ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1973 แม่นางคนนี้โหดเหี้ยมนัก
ตอนที่ 1973 แม่นางคนนี้โหดเหี้ยมนัก
………………..
ใบหน้าของอี้เหวินเทาแดงก่ำขึ้นมาในทันที เขาเบิกตากว้าง จ้องฉู่หลิวเยว่ตาเขม็ง
แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอันใด แต่ปฏิกิริยาตอบรับของเขานั้นสามารถแสดงให้เห็นถึงความคิดของเขา
อี้เหวินจั๋วตะโกนขึ้นมาอย่างหมดความอดทน
“ซั่งกวนเยว่! เจ้าอย่าโลภเกินไปนัก!”
อาวุธศักดิ์สิทธิ์สามสิบชิ้นเหตุใดเจ้าไม่ไปขโมยเอาล่ะ?
ฉู่หลิวเยว่แค่นหัวเราะออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียดาย
“ประมุขอี้ เหมือนว่าในสายตาของน้องชายแท้ๆ ท่าน จะเห็นว่าของเหล่านั้นสำคัญกว่าชีวิตของท่านสินะ?”
อี้เหวินจั๋วโมโหจนตัวสั่นสะท้าน
“เจ้าพูดบ้าอันใดของเจ้า! ข้าพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อใด? เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นคนที่ละโมบโลภมากเหมือนสิงโตอ้าปาก โลภไม่มีที่สิ้นสุด! อาวุธศักดิ์สิทธิ์สามสิบชิ้น เจ้ารู้หรือไม่ว่านั่นมีมูลค่ามากเท่าใด?”
มีใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ในแววตาของนางมีความเย็นชาปรากฏขึ้นหลายส่วน
“อ่า? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่า…ท่าเรือดอกท้อของข้านั้นมีมูลค่ามากเท่าใด?”
เมื่อถูกถามกลับ อี้เหวินจั๋วก็พูดอันใดไม่ออกในทันที
เดิมทีคนอื่นๆ ที่ต้องการจะร่วมโต้แย้งก็ทยอยปิดปากกันไปในทันที
ทันใดนั้นสถานการณ์ก็ตกอยู่ในความเงียบ
อาวุธศักดิ์สิทธิ์สามสิบชิ้นมีมูลค่าสูงมากจริงๆ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับท่าเรือดอกท้อแล้ว มันอยู่คนละระดับกันชัดๆ
ขอเพียงแค่มีช่างหลอมอาวุธระดับปรมาจารย์ก็สามารถหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว ส่วนเรื่องของจำนวนนั้น เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น
ต้องบอกก่อนว่าแค่ซั่งกวนจิ้งคนเดียวก็มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่จำนวนไม่น้อยแล้ว
ไม่อย่างนั้นงานแต่งงานของนางกับหรงซิวในตอนแรก เขาไม่สามารถมอบอาวุธศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากในคราวเดียวได้แน่นอน
ดังนั้นด้วยระดับอย่างตระกูลอี้ เขาสามารถนำอาวุธศักดิ์สิทธิ์สามสิบชิ้นออกมาได้อย่างแน่นอน
ไม่อย่างนั้นแล้วละก็ตลอดพันปีที่ผ่านมา ไม่อย่างนั้นเขาไม่ดึงดูดตระกูลสูงส่งมากมายให้มาครอบครองพื้นที่แห่งนี้
ครั้งนี้ตระกูลอี้มาที่นี่โดยพร้อมเพรียงก็เพื่อเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ?
ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็เป็นฝ่ายที่พยายามจะแย่งชิงท่าเรือดอกท้อจากฉู่หลิวเยว่
ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ได้ชนะการพนันแล้ว ฝ่ายที่ได้เปรียบจะเสนอเงื่อนไขเช่นนี้ก็เหมือนว่า…จะไม่มีอันใดผิดเพี้ยนไป
ทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากัน
สีหน้าของฉู่หลิวเยว่ดูผ่อนคลาย
ที่นางต้องการของเหล่านี้นั้นก็มีเหตุผลง่ายดายมาก
…จวนเยว่เพิ่งได้ปกครอง ของที่อยู่ในคลังไม่เพียงพอ!
