novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • anime
  • โดจิน
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
hotgraph Hydra888 ดูบอลสด UFAC4 PANAMA888 lotto432 ufabet london168 newyork UFAZEED UFA1919 PG freefire เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350 เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด dgthai nowbet หวยออนไลน์

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 698

  1. Home
  2. ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง
  3. ตอนที่ 698
Prev
Next

“เจ้ารองกลับมาแล้ว?” ท่านผู้เฒ่าเผยสีหน้าประหลาดใจเป็นคนแรก สักพักก็ค่อยได้สติขึ้นมา ขยับตัว ยื่นคอมองออกไปทางนอกห้องหนังสือ 

 

 

เขาไม่ได้เจอหน้าเจ้ารองมานานเกือบปีแล้ว เด็กคนนี้แม้ว่าจะปากมากไปสักหน่อย แต่เอาเข้าจริงแล้วก็มิได้มีวรยุทธ์อะไร….. 

 

 

เขาที่เป็นท่านตา ไหนเลยจะไม่กังวลใจได้กัน กลัวแต่ว่าเขาจะถูกคนนอกรังแก แถมยังสู้เขาไม่ได้ 

 

 

คนที่ถูกส่งออกไปตามหาเขา กลับไม่มีวี่แวใดๆทั้งสิ้น วูบหนึ่งท่านผู้เฒ่ายังนึกไปว่าเขาไปตายอยู่ที่ไหนสักแห่งแล้วเสียอีก 

 

 

ลำคอของเขายิ่งทีก็ยิ่งยืดยาว ปลายเท้าหันหาภายนอก พอไปถึงปากประตู ก็เห็นเงาขาวๆสายหนึ่งพุ่งเข้ามา 

 

 

คนผู้นั้นบิดร่างวูบหนึ่งก็เข้ามายืนอยู่ข้างใน ทั้งยังกลัวถูกทุบตี จึงจงใจเดินอ้อมท่านผู้เฒ่าไป ยามที่ได้เห็นหน้าท่านผู้เฒ่า แววตาก็ยังตื่นตัวไม่หาย 

 

 

เดิมทีเขาคิดจะนั่งลงที่ข้างกายจีเฉวียนอย่างไม่ใส่ใจ แต่พอเห็นแววตาของบุรุษผู้นั้น ต่อให้คิดจะไม่ใส่ใจก็ทำไม่ได้ 

 

 

คำพูดในห้องพระอักษรของพวกเขา ตนเองได้ยินหมดแล้ว….. 

 

 

พวกมังกรทั้งเก้าพาวิญญาณของต้าซือมิ่งกลับมา และบังคับให้มอบยาถอนพิษออกมา พิษในร่างของเขาจึงได้รับการไถ่ถอนเรียบร้อยมาต้องนานแล้ว ที่กลับมาต้าโจวครั้งนี้ หนึ่งก็เพราะคิดถึงท่านผู้เฒ่าและพี่ใหญ่ สองเพราะคิดจะปรึกษาพวกเขาดูว่า มีหนทางจะช่วยเหลือน้องเล็กได้บ้างหรือไม่ 

 

 

จิตวิญญาณของน้องเล็กขึ้นไปบนสวรรค์ ร่างเนื้อก็ถูกคนพาไป….ศัตรูที่พวกเขาต้องเผชิญในตอนนี้ ……เป็นกลุ่มคนที่แม้แต่เขาก็คิดไม่ถึงมาโดยตลอด เทพในแดนสวรรค์ 

 

 

เขาเพียงคนเดียวไม่อาจขึ้นไปบนสวรรค์ได้ 

 

 

จำเป็นต้องรวมกำลังคนในครอบครัวเป็นหนึ่งเดียว 

 

 

นับตั้งแต่ที่พลังกระหายเลือดในร่างกายของเขาตื่นขึ้นมา เขาก็รู้แล้วว่าตนเองมิใช่มนุษย์ธรรมดา 

 

 

เช่นนั้นพี่ใหญ่ก็ต้องเป็นเช่นเดียวกัน…. 

 

 

พี่สาวจิ้งจอกในหุบเขาหมื่นปีศาจเป็นพวกปากแข็งใจอ่อน นางยอมช่วยเขาให้จิตวิญญาณที่แตกสลายของชือหลีได้รั้งอยู่ในสวนบุปผาวิญญาณ เขาจึงสามารถเดินทางกลับมาได้อย่างไร้ข้อกังวลใจ 

 

 

เขาขี่มังกรกลับมา มังกรว่านหลี่ที่เป็นหนึ่งในเก้ามังกรอาสารับใช้ด้วยตนเอง 

 

 

เพียงแต่พอมาถึงนอกเมืองหลวงตี้ตู เขาก็ให้มังกรว่านหลี่รั้งอยู่ในป่าเขาภายนอก 

 

 

ดินแดนโบราณแห่งนี้น้อยนักที่จะมีสัตว์วิเศษเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นมา ตู๋กูจุนเกรงว่าพอมันถูกผู้คนพบเห็น จะก่อให้เกิดความยุ่งยากกว่าเดิม 

 

 

โอ๋? ช่างบังเอิญจริงๆ พอรีบร้อนกลับมา ก็ได้เจอกับน้องเล็กกลับมาโดยบังเอิญ 

 

 

ผู้ที่กลับมามิใช่เพียงแต่น้องเล็ก แต่ยังมีจีเฉวียนที่พวกเขาเคยคิดว่าตายไปนานแล้วอีกด้วย 

 

 

“ท่านตา นี่เห็นว่าข้าไม่คู่ควรใช้แซ่ของท่านแล้วหรือไง? น้องเล็กจะแต่งงานทั้งทีกลับไม่มีใครมาส่งข่าวแม้แต่น้อย?” 

