ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 860 เบาะแส (2)
เมื่อมีสารจากห้วงความว่างเปล่าที่เต็มเปี่ยมส่งเสริม หลังจากหล่อเลี้ยงตามลำดับขั้นตอนเป็นเวลาสองสามวัน ลู่เซิ่งก็ยกระดับประมวลกฎเกณฑ์ราตรีลวงอีกครั้ง
หลังจากวิวัฒนาการรูปแบบที่หก เขาก็เริ่มการฝึกฝนเนื้อหาประมวลกฎเกณฑ์รูปแบบที่หก ไม่นานประมวลกฎเกณฑ์รูปแบบที่หกก็ยกระดับทีเดียวสามระดับ สร้างความเสถียรให้แก่อวัยวะรูปแบบที่หกที่เพิ่งวิวัฒนาการได้ไม่นาน
ทางเขากำลังไต่ระดับอย่างเต็มที่ ทางแอนดี้กลับเถลไถลยิ่งกว่าเดิม ตอนลู่เซิ่งไปห้องสมุดทิวาหลายครั้ง เห็นแอนดี้กำลังเมาแอ๋ ควงสาวแอบทำเรื่องอย่างว่าอยู่ในป่าเล็กๆ
ผ่านไปไม่กี่วัน ในชั้นเรียนก็มีข่าวลือฉาวว่าแอนดี้ถูกหญิงสาวกลุ่มหนึ่งขวางเอาไว้ที่ห้องพยาบาล
หญิงสาวในนี้ถึงขั้นบอกว่าตัวเองตั้งท้อง หากอยู่ในมหาวิทยาลัยทั่วไป เรื่องนี้อาจเกิดผลกระทบเสียหายใหญ่โต แต่เมื่อมาอยู่ที่มหาวิทยาลัยมิสกา อาจารย์ในชั้นเรียนแค่ทำเป็นไม่เห็น อีกทั้งทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้สนใจข่าวด้านลบของแอนดี้เช่นกัน
หลังจากเหล่าหญิงสาวพากันด่าทอ ก็ร่วมมือกันรุมสะกรัมแอนดี้ยกหนึ่ง หญิงสาวที่ตั้งครรภ์ค่อยพูดความจริงว่า เธอไม่ได้ท้อง เพียงแค่ใช้เรื่องนี้มากดดันให้แอนดี้แสดงท่าทีเท่านั้น
เธอนึกว่าแอนดี้จะมีคนอื่นนอกจากเธอแค่สองสามคนเท่านั้น แต่นึกไม่ถึงว่าจะมีหญิงสาวยี่สิบกว่าคนโผล่ออกมา หลายคนในนี้ถึงขั้นขวางห้องพยาบาลไว้ไม่ให้แอนดี้หนีไปไหน
เรื่องนี้พลันสร้างความวุ่นวายใหญ่โต
พอได้ยินข่าว ลู่เซิ่งก็อ้าปากตาค้างเล็กน้อย เขาจุติมานานขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอเรื่องน่าอัศจรรย์พันลึกแบบนี้อย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก
นอกจากเรื่องไร้สาระของแอนดี้ เรื่องใหญ่อีกเรื่องคือ สมาคมเดอลันด์ได้ยุบตัวแล้ว
เออร์นีผู้เป็นหัวหน้าสมาคม เริ่มล่าถอยอย่างต่อเนื่องในการต่อสู้กับกลุ่มอัคคีม่วง สุดท้ายก็ประกาศอย่างจนปัญญาว่าสมาคมเดอลันด์ยุงตัวลงแล้ว เหลือแค่อัจฉริยะไม่กี่คนเท่านั้นได้กลายเป็นทีมที่ตั้งขึ้นมาใหม่
นับตั้งแต่นั้นกลุ่มอัคคีม่วงก็ครองความเป็นใหญ่ กลายเป็นองค์กรยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงของชั้นปีหนึ่ง
พริบตาเดียวก็ผ่านไปกว่าสองเดือน ลู่เซิ่งยกระดับอย่างต่อเนื่องไปตามลำดับขั้นตอน จากรูปแบบที่หกถึงรูปแบบที่เจ็ด เหมือนเป็นธรณีประตูที่ข้ามได้อย่างยากลำบาก ไม่นานเขาก็ฝึกฝนประมวลกฎเกณฑ์ราตรีลวงถึงระดับสูงสุด แต่ก็ยังไม่อาจกระตุ้นให้อวัยวะวิวัฒนาการได้
รูปแบบที่หก คือระดับรองคณบดีกับคณบดีของมหาวิทยาลัย รูปแบบที่เจ็ด ตามมาตรฐานแล้วเป็นระดับรองอธิการบดี
ตามกฎมหาวิทยาลัยที่ลู่เซิ่งเข้าใจ คนที่มีสิทธิ์รับตำแหน่งเป็นรองอธิการบดี อย่างน้อยสุดต้องมาถึงระดับรูปแบบที่เจ็ด
