ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1975 อยู่ที่จวนเยว่
ตอนที่ 1975 อยู่ที่จวนเยว่
………………..
อาณาเขตของอาณาจักรเสิ่นซวี่กว้างใหญ่ มีผู้บำเพ็ญเพียรเป็นจำนวนมาก มีสำนักและตระกูลหลากหลายรูปแบบ อีกทั้งยังขยายจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มีคนจำนวนมากที่ต้องการมีฐานที่มั่นของตนเอง
แต่ในจำนวนคนส่วนใหญ่ สุดท้ายแล้วก็ถูกคลื่นซัดกลืนหายไป เหลือเพียงแค่ความว่างเปล่าเท่านั้น
เพราะว่าความเป็นจริงมันยากเสมอ
โครงสร้างโดยรวมของอาณาจักรเสิ่นซวี่ค่อนข้างมั่นคงมาโดยตลอด
บางครั้งเหล่าตระกูลอันดับสองและอันดับสามก็ถูกทำลายหรือเพิกถอนออกไป
แต่อย่างใดก็ตามตระกูลอันดับหนึ่งมีรากฐานลึกซึ้ง ผู้แข็งแกร่งในตระกูลจำนวนมากดุจหมู่เมฆ ซึ่งยากจะสั่นคลอน
แทบจะไม่มีใครกล้าคิดกล้าฝันว่าจะทำลายระบบแบบนั้นเลย
แต่หลังจากที่จวนเยว่แห่งท่าเรือดอกท้อปรากฏขึ้น ในที่สุดก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
อี้เหวินเทาคือใครกัน?
คนธรรมดาอาจจะไม่รู้จักเขา
แต่เหล่าตระกูลที่มีความแข็งแกร่งและสูงศักดิ์ภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่กลับรู้เรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดี!
แม้กระทั่งอี้เหวินเทาก็ยังพ่ายแพ้ให้แก่ฉู่หลิวเยว่… ดังนั้นจึงยากที่จะจินตนาการถึงความแข็งแกร่งของฉู่หลิวเยว่!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่านางมีพลังในการต่อสู้สูงเพียงใด!
แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่คงไม่เชื่อเรื่องนี้
พวกเขาจึงยอมรับโดยปริยายว่าฉู่หลิวเยว่จะต้องปิดบังระดับพลังที่แท้จริงของตนเองอย่างแน่นอน
แต่ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม ด้วยอายุขนาดนี้ แต่นางกลับสามารถเอาชนะอี้เหวินเทาได้มันก็น่าตกใจเพียงพอแล้ว
ในเรื่องนี้ไม่ว่าอย่างใดก็ไม่สามารถปฏิเสธได้
ในขณะเดียวกันความพ่ายแพ้อันน่าอนาถของอี้เหวินเทาก็ยังเป็นไม้ตีแสกหน้าแก่พวกโง่เง่าที่ต้องการจะครอบครองท่าเรือดอกท้อ
…คนตระกูลอี้ยังมีสภาพเช่นนี้ แล้วคนอื่นล่ะจะเป็นอย่างใด?
ไม่ว่าฉู่หลิวเยว่จะสามารถทำได้อย่างใด แต่นี่ก็คือความจริง!
เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้ฉู่หลิวเยว่ได้เชือดไก่ให้ลิงดู
อีกทั้งนางยังทำสำเร็จแล้ว
หลังจากคนจำนวนมากได้รับรู้ข่าวเรื่องนี้ พวกเขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะครอบครองท่าเรือดอกท้อ
แต่คนจำนวนมากกลับเกิดความสงสัยขึ้น และค่อยๆ ละทิ้งคำจำกัดฐานะของพระชายาพระราชวังเมฆาสวรรค์ และคิดว่าฉู่หลิวเยว่นั้นเป็นอิสระจากทุกฝ่าย
นางสามารถ…อยู่ได้โดยละเมิดลิขิตสวรรค์ได้อย่างใดกันแน่?
ก่อนหน้านี้ภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่มีข่าวลือเกี่ยวกับนางน้อยมาก
ทุกคนจึงรู้สึกประหลาดใจ ตื่นตระหนก ตกใจ สงสัย…
ตอนที่พวกเขาคิดว่านี่แหละคือขีดจำกัดของนางแล้ว นางกลับทำเรื่องที่บ้าคลั่งมากกว่าเดิม จนเป็นการประกาศให้พวกเขาได้รู้ว่า
‘นางแข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาคิด!’
จนกระทั่งตอนนี้ นางก็สามารถครอบครองท่าเรือดอกท้อได้แล้ว พร้อมก่อตั้งจวนเยว่และกองกำลังอิสระที่แข็งแกร่ง!
