ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1979 เจรจา / ตอนที่ 1980 นางรู้
ตอนที่ 1979 เจรจา
ประมุขตระกูลอี้
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นางพูดขึ้นด้วยความสนใจอย่างมาก
“…ถือว่ากระทำการได้อย่างรวดเร็ว”
นางคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าหลังจากจวินจิ่วชิงกลับไป เขาไม่มีทางนั่งรอความตาย แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนองไวขนาดนี้
นี่เพิ่งผ่านไปสามวันเท่านั้น เมื่อกลับมาอีกครั้งสถานะก็เปลี่ยนแปลงไปจากนายน้อยกลายเป็นประมุข
ความจริงแล้วฐานะของเขาในตระกูลอี้ก็ถือว่าค่อนข้างอันตรายทีเดียว
ฉู่หลิวเยว่สามารถมองออกได้ว่า คนตระกูลอี้ไม่ได้ให้ความเคารพและเลื่อมใสต่อเขาเลย
ภายในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจึงจำเป็นต้องใช้กลวิธีบางอย่างเพื่อให้ครอบครองตำแหน่งนี้โดยเร็วที่สุด
หรงซิวหรี่ตาลงอย่างอันตราย ใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“อี้เหวินเทาถูกขังอยู่ภายในท่าเรือดอกท้อ แขนทั้งสองข้างถูกหักขาด ไม่ต่างอันใดกับคนไร้ประโยชน์ กอปรกับตอนที่เขาประลองกับเจ้า เขาได้รับความพ่ายแพ้อย่างอนาถ เสียศักดิ์ศรีอย่างยิ่ง ต่อให้สามารถกลับไปที่ตระกูลอี้ได้อีกครั้ง เขาก็ไม่สามารถดำรงตำแหน่งประมุขตระกูลอี้ได้แล้ว”
“ตระกูลอี้กลายเป็นมังกรไม่มีหัว และเป็นเวลาที่ดีที่จะแต่งตั้งประมุขคนใหม่ ซึ่งจวินจิ่วชิงที่มีตำแหน่งนายน้อย จึงมีความได้เปรียบเป็นอย่างมาก ยิ่งกว่านั้นเขามีการสนับสนุนจากอี้เหวินจั๋ว ดังนั้นเขาจึงชนะได้ไม่ยาก”
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองหน้าเขา แล้วก็กะพริบตาปริบๆ
“สามี”
“หื้ม?”
“เจ้าได้กลิ่นน้ำส้มสายชูหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ย่นจมูกเบาๆ แล้วเอามือพัดที่ด้านหน้า
นางพูดไม่ทันจบ หรงซิวกลับคว้าเอวบางของนางเอาไว้แล้ว
“ข้าไม่รังเกียจหรอกนะถ้าจะอุ้มเจ้าไป”
หรงซิวเลิกคิ้วเล็กน้อย
ดูจากท่าทางแล้ว หากฉู่หลิวเยว่ยังพูดต่อไป เขาก็จะอุ้มนางเดินออกไปในทันที
ฉู่หลิวเยว่จึงรีบปิดปากอย่างเชื่อฟัง นางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย แล้วทำท่าปิดปากและจะไม่พูดอันใดต่อไปอีก
หากตามความเข้าใจที่นางมีต่อหรงซิว เขาสามารถทำเช่นนั้นได้จริงๆ
หรงซิวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนกุมมือนางแล้วจุมพิศลงที่ริมฝีปากแดงที่เม้มแน่นอยู่
“เช่นนั้นข้าก็จะไปกับภรรยาด้วย”
…
ฉู่หลิวเยว่และหรงซิวเดินทางไปที่หน้าประตูเมืองอีกครั้ง จวินจิ่วชิงยืนรออยู่ที่ด้านนอกม่านพลังสักพักหนึ่งแล้ว
ด้านหลังของเขามีผู้อาวุโสอยู่สองคน
เมื่อเปรียบเทียบกับการมาของพวกเขาในครั้งล่าสุด นับว่ามีจำนวนน้อยกว่าเดิมอย่างมาก
ครั้งที่แล้วพวกเขาพ่ายแพ้ และครั้งนี้ยังนำของมาเพื่อไถ่ตัวคนออก แน่นอนว่าอีกฝ่ายต้องก้มศีรษะให้นางเล็กน้อย
ผู้อาวุโสทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังกวาดสายตามองพื้นที่ที่ถูกทำความสะอาดแล้ว ด้วยจิตใจที่สับสน
หากพวกเขาไม่เคยเห็นเหตุการณ์เหล่านั้นด้วยตาตนเอง พวกเขาไม่มีทางคิดถึงว่า เมื่อสามวันก่อนหน้านี้ พี่แห่งนี้จะมีการต่อสู้ที่ดุเดือด
แต่ในครั้งนั้นตระกูลอี้ก็อยู่ที่นี่ และได้รับความอัปยศอดสูอย่างมาก!
