแอบอ้างใช้ชื่อของผมด้วยเหรอ..ผู้อำนวยการเฉินคุณช่วยจัดการคนคนนั้นที” ฮัวซงเจี๋ยพูด

เมื่อได้ยินสิ่งที่ฮัวซงเจี๋ยพูดเฉินจงข่ายก็หัวเราะและมองไปที่เย่เชียนอย่างร้ายกาจราวกับว่าเขากำลังพูดว่า ‘ไอ้เด็กน้อยแกกล้าโกหกฉันเหรอ..เพราะงั้นแกจะไม่มีทางรู้ว่าแกจะต้องตายยังไงจนกว่าแกจะตายจริงๆ’

“เอาโทรศัพท์มาให้ผม..ผมจะคุยกับหัวหน้า! ” เย่เชียนพูดขณะที่เขาคว้าโทรศัพท์จากเฉินจงข่ายและเขาก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ยังพยายามระงับความโกรธของเขาไว้เพราะยังไงเย่เชียนก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้อยู่ดีและเขาไม่สามารถเล่นกลเม็ดใดๆ ได้อีก ดังนั้นเฉินจงข่ายจึงให้เวลาเย่เชียนอีกสักหน่อย

“ประธานฮัวจำผมไม่ได้หรอ..ผมเย่เชียนไง” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม

ฮัวซงเจี๋ยซึ่งอยู่ตรงข้ามของสายโทรศัพท์ก็ถึงกับตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเขาไม่ได้คาดหวังว่าเย่เชียนจะแอบอ้างชื่อของเขาเองและครั้งที่แล้วเขาก็ได้โทรไปหาคนที่เขาส่งไปที่เมืองเซี่ยงไฮ้แต่ก็ไม่ได้รับข่าวสารอะไรเลย ดังนั้นเขาจึงรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติและคาดว่าเย่เชียนนั้นได้มาที่มณฑลเหอหนานแล้ว อย่างไรก็ตามคนที่เขาส่งไปนั้นก็ติดต่อไม่ได้มาสักพักหนึ่งแล้วแต่เขาก็ไม่ได้คาดคิดว่าเย่เชียนจะมาเยือนที่ประตูด้วยตัวเองเช่นนี้

“โอ้คุณเย่เองหรอกหรือ..คนที่ผู้อำนวยการเฉินพูดเมื่อกี้คือคุณหรอ?” ฮัวซงเจียพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร

.

.

.

.

.

.

.