หลังจากฝึกฝนประมวลกฎเกณฑ์ราตรีลวงเสร็จ เขาก็จำเป็นต้องเข้าห้องสมุดไปหาประมวลกฎเกณฑ์แห่งความโกลาหลอีกรอบ ลู่เซิ่งเคยลองประมวลกฎเกณฑ์รูปแบบที่หกเล่มอื่นๆ ในห้องสมุดราตรีมาหมดแล้ว แต่เนื้อหาสู้ประมวลกฎเกณฑ์ราตรีลวงไม่ได้ ดูเหมือนสาเหตุที่ติดขัดจะไม่ใช่เพราะตัวประมวลกฎเกณฑ์
ไม่นานนักก็ถึงช่วยปลายเทอม ในที่สุดการเรียนปีหนึ่งก็ใกล้จะจบลงอย่างเป็นทางการ
ลู่เซิ่งไม่รู้เรื่องของนักศึกษาสายต้องห้ามกับสายพิเศษ แต่เขากับนักศึกษาพลังสายลมแห่งการประสานและเสริมสัมผัสจำนวนมาก ต้องเริ่มแย่งคะแนนของชั้นปีที่สอง
นักศึกษาปีสองไม่ได้ผ่อนคลายเหมือนอย่างปีแรกที่เรียนแค่ในรั้วมหาวิทยาลัยอีกต่อไป แต่จำเป็นต้องเดินทางไปทำภารกิจตามหลักสูตรในสถานที่ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น
ทว่าลู่เซิ่งย่อมไม่เดินตามขั้นตอนของมหาวิทยาลัยไปเรื่อยๆ แบบนี้ เขาอยู่นี่มานานพอแล้ว ทั้งความลับของมหาลัย ห้องสมุดทิวา และห้องสมุดราตรี เขาล้วนทำความเข้าใจพวกมันอย่างลับๆ ในช่วงนี้หมดแล้ว
นอกจากหนังสือประเภทบูชาสิ่งชั่วร้ายชนิดพิเศษอื่นๆ ที่ไม่ได้พลิกดู เขาก็เคยอ่านและจดจำเนื้อหาอื่นๆ มาไม่มากก็น้อย
กล่าวได้ว่า เขาจดจำทุกอย่างในห้องสมุดเกือบสามในสี่ส่วนไว้ในสมองจนหมดสิ้นแล้ว
สิ่งที่ขาดเพียงหนึ่งเดียวคือห้องสมุดแห่งอดีต
รวมถึงประมวลกฎเกณฑ์หมายแห่งความโกลาหลกับแกนหลักแห่งความโกลหลที่ต้องการมากที่สุด
ขณะพลังฝึกปรือไม่ก้าวหน้า ด้วยความจนปัญญา เขาจึงเริ่มพลิกประมวลกฎเกณฑ์ขั้นที่หกที่หาเจอออกมา แล้วเริ่มฝึกฝน
นี่เป็นสิ่งที่ใช้เวลา ดีที่ลู่เซิ่งมีพลังอาวรณ์มากพอ นอกจากนี้ยังได้อาศัยเวลาว่างติดตั้งค่ายกลจุติหลายอันไว้รอบมหาวิทยาลัยเพื่อเตรียมตัวไว้อีก
ขอแค่เจอที่อยู่ของแกนหลักแห่งความโกลาหล เขาจะสามารถใช้ความสามารถเอามาถือครองได้ทันที
ลู่เซิ่งได้กลับไปที่บ้านของแม่ในวันคริสต์มาสในช่วงปิดเทอม กินข้าวกับน้องชายน้องสาวที่ไม่คุ้นเคย ทุกคนไม่มีอะไรคุยกัน พวกเขาต่างไม่สนใจชีวิตในมหาวิทยาลัยของเขา
สำหรับคนพวกนี้ มหาวิทยาลัยมิสกาตั้งอยู่ในถิ่นทุรกันดาน รอบข้างไม่มีอะไรน่าสนใจ ย่อมไม่รู้จะพูดอะไร
หลังจากลู่เซิ่งมอบของขวัญให้แม่เสร็จ ก็ไปลอนดอนต่อโดยไม่หยุดพัก ไปรายงานตัวที่สถานีตำรวจ ก่อนจะได้เลื่อนยศ จากนั้นก็กลับบ้าน
แจ๊คเฒ่าอาศัยอยู่กับลูกสาวในชนบท ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอย่างยิ่ง ความเสียดายเพียงหนึ่งเดียวก็คือ ว่าที่สามีของพี่สาวแจ๊คได้หายตัวไป
งานแต่งงานที่กำหนดไว้ในตอนแรกจึงล่มเช่นกัน
การหายสาบสูญของว่าที่สามีของเธอมีลับลมคมในยิ่ง แต่ตอนนี้ลู่เซิ่งไม่มีเวลามาสนใจ ขอแค่ครอบครัวแจ๊คไม่เป็นไร ทุกอย่างก็ไม่เป็นปัญหา
หลังจากมอบของขวัญที่ทำจากมือให้กับพี่สาวและแจ๊คเฒ่า เขาก็กลับมหาวิทยาลัย แล้วก็มาถึงวันเปิดเทอมอีกครั้ง