เมื่อนึกได้ว่า วันนี้พวกเขามาทำอันใดกันที่นี่ หัวใจของเขาก็บิดเบี้ยวมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
ตระกูลอี้คุ้นเคยกับการอยู่จุดสูงสุด แต่พวกเขากลับตกลงทันทีเพราะการโจมตีกระบวนท่าเดียว มีใครจะรับได้บ้าง?
จวินจิ่วชิงยืนอยู่ที่เดิม ใบหน้าเรียบเฉย ไม่มีร่องรอยของความอึดอัดใจ
สายตาของเขาจดจ้องไปที่มือของฉู่หลิวเยว่และหรงซิวที่กอบกุมกันแน่ ทันใดนั้นเหมือนมีคลื่นอารมณ์ปรากฏในดวงตาแล้วจางหายไป
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตาสำรวจมองเขาขึ้นลง
ไม่รู้ว่านางคิดไปเองหรือไม่ นางรู้สึกว่า ลมปราณของเขาแข็งแกร่งกว่าเดิมไม่น้อย
“ไม่ได้เจอกันหลายวัน ไม่ทราบว่าข้าจะต้องเรียกขานเจ้าว่าอย่างใด?”
จวินจิ่วชิงในตอนนี้ เป็นคนตระกูลอี้แล้ว แต่ทว่าเขาแซ่จวิน!
สีหน้าของจวินจิ่วชิงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“มันเป็นเพียงแค่ชื่อสกุลเท่านั้น ไม่ได้สำคัญมาก นายท่านเยว่เรียกข้าว่าประมุขอี้ก็พอแล้ว”
เขารวบรวมสติแล้วพูดต่อว่า
“วันนี้ข้ามาตามนัด อาวุธศักดิ์สิทธิ์สามสิบชิ้นอยู่ที่นี่แล้ว”
เมื่อพูดจบเขาก็หยิบแหวนเฉียนคุนออกมา แล้วโยนมาให้นาง
หรงซิวเชิดคางขึ้น
“เยี่ยนชิง”
เยี่ยนชิงตอบรับแล้วรีบเดินไปด้านหน้า เพื่อรับแหวนเฉียนคุนนั้นไว้
แหวนเฉียนคุนวงนี้ยังไม่ได้ทำพันธสัญญา ดังนั้นเยี่ยนชิงจึงสามารถตรวจสอบของข้างในได้อย่างง่ายดาย หลังจากยืนยันได้ว่าทุกอย่างไม่มีปัญหา มอบมันให้กับฉู่หลิวเยว่ด้วยมือสองข้าง
“พระชายา สามสิบชิ้น ไม่ขาดไม่เกินขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่รับแหวนเฉียนคุนวงนั้นไปตรวจสอบอย่างรวดเร็ว แล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“ไปเชิญประมุขอี้…อ่า ไม่ใช่สิ อดีตประมุขอี้มา”
ตอนที่ 1980 นางรู้
สามวันที่ผ่านมานี้อี้เหวินเทาถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินตลอดเวลา
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็อยู่ในระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นการฟื้นตัวก็ค่อนข้างดี
แน่นอนว่า นี่เป็นคำสั่งของฉู่หลิวเยว่…เพราะนางต้องการจะขายอี้เหวินเทาได้ในราคาดี จึงจำเป็นต้องดูแลดีเสียหน่อย
ดังนั้นในช่วงเวลานี้ อี้เหวินเทาจึงไม่ได้รับการทรมาน ในทางกลับกันกลับได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