 

 

ตู๋กูเจวี๋ยอยากจะร้องไห้จริงๆ เขาแอบรู้สึกว่าฐานะของตนเองในบ้านหลังนี้ยิ่งทีก็ยิ่งตกต่ำใหญ่แล้ว 

 

 

ท่านผู้เฒ่าขมวดคิ้วมุ่น “เจ้าเป็นหรือตาย อยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครรู้ แล้วพวกเราจะไปแจ้งข่าวกับเจ้าได้อย่างไร?” 

 

 

เขาจับจ้องดูตู๋กูเจวี๋ย ไม่ได้พบกันมาหนึ่งปี ร่างกายที่เดิมผอมบาง ตอนนี้กลับมีกล้ามเนื้อขึ้นมาบ้างแล้ว 

 

 

“ในเมื่อยังมีชีวิตอยู่แลัวแข็งแรงดีออกปานนี้ ยังไม่รู้จักส่งข่าวกลับมาให้ทางบ้านอีก เราผู้เฒ่าเกือบจะจัดงานไว้อาลัยให้กับหลานเต่าอย่างเจ้าแล้ว!” 

 

 

ตู๋กูเจวี๋ยถึงกับกรอกตามองบนขึ้นไป “ท่านตา ท่านอยากด่าคนก็ส่วนด่า ทำไมจะต้องลากเอาลูกหลานตนเองเข้าไปด้วย? ไม่คุ้มค่าเลยน้า!” 

 

 

ปากคู่นั้น ยังคงระคายหูอยู่เหมือนเดิม 

 

 

ตู๋กูเจวี๋ยหัวเราะทำท่าฮิฮะด้วยท่าทางน่าทะเล้นต่อไป  

 

 

ท่านผู้เฒ่าไหนเลยจะโกรธเขาจริงๆ ในใจแช่มชื่นยิ่งนัก ในดวงตาของเขามีแต่ประกายน้ำตาชื้นๆ 

 

 

แต่ว่าต่อหน้ายังคงทำท่าทำทางถลึงตาจนหนวดเคราเป่ากระจาย “กลับมาแล้วก็จงทำงานทำการให้ดี งานแต่งงานของน้องสาวเจ้า จะต้องจัดให้ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน มิว่าบ้านไหนตระกูลใดก็เทียบไม่ได้!” 

 

 

“ขอรับๆๆ” ตู๋กูเจวี๋ยรีบเอาใจเขา ขณะเดียวกันแววตาก็หันไปหยุดอยู่บนร่างของจีเฉวียน 

 

 

จีเฉวียนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ คือจีเฉวียนคนเดิมจริงๆนะหรือ? 

 

 

จีเฉวียนกวาดตามองมาที่เขาแวบหนึ่ง ก็เอ่ยปากเรียกอย่างคล่องแคล่วว่า “พี่(ภรรยา)รอง ที่ผ่านมาสบายดีรึ” 

 

 

ตู๋กูเจวี๋ย “! ! !” 

 

 

รู้หรือไม่ว่าการถูกบุรุษที่สูงส่งเย็นชาอย่างที่สุดเรียกตนเองว่าเป็นพี่รอง มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงไร? 

 

 

ตู๋กูเจวี๋ย รู้สึกเหมือนกับว่าการที่ตัวเขายังไม่ตายนั้น กลายเป็นทำผิดต่อจีเฉวียนไปเสียแล้ว 

 

 

ท่าทางของคนผู้นี้ ราวกับว่าแทบจะอยากเข้ามาฟันเขาเพิ่มสักดาบหนึ่ง 

 

 

หลังจากนั้น ก็เห็นจีเฉวียนปิดหนังสือตรงหน้าลงไป จากนั้นก็หันมามองดูตู๋กูเจวี๋ยแวบหนึ่ง “เจ้ามีฝีปากดี เรื่องงานแต่งงานของข้าผู้เป็นอ๋องกับซิงซิง เจ้าก็มาเป็นแม่งานจัดการก็แล้วกัน” 

 

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ ตู๋กูเจวี๋ยจึงต้องตั้งอกตั้งใจกว่าเดิม 

 

 

นี่ต้องนับว่าเขามีสายตาดีไม่เลวเลย ใครๆต่างก็รู้ดีว่า ในดินแดนโบราณแห่งนี้ เขามีฝีปากเป็นเลิศมิใช่หรือ? 