ในยุคสมัยที่ไม่มีอุตสาหกรรมอากาศยาน แค่เดินทางก็ใช้เวลาไปมากกว่าครึ่งแล้ว
…
ข้างใต้ผ้าห่มสีขาวบนเตียง แอนดี้ถูกเสียบท่อมากมายไว้บนร่างกายที่บาดเจ็บ ใบหน้าพันผ้าพันแผลสีขาว เลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผล
ขาข้างหนึ่งของเขาเข้าเฝือกและถูกยกสูง ไม่ต่างจากคนบาดเจ็บที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนตร์ใกล้ตายเท่าไร
ซ่า
ลู่เซิ่งเปิดม่านหน้าต่าง แสงสว่างสาดลอดเข้ามาพาดครึ่งใบหน้าของแอนดี้
“เฮ้อ…รอบนี้ฉันแย่แล้วจริงๆ…” เขากล่าวอย่างจนปัญญาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“เกิดอะไรขึ้นกัน ก่อนหน้านี้ยังดีๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอ” ลู่เซิ่งหาเก้าอี้มานั่งลงอย่างหมดคำพูด
“ก่อนฉันจะไป นายยังทะเลาะกับสาวๆ กลุ่มนั้นอยู่เลย ทำไมพอกลับมาถึงเข้าห้องไอซียูได้ล่ะ”
แอนดี้มองเขาอย่างซึมๆ
“อย่าไปพูดถึงเลย…เจอผู้หญิงโคตรดุเข้าน่ะสิ…อวัยวะสายพิเศษของเธอคือหั่นเฉือน…”
“น่าสงสารจริงๆ…” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างเห็นใจ “สาวๆ ของนายตอนนี้ล่ะ”
“ส่วนใหญ่เห็นฉันใกล้ตาย กลัวว่าจะฆ่าคน เลยหนีไปแล้ว ผู้หญิงคนที่ลงมือโดนมหาวิทยาลัยควบคุมตัวไว้ชั่วคราว” แอนดี้ตอบพลางถอนใจ
“แล้วตอนนี้นายคิดจะทำอะไร จะหายดีไหมเนี่ย” ลู่เซิ่งตบขาที่แขวนอยู่
“คุณพูดอะไรเนี่ย ต้องหายดีสิ! ยัยหนูนั่นไม่ได้เอาถึงตาย ฉันพักฟื้นเดือนหนึ่งก็เหลือแหล่แล้ว” แอนดี้ตอบอย่างหมดคำพูด
“ความจริงก็ไม่มีอะไรหรอก” ลู่เซิ่งยิ้ม “ต่อให้เธอลงมือจริงๆ นายก็ไม่มีทางตายไม่ใช่เหรอ”
แอนดี้ชะงัก ไม่ได้เถียงกลับ ถูกต้องแล้ว หากจะพูดให้ถูกก็คือ ก่อนที่ไอ้ตัวข้างในร่างเขาจะอนุญาต ถ้าเขาอยากตายก็ไม่อาจทำได้
ทั้งสองเงียบไปสักพัก
“ได้ยินมาว่าคุณกับเออร์นีคบกันเหรอ” แอนดี้โพล่งถาม
“จะว่างั้นก็ได้” ลู่เซิ่งพยักหน้า
แอนดี้ส่ายหน้า “คุณไม่น่าทำแบบนี้…ตระกูลเออร์นีเป็นตะวันใกล้ลับฟ้าแล้ว คุณจะมีอนาคตไกลได้เมื่ออยู่ข้างมหาวิทยาลัยเท่านั้น แม้ตระกูลซีเฟอลุสจะมีประวัติศาสตร์ยาวนาน แต่เทียบชั้นกับมหาวิทยาลัยไม่ได้เลย แค่ตระกูลเล็กๆ ตระกูลเดียว สำหรับมหาวิทยาลัยแล้ว ไม่ต่างอะไรเหมือนช้างกับมดเลย”
“ฉันรู้ว่านายอยากจะพูดอะไร” นับตั้งแต่ลู่เซิ่งรู้ว่าแอนดี้อยู่กับหน่วยปฏิบัติการของสภานักศึกษา เขาก็เข้าใจว่าเจ้าหมอนี่เป็นคนที่ยืนอยู่ข้างมหาวิทยาลัย
แต่เขามีแผนการของเขาเอง
“ฉันมีความคิดของตัวเองแหละน่า”
“…” แอนดี้มองลู่เซิ่งสักพักหนึ่ง
“เอาเถอะ หวังว่าคุณจะไม่ถูกเออร์นีหลอกก็แล้วกัน แต่มาคิดดูดีๆ พวกคุณก็เหมาสมกันดีเหมือนกัน ด้วยศักยภาพและความก้าวหน้าในอนาคตของคุณ ก็ไม่เห็นจะแย่ไปกว่าเออร์นีตรงไหน” เขาพลันหัวเราะ
“จริงสิ ขอถามนายสักเร