แต่ในตอนนี้อี้เหวินเทารู้สึกแค่ว่า การกระทำเหล่านี้เป็นเพียงความอัปยศอดสูและประชดประชันเท่านั้น
สามวันที่ผ่านมานี้ เป็นการทดสอบที่ยาวนาน เขารู้สึกว่าเหมือนเวลาผ่านมาเป็นปี
ตอนที่เขาถูกพาตัวออกมา และเห็นว่าฉู่หลิวเยว่กับจวินจิ่วชิงกำลังยืนอยู่ระหว่างภายนอกและภายในม่านพลัง โทสะและความกรุ่นโกรธของเขาก็พุ่งขึ้นสูง!
ฉู่หลิวเยว่โบกแหวนเฉียนคุนไปมาแล้วหรี่ตาเล็กน้อย
“อี้เหวินเทา คนตระกูลอี้ปฏิบัติต่อเจ้าด้วยความจริงใจ เมื่อบอกว่าสามสิบชิ้น ก็ไม่มีขาดไปเลยสักชิ้น อีกทั้งอาวุธศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก็เป็นของชั้นยอด หากข้าต้องการรวบรวมมันด้วยตนเอง ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลามากเท่าไรถึงจะสามารถรวบรวมได้ขนาดนี้ ขอบคุณเจ้ามาก!”
ในแววตาของอี้เหวินเทาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม แต่เขาไม่ได้พูดอันใดมาก เพียงแค่มองฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาลึกล้ำ ก่อนหลับตาลง
ผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่วัน เขาดูซูบเซียวขึ้นมาก ใบหน้าของเขายังมีคราบเลือดติดอยู่ มองแล้วดูท่าทางหมดสภาพยิ่ง
ไม่ว่าใครที่ได้เห็นเช่นนี้ก็ยากจะเชื่อว่า คนผู้นี้เคยเป็นประมุขตระกูลอี้ที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร!
ฉู่หลิวเยว่ยกคางขึ้นเล็กน้อย คนที่อยู่ด้านหลังของอี้เหวินเทาก็พาตัวเขาขึ้นมา
“ข้าเดินเองได้!”
ในที่สุดอี้เหวินเทาก็พูดขึ้น เขาเบิกตากว้าง ความไม่พอใจแผ่กระจายออกมาจากในดวงตา
ทั้งสองคนนั้นหันมามองทางฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“เขาอยากเดินเอง ก็ให้เขาเดินไป ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นอดีตประมุขตระกูลอี้ ไม่ว่าอย่างใดก็ควรไว้หน้า”
อี้เหวินเทาเพิ่งเดินไปได้หนึ่งก้าว เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาก็ชะงักฝีเท้าลงในทันที แล้วหันไปมองฉู่หลิวเยว่อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา!
อดีตประมุข?
นี่มันหมายความว่าอย่างใด!
ไม่ต้องถาม เขาก็รู้ว่ามันเกิดอันใดขึ้น!
คาดไม่ถึงว่าจวินจิ่วชิงฉวยโอกาสในเวลาไม่กี่วันนี้ ตั้งตนขึ้นตำแหน่ง?