…
ข่าวลือจากโลกภายนอกไม่ได้ส่งผลกระทบต่อท่าเรือดอกท้อเลย
หลังจากการต่อสู้สิ้นสุด ภายในเมืองก็เต็มไปด้วยความสงบสุข
เมื่อเปรียบเทียบกับความตกใจของซั่งกวนจิ้งและคนอื่นๆ แล้ว ทุกคนภายในม่านพลังดูเหมือนว่าจะไม่ได้ประหลาดใจ พวกเขาร่วมแสดงความยินดีกันในทันที
ตอนที่ฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ มาถึงจวนเยว่งานเฉลิมฉลองก็ได้จัดขึ้นเรียบร้อยแล้ว
หลังจากประสบกับเหตุการณ์ที่น่าตกใจภายในท่าเรือดอกท้อ ในสายตาของทุกคนก็เห็นว่า ฉู่หลิวเยว่มีศักดิ์เทียบเท่ากับเทพเจ้าแล้ว
ไม่ว่านางจะทำเรื่องที่น่าตกใจแค่ไหนนั่นล้วนเป็นสิ่งที่นางพึงกระทำอยู่แล้ว
ระหว่างทางที่ซั่งกวนจิ้งและคนอื่นๆ เดินไปยังจวนเยว่ พวกเขาก็ได้พบว่า ท่าเรือดอกท้อนี้สมควรเป็นของฉู่หลิวเยว่แล้วจริงๆ
คนที่นี่เรียกนาง นายท่านเยว่ ชื่อนี้นั้นแฝงไปด้วยความเลื่อมใสและเคารพอย่างสุดซึ้ง
ต้องบอกก่อนว่าภายในท่าเรือดอกท้อนั้นมีทั้งคนดีและคนเลวปะปนกันไป สิ่งที่ไม่ขาดแคลนเลยก็คือพวกที่ยากจะต่อกร แต่เมื่อคนเหล่านี้อยู่ต่อหน้าฉู่หลิวเยว่แล้ว พวกเขากลับเชื่อฟังเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าใครก็ดูออกว่า ในที่แห่งนี้นางมีอำนาจมากเพียงใด!
นางแค่สั่งการออกไปหนึ่งคำ คนนั้นก็จะเสี่ยงชีวิตบุกลุยไปทันทีโดยไม่ลังเล!
ความสามัคคีเช่นนี้…มันน่าตกใจอย่างมาก!
คำถามเช่นนี้ปรากฏอยู่ภายในใจของซั่งกวนจิ้ง จ้าวซง และคนอื่นๆ อยู่ตลอด
จนกระทั่งพวกเขาได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ภายในท่าเรือดอกท้อ ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้ว ในขณะเดียวกันก็ทอดถอนหายใจออกมาด้วยความตกใจ
กระบวนการทั้งหมดนี้ ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก
หากระหว่างทางเกิดปัญหาอันใดขึ้นมา ฉู่หลิวเยว่อาจจะต้องเสียชีวิตไปนานแล้ว!
แต่ยังดีที่ตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างได้ผ่านมาแล้ว
ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ได้ทำให้ทุกคนในท่าเรือดอกท้อเลื่อมใสศรัทธาแล้ว
แม้ว่ามันจะเพิ่งเริ่มต้นขึ้น แต่ประสิทธิภาพในการต่อสู้ไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลอันดับหนึ่งของอาณาจักรเสิ่นซวี่อย่างแน่นอน!
…
ที่ควรกักขังก็ขังแล้ว ที่ควรสังหารก็สังหารแล้ว
ฉู่หลิวเยว่มอบหมายหน้าที่ทั้งหมดให้กับเฉินอี
นางวางใจให้เขาจัดการธุระทุกสิ่ง
ช่วงงานเฉลิมฉลองกินเวลาจนถึงเย็น
ซานซานยังสั่งคนให้เตรียมดอกไม้ไฟเพื่อเฉลิมฉลองโดยเฉพาะ
เดิมทีฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้สนใจนัก แต่เมื่อซานซานชอบสิ่งเหล่านี้ วันนี้นางก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ถือว่าได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ ดังนั้นนางจึงปล่อยให้เขาทำไป
ม่านราตรีสีดำดอกไม้ไฟเปล่งประกายพร่างพราวอยู่ด้านบน เหมือนกับภาพวาดที่ทำให้ผู้คนประทับใจ
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้ามองจากลานบ้าน
ดวงตาสีดำสนิทเปล่งประกายแวววับ
นางถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วกะพริบตา
ความจริงแล้วแม้กระทั่งตัวนางเองก็ยังคิดไม่ถึงว่า เรื่องราวมันจะราบรื่นถึงเพียงนี้
“เยว่เออร์”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองแล้วยิ้มออกมา
“ไท่จู่? ท่านมาที่นี่ได้อย่างใดเจ้าคะ?”
ด้านหน้าเรือนครึกครื้น หลังจากนางยืนอยู่ที่นั่นสักพักหนึ่ง นางบอกว่าต้องการจะมาสูดอากาศเสียหน่อย
คิดไม่ถึงว่าองค์ปฐมกษัตริย์ก็จะตามมาด้วย
ซั่งกวนจิ้งมองนางด้วยความปลดปลง
“ที่ข้ามา เพราะข้ามีเรื่องอยากปรึกษากับเจ้า”
“หื้ม?”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
น้อยครั้งมากที่องค์ปฐมกษัตริย์จะแสดงสีหน้าตึงเครียดและจริงจังเช่นนี้
เหมือนกับว่า…ต้องการจะตัดสินใจอันใดบางอย่าง
นางเหยียดหลังตรง แล้วพูดอย่างจริงจังว่า
“มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ ท่านพูดมาตามตรงได้เลย”
องค์ปฐมกษัตริย์กระแอมไอ
“คือว่า…ความจริงแล้ว เรื่องนี้จะว่าใหญ่ก็ใหญ่ จะว่าเล็กก็เล็ก คือว่า จ้าวซงกับคนอื่นอยากจะอยู่ที่จวนเยว่”
อยู่ที่จวนเยว่
ไม่ใช่ท่าเรือดอกท้อ