วัตถุดิบวิเศษมีจำนวนไม่น้อยแล้ว อีกทั้งตอนนี้ยังมีผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่ต้องการมาเข้าร่วม
แต่พวกเขาไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถใช้ได้เลย
แม้ว่าฉู่หลิวเยว่เองจะเป็นช่างหลอมอาวุธ แต่อาศัยกำลังของนางเพียงคนเดียวไม่สามารถสนับสนุนจวนเยว่ได้ทั้งหมด
ตอนนี้มีแกะเข้ามาให้ถอนขนแบบไม่ต้องจ่ายเงิน
โอกาสที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้!
นางต้องการเพียงแค่สามสิบชิ้น นางยังคิดว่ามันน้อยเกินไปด้วยซ้ำ!
แต่หลังจากพิจารณาที่อี้เหวินเทาแขนหักสองข้าง โดยพื้นฐานแล้วเขาแทบจะกลายเป็นคนตายไปแล้ว ดังนั้นนางจึงลดราคาให้
ท้ายที่สุดนางก็อยากจะเจรจาด้วยความจริงใจมากที่สุด ดังนั้นนางก็อยากจะให้คนอื่นเห็นความจริงใจของนางด้วย
หากคนของตระกูลอี้รู้ว่านางคิดอันใดอยู่ เกรงว่าพวกเขาคงจะโมโหจนกระอักเลือดออกมาแล้ว
จวินจิ่วชิงหันกลับมามองหน้าทุกคน
“ผู้อาวุโสทุกท่านมีความเห็นอย่างใดบ้าง?”
ทุกคนคร่ำครวญอยู่ในใจ
พวกเขายังจะทำอันใดได้อีก?
อีกทั้งตามคำสัญญาเมื่อก่อนหน้านี้ ต่อให้วันนี้ฉู่หลิวเยว่จะสังหารอี้เหวินเทา ตระกูลอี้ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะบอกให้นางมารับผิดชอบ!
หลังจากผ่านไปสักพักก็มีคนพูดขึ้นว่า
“ขอเพียงแค่ช่วยท่านประมุขกลับมาได้…ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอันใดข้าก็ยอม!”
คนที่เหลือก็ทยอยคล้อยตามกัน
จวินจิ่วชิงกวาดสายตาไปทางพวกเขา จากนั้นก็มองไปทางฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง
“เงื่อนไขทั้งสองของเจ้า ข้าขอตอบตกลงแทนประมุขอี้ เจ้า…”
“อย่าเพิ่งรีบร้อน ข้ายังพูดไม่จบเลย”
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงแล้วพูดขัดจังหวะจวินจิ่วชิง
“เงื่อนไขข้อที่สาม นับจากนี้เป็นต้นไป หากคนตระกูลอี้เจอกับคนของจวนเยว่ พวกเจ้าจะต้องหลบหลีกออกไปให้ห่าง! หากคนของตระกูลอี้ใช้เหตุการณ์ในวันนี้มาเป็นสาเหตุเพื่อยั่วยุคนของจวนเยว่…หากมาหนึ่งคน ข้าก็จะสังหารหนึ่งคน! มาสองคน ก็จะสังหารคู่!”
ขณะที่พูดนางก็เชิดหน้าขึ้น
“เผื่อมีคนไม่รักษาคำพูด ข้ายังต้องรบกวนให้พวกเจ้าเขียนสัญญาขึ้นมาด้วยมือของตนเองเพื่อเป็นหลักฐาน”
คนตระกูลอี้ล้วนมึนงงไป คิดไม่ถึงเลยว่าฉู่หลิวเยว่จะเสนอเงื่อนไขเช่นนี้ด้วย
จวินจิ่วชิงมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว เขาเม้มริมฝีปาก สุดท้ายก็เลือกที่จะตอบรับ
“ตกลง”
เมื่อพูดจบเขาก็หยิบกระดาษและพู่กันออกมาจากแหวนเฉียนคุน แล้วเริ่มเขียนสัญญาทันที
เมื่อคนของตระกูลอี้เห็นว่าเขาจรดปลายพู่กัน สีหน้าของพวกเขาก็ซับซ้อนอย่างยิ่ง
ถ้าเขาขัดขืน?
อี้เหวินเทาจะเป็นอย่างใด?
ถ้าพวกเขาเห็นด้วยล่ะ?