ใช่แล้ว…
เขาต้องทำเช่นนั้นแน่นอน…
เดิมทีนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุด…
อี้เหวินเทาหัวเราะขื่นขมอย่างอดไม่ได้
นี่เขากำลังเพ้อฝันอันใดอยู่?
เขาในตอนนี้ ต่อให้กลับไปที่ตระกูลอี้ ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว!
ทั้งหมดนี้…นั่นเป็นเพราะฉู่หลิวเยว่คนเดียว
“อี้เหวินเทา”
หรงซิวพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน น้ำเสียงราบเรียบ
“ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนที่ฉลาดมาก”
อี้เหวินเทาใบหน้าซีดขาวทันที
ในตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดหรงซิวจึงไม่ยอมลงมือเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
…เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าทุกอย่างจะเป็นเช่นนี้! นี่คือความตั้งใจของเขา!
หน้าอกของอี้เหวินเทาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ก่อนจะกระอักเลือดออกมา แล้วเกือบจะล้มลงพื้น
“ประมุข…”
จวินจิ่วชิงขมวดคิ้วแน่น
อี้เหวินเทากลับหัวเราะอย่างประชดประชันออกมา
ถูกต้อง เขายังไม่ตาย ทุกคนในตระกูลอี้ก็ยังคงเรียกขานเขาเช่นนี้ เขายังคงเป็นประมุข
แต่คำว่า “ประมุข” นี้ มันแตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง!
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วฝืนกลืนเลือดที่อยู่ในซอกฟันลงไป กลิ่นคาวเลือดกระจายทั่วทั้งปาก ก่อนพยายามเดินต่อไปด้านหน้า
รอบข้างตกอยู่ในความเงียบ
สายตาของคนทุกคนล้วนมองที่อี้เหวินเทา แต่ความหมายในสายตานั้นแตกต่างออกไป
อี้เหวินเทาเหมือนถูกหนามทิ่มแทงที่ด้านหลัง
แต่ในตอนนั้นเขาก็รู้ว่า ยิ่งเขาโมโห ยิ่งเขาโกรธ เขาก็ควรจะใจเย็นให้มากขึ้นกว่านี้!
เขาค่อยๆ เดินไปที่ม่านพลังอย่างเชื่องช้า
ระลอกคลื่นด้านบนนั้นค่อยๆ กระเพื่อม
ประตูทางออกค่อยๆ ปรากฏ
อี้เหวินเทาหลับตาลง
เมื่อหลายวันก่อนหน้านี้ เขายังคงคิดหาวิธีที่จะทำลายม่านพลังแห่งนี้
แต่คาดไม่ถึงเลยว่า ภายในชั่วพริบตาเดียว เขาก็ตกอยู่ในสภาพนี้แล้ว…
เขาสลัดความคิดสับสนวุ่นวายในใจออก ในที่สุดก็สาวเท้าเดินออกไป!
ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ด้านหลังของจวินจิ่วชิงรีบวิ่งเข้ามาพยุงเขาในทันที แต่ทันใดนั้นเมื่อสังเกตเห็นถึงสายตาของอี้เหวินเทาเท้าของเขาก็ถูกตรึงอยู่ที่เดิม
แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นอดีตประมุขตระกูลอี้แล้ว อีกทั้งยังเหมือนจะเป็นขยะคนหนึ่ง แต่เขาก็นั่งอยู่ในตำแหน่งนั้นเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงมีความหยิ่งทรนงเหลืออยู่
ต่อให้เขาไม่พูดไม่จา แต่แรงกดดันก็ยังไม่จางหายไป
สายตาของจวินจิ่วชิงสั่นสะท้านไปเล็กน้อย และเย็นยะเยือกลงไปสามส่วน
“ยืนเหม่ออันใดอยู่เล่า? ไม่เห็นหรือไงเล่าว่าท่านประมุขบาดเจ็บสาหัส ยังไม่รีบเข้าไปช่วยอีก?”