 

 

เพียงแต่พอคิดถึงเรื่องขณะที่กลับมา ระหว่างทางก็พบเจอเรื่องบางประการเข้า ทำให้ตู๋กูเจวี๋ยต้องรู้สึกกังวลขึ้นมา 

 

 

กระทั่งเมื่อท่านผู้เฒ่าลากเจ้าอาวาสวัดเทียนเจี้ยนซื่อออกไปปรึกษาหารือเรื่องงานอภิเษกสมรส ตู๋กูเจวี๋ยถึงได้นั่งลงที่ข้างกายจีเฉวียน 

 

 

“ตอนที่กลับมาจากแดนจิ่วโจว ข้าได้เจอกลุ่มคนที่แปลกประหลาดกลุ่มหนึ่ง” 

 

 

เขาไม่ได้เอ่ยวาจาอ้อมค้อมกับจีเฉวียน 

 

 

“หืม?” 

 

 

จีเฉวียนนั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะ ด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง 

 

 

“บนร่างของพวกเขามีกลิ่นอายที่ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายใจ” 

 

 

ตู๋กูเจวี๋ยคิดย้อนไปอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยังคงรู้สึกว่าร่างกายอึดอัดคับข้องอยู่เลย “แบบว่าพอเข้าไปใกล้ ก็จะรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายยามที่ชีวิตดับสูญ” 

 

 

จีเฉวียนได้ฟังแล้ว ดวงตาหงส์คู่นั้นก็เย็นยะเยือกขึ้นมาอีกหลายส่วน 

 

 

“พี่สาวจิ้งจอกกับซูเยาต่างก็บอกว่า ตอนนั้นเจ้าเป็นคนพาร่างเนื้อของหลันหลันไป ในเมื่อเจ้ากลับมาแล้ว ดูท่าก็คงจะมิใช่จีเฉวียนในกาลก่อนแล้วกระมั้ง…” ตู๋กูจุนมองดูเขา ในใจก็เพิ่มความนับถือต่อบุรุษตรงหน้าผู้นี้อยู่บ้าง 

 

 

“เจ้าเคยเห็นคนเหล่านั้นมาก่อนหรือไม่?” 

 

 

ที่จริงแล้ว ตอนที่เขาไปเจอคนเหล่านั้น หากดูจากภายนอกพวกเขาก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไปเลย เพียงแต่ว่าบรรยากาศของคนพวกนั้นออกจะประหลาดมากเกินไปแล้ว 

 

 

เทียบกับบรรยากาศของแคว้นเหยียนยามที่ถูกพวกผีดิบครองเมืองแล้วยังทำให้รู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งกว่าเสียอีก 

 

 

แม้แต่มังกรว่านหลี่ที่กลับมาพร้อมกับเขาก็ยังไม่รู้จัก 

 

 

ตู๋กูเจวี๋ยอาศัยสัญชาตญาณ ก็รู้สึกว่าคนเหล่านั้นมีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่ 

 

 

จีเฉวียนมิได้ตอบเขา เพียงแต่ในใจกลางฝ่ามือปรากฏหมอกสีดำขึ้นมาขุมหนึ่ง หมอกสีดำกลุ่มนั้นพุ่งเข้าไปยังเบื้องหน้าของตู๋กูเจวี๋ย และรายล้อมร่างกายของเขาเอาไว้ 

 

 

“มีกลิ่นอายเช่นนี้หรือไม่?” 

 

 

เขาสอบถามดู 

 

 

ตู๋กูเจวี๋ยตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายศีรษะหลายๆครั้ง 

 

 

“ไม่เหมือนกัน….ของเจ้าเป็นความเหน็บหนาว ส่วนพวกเขาเหล่านั้น….ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าหากมีสิ่งมีชีวิตใดเข้าไปใกล้ก็จะต้องดับสูญไปจนหมดสิ้น” 

 

 

ถึงแม้ว่าบนร่างของคนเหล่านั้นจะมีหมอกควันสีดำอยู่หนาแน่นเหมือนกันก็ตาม….. 

 

 

ว่าแล้ว หมอกสีดำที่รายล้อมตู๋กูจุนก็จางหายไป 

 

 

จีเฉวียนหลุบตาลง จึงทำให้มองไม่เห็นประกายแสงในดวงตาของเขา สมองก็หมุนไปคิดถึงบางสิ่งอย่างเคร่งเครียด 

 

 

กลุ่มคนที่ตู๋กูจุนได้พบเจอ…น่ากลัวว่าจะเป็น…พวกมาร 

 

 

มารกับเผ่าภูติ มาจากรากฐานเดียวกัน แต่ว่ากลับแตกต่างกัน 

 

 

ดังนั้นกลิ่นอายที่ตู๋กูจุนได้รับจึงแตกต่างกันอยู่ 

 

 

เพียงแต่ว่าสิ่งเหล่านั้น ที่จริงก็ได้สาบสูญไปหลายหมื่นปีมาแล้ว ….แล้วทำไมอยู่ๆถึงได้ปรากฏขึ้นมา? 

 

 

ตอนนี้