บรรยากาศของคนตระกูลอี้นั้นอึดอัด เงียบสงบ สีหน้าของทุกคน ดูย่ำแย่เป็นอย่างมาก
นับว่าวันนี้พวกเขาอายขายหน้าจนต้องเอาหน้าแทรกแผ่นดินแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน จวินจิ่วชิงก็เขียนเสร็จ เขาสะบัดข้อมือ
กระดาษแผ่นนั้นลอยมาอยู่ตรงหน้าฉู่หลิวเยว่ด้วยความรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่รับกระดาษแผ่นนั้นมาแล้วอ่านอย่างละเอียด
ครั้งนี้จวินจิ่วชิงไม่มีเจตนาชั่วร้ายใดๆ อีกทั้งยังเขียนตามที่นางต้องการทุกประการ
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“เอาล่ะ เจ้าจะปล่อยเขามาได้หรือยัง?”
จวินจิ่วชิงถาม
“อย่าเพิ่งรีบร้อนยังขาดข้อสุดท้าย”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน
“กระดาษแผ่นนี้ยังไม่ได้ลงชื่อ ถือว่ามันยังไม่มีผลใดๆ ”
จวินจิ่วชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ข้าเขียนชื่อของตนเองไว้บนกระดาษแผ่นนั้นเรียบร้อยแล้ว”
เขาคือนายน้อยของตระกูลอี้ อีกทั้งด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของอี้เหวินเทา คาดว่าหลังจากนี้อีกไม่นานเขาคงหมดสิทธิ์ในตำแหน่งประมุขตระกูลอี้
เมื่อถึงตอนนั้น จวินจิ่วชิงก็จะเป็นคนรับช่วงต่อของตระกูลอี้ทั้งหมด
หากให้เขาเป็นคนรับผิดชอบ ทุกอย่างก็มีค่าเท่ากัน
แต่ฉู่หลิวเยว่ต้องการมากกว่านั้น
“เรื่องในวันนี้ ใครเป็นคนก่อเรื่อง คนนั้นต้องรับผิดชอบ”
ฉู่หลิวเยว่พูดแล้วยกมือขึ้น
ทันใดนั้นก็มีอันใดบางอย่างลอยผ่านด้านข้างนาง
ซึ่งมันคือแขนข้างหนึ่งที่ถูกฉีกขาดไปแล้ว!
ทุกคนสามารถมองออกว่า นั่นคือแขนของอี้เหวินเทา!
ทันใดนั้นสีหน้าของทุกคนจึงเต็มไปด้วยความตกใจและมึนงง ไม่รู้ว่าที่ฉู่หลิวเยว่ทำเช่นนี้ นางต้องการทำอันใดกันแน่ แต่ทันใดนั้นทุกคนก็มองเห็นมีดสองคมอันแหลมคมที่ปรากฏอยู่กลางฝ่ามือของนาง
จากนั้นเพียงแค่นางสะบัดมือ มีดสองคมอันนั้นก็พุ่งตัวมาอย่างรวดเร็ว!
นิ้วหนึ่งของเขาถูกตัดออกอย่างไร้สุ้มไร้เสียงพุ่งไปหาฉู่หลิวเยว่อย่างรวดเร็ว!
ฉู่หลิวเยว่หยิบนิ้วที่ถูกตัดขาดประทับลงบนกระดาษแผ่นนั้น จนกลายเป็นรอยประทับสีแดง!
จากนั้นนางก็โยนนิ้วออกไปด้านข้าง ก่อนหยิบผ้ามาเช็ดนิ้วมือที่ขาวเรียวของตนเอง ก่อนจะเผาผ้าเช็ดหน้าอันนั้นทิ้งทันที
การกระทำของนางนั้นไหลลื่น เป็นธรรมชาติ!
เหมือนว่าของที่นางจับเมื่อครู่นี้ไม่ใช่แขนหรือนิ้วคน แต่เป็นแค่ของที่ไม่มีความเกี่ยวข้อง!
สุดท้ายนางก็เขย่า “สัญญา” แล้วกวาดตาอ่านอย่างระมัดระวัง พร้อมพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“ได้แล้ว”
ขณะที่พูดนางก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนหัวเราะเย็นๆ แล้วโค้งคำนับ
“ประมุขอี้ ขอบคุณมากเจ้าค่ะ”