แม้ว่าอายุเขายังน้อย แต่คำพูดของเขานั้นก็เปี่ยมไปด้วยพลังและแรงกดดัน จนทำให้ผู้คนต้องคล้อยตามอย่างอดไม่ได้
ผู้อาวุโสทั้งสองคนมองหน้ากัน พวกเขาต่างมองเห็นความลำบากใจของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
นี่มัน…
เห็นได้ชัดว่าอี้เหวินเทาไม่ต้องการความช่วยเหลือ
แต่จวินจิ่วชิงกลับพูดขึ้นในตอนนี้ นี่หมายความว่ากำลังจะแสดงความเป็นปรปักษ์กับเขาอยู่อย่างนั้นหรือ?
อี้เหวินเทาคิดไม่ถึงเลยว่าจวินจิ่วชิงจะทำเช่นนี้ ในใจของเขาทั้งโกรธระคนโมโห
ไอ้เด็กคนนี้!
คาดไม่ถึงว่าจะเจ้าแผนการเช่นนี้!
ดูอย่างผิวเผินแล้วก็เป็นแค่คำพูดประโยคหนึ่ง แต่ความจริงแล้ว เขาต้องการทานอำนาจระหว่างประมุขคนเก่าและคนใหม่!
บรรยากาศถูกแช่แข็งไปในทันที
ในที่สุดผู้อาวุโสทั้งสองท่านก็ตัดสินใจได้ พวกเขาเดินเข้าไปหาอี้เหวินเทา
ความจริงแล้วตัวเลือกนี้มันง่ายมาก
คนหนึ่งคือประมุขคนใหม่ที่มีทั้งพรสวรรค์และความสามารถ ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือขยะ อดีตประมุขอี้ยังต้องรับความอัปยศอดสูจากตระกูลอี้ทั้งตระกูล
อนาคตใครจะเป็นใหญ่ในตระกูลอี้ แค่คิดก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ?
หัวใจของอี้เหวินเทาจมดิ่งอย่างสมบูรณ์
เขารู้เป็นอย่างนี้ว่า หากเขาไม่มีไพ่ไม้ตายอย่างอื่น เกรงว่าหลังจากนี้เขาจะต้องถูกคนเหยียบตลอดไปแล้ว
บางครั้งการตกจากก้อนเมฆไปสู่โคลนตม ก็มาจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดเท่านั้นเอง
“อี้เหวินเทา”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นในทันที
อี้เหวินเทาดึงสติกลับคืนมา แล้วหันกลับมามองหน้านาง
ริมฝีปากของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ดวงตาก็โค้งเป็นพระจันทร์ แต่หางตากลับมีความเย็นชาแฝงอยู่
นางพูดขึ้นมาทีละคำว่า
“ข้ารังเกียจคนที่จะแย่งชิงของของข้ามากที่สุด”
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าเป็นในวันนี้ เจ้าสมควรได้รับมันแล้ว!
อี้เหวินเทารู้สึกเหมือนมีไฟสุมทรวง แทบจะทำให้เขาบ้าคลั่งไปในทันที!
เขาถอนสายตาออกไปอย่างฝืนๆ
ในตอนนี้เขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้ว จะฟังคำพูดเหล่านี้ต่อไปมันก็ไม่มีประโยชน์!
“แล้วอีกอย่าง…”
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้สนใจปฏิกิริยาที่เย็นชาของเขา แล้วพูดต่อไปว่า
“เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เจ้าต้องการจะแย่งไม่ใช่ท่าเรือดอกท้อ ที่เจ้าสามารถหลอกลวงตระกูลอี้ทั้งหมดมาช่วยเหลือเจ้าได้ อี้เหวินเทานับว่าเจ้าวางแผนได้แยบคายจริงๆ!”
หัวใจของอี้เหวินเทาเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง แววตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ!
นางรู้?
นางรู้อย่างนั้นหรือ!