ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 447-2 จดนายเข้าบัญชีดำ (2)
ตอนที่ 447 จดนายเข้าบัญชีดำ (2)
………………..
ทุกคนถึงกับตกตะลึง หนานอวิ๋นเยวี่ยกัดฟัน ผ่านไปสักพักจึงพูดว่า “หากทำให้เกิดสงครามเต็มรูปแบบ นายจะแบกรับความรับผิดชอบนี้ได้หรือเปล่า?”
เถียนมู่เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ไม่รู้สิ ใครจะรู้ว่าถึงเวลานั้นฉันยังจะอยู่หรือเปล่า แต่จะให้เป็นแบบนี้ต่อไปก็ไม่ใช่เรื่อง พวกเราพะวงหน้าพะวงหลังมาตลอด ไม่อาจทุ่มสุดกำลังได้ เธอสามารถฆ่าเจ้าเมืองได้สินะ อยู่ขั้นเก้าเหมือนกัน เธอยังไม่ถึงขั้นเก้าขั้นสุดยอด แต่เธอกล้าฆ่าเขาหรือเปล่า? เธอไม่กล้า! แต่เขากล้า! หากเขาแข็งแกร่งกว่าเธอ เขาก็กล้าฆ่าเธอเหมือนกัน! ผู้อำนวยการหนาน วันและคืนที่ล่วงเลยไปเช่นนี้ควรพอได้แล้วจริงๆ เพราะอะไร ถ้ำใต้ดินปักกิ่งถึงสงบสุขมาหลายปี? ทำให้อีกฝ่ายหวาดกลัวได้ยังไงล่ะ! ใช่แล้ว พวกเราก็มีคนตาย แต่อีกฝ่ายตายมากกว่า ทำให้พวกเขากลัวแล้วก็สามารถพบกับความสงบสุขได้”
หนานอวิ๋นเยวี่ยถอนหายใจว่า “แต่ตอนนี้ปักกิ่งปะทุสงครามขึ้นอีกครั้งแล้ว”
“ฉันรู้ แต่อย่างน้อยก็สงบสุขมาหลายสิบปี หลายสิบปีที่ผ่านมา พวกเราตั้งแนวป้องกันอย่างมั่นคง ที่อื่นไม่พูดถึง ปักกิ่งมีโอกาสน้อยมากที่จะถูกโจมตี จะกลัวอะไร?”
เถียนมู่หัวเราะว่า “ดังนั้นฉันคิดว่าเซี่ยงไฮ้ก็ควรลองสักครั้ง ครั้งนี้ต่อสู้กันแล้ว บางทีเซี่ยงไฮ้อาจจะสงบสุขไปหลายปี ประจวบเหมาะกับฟางผิงหาโอกาสให้ฉันพอดี คนตายนั่นเป็นเรื่องปกติ มีสงครามที่ไหนไม่มีคนตายบ้าง ไม่ใช่เกมเด็กเล่นสักหน่อย แต่คนของพวกเราตาย อีกฝ่ายก็ตายเหมือนกัน พวกเราไม่กลัว ฉันไม่เชื่อว่าพวกเขาจะไม่กลัว! เมืองตงขุยนับว่าอะไร? พวกเราทำสงครามมานานเป็นร้อยปี สั้นสุดก็ไม่กี่สิบปี กระทั่งเจ้าพวกที่เคยทำการรบไม่กี่ครั้งยังกล้ามาโจมตีพวกเรา? น่าขำ! หากไม่ใช่เพราะกังวลที่ผู้เฒ่าฟ่านต้องสกัดขั้นเก้า ฉันคงพาคนไปฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางและระดับล่างของพวกเขาให้เกลี้ยงแล้ว ฉันอยากจะเห็นว่าเหลือระดับสูงไว้ไม่กี่คนยังจะสามารถก่อคลื่นลมอะไรได้อีก?”
“แม่ทัพเถียน”
จางเว่ยอวี่เอ่ยเสียงเบา “เรื่องนี้ต้องใคร่ครวญให้ดี คุณอย่าลืมว่าขั้นเก้าขั้นสุดยอดแต่ละคนล้วนเป็นเสาหลักของมนุษยชาติอย่างพวกเรา! สองปีก่อน เพราะผู้อาวุโสหยางตายจึงปะทุสงครามเทียนหนานขึ้น…ถ้าครั้งนี้มีผู้อาวุโสจากไปอีก…นั่นก็เป็นภัยพิบัติใหญ่หลวงแล้ว!”
เถียนมู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “รอแบบนี้ต่อไปจะเป็นภัยพิบัติใหญ่หลวงเหมือนกัน!”
“ทุกคน เรื่องนี้ยังจำเป็นต้องใช้เวลาครุ่นคิด”
โค่วเปียนเจียงที่อยู่ด้านข้างแทรกขึ้นมา “ครุ่นคิดอีกทีเถอะ ตอนนี้จะแก้ไขอย่างไร ยังต้องรอการตอบกลับจากทางการและหน่วยทหาร ส่วนเรื่องของฟางผิง…ไม่เกี่ยวกับภาพรวม ไม่จำเป็นต้องสนใจเกินไป”
โค่วเปียนเจียงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เถียนมู่เบ้ปากว่า “ฉันคิดว่าไอ้หนูนี่ไม่เลว ทำได้ดี เทียบกับขั้นเก้าอย่างพวกคุณแล้วยังมีประโยชน์เยอะกว่า”
ในเวลานี้ฟางผิงฉีกยิ้มให้เขา เหล่าเถียนเอ็นดูเขาขนาดนี้ ชื่นชมถึงขนาดนี้ ฉันไม่อายได้หรือไง แต่ก็รู้สึกภาคภูมิใจไม่น้อย
เถียนมู่กลับอึ้งไปเล็กน้อย!
เขาอึ้งไป คนอื่นๆ ก็ตกตะลึงเช่นกัน
ผ่านไปสักพัก เถียนมู่ก็เอ่ยขึ้นว่า “เขาได้ยิน?”
ฟางผิงสีหน้าเปลี่ยนทันที!
จู่ๆ เถียนมู่ก็ยื่นมือมาคว้าเขาไว้ เอ่ยอย่างโมโหว่า “เจ้าเด็กเวรนี่ เธอแอบฟังอย่างนั้นเหรอ?”
ฟางผิงทำหน้ามึนงง ส่ายหัวว่า “เปล่านะครับ!”
“เด็กเวร!”
เถียนมู่โมโหแทบเป็นแทบตาย พวกหนานอวิ๋นเยวี่ยก็ปะทุโทสะขึ้นเช่นกัน น่าอายเสียแล้ว
กลับไม่ได้อายเพราะฟางผิงแอบฟัง นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
ประเด็นอยู่ที่แม่งน่าอายเกินไปแล้ว
พวกเขาตั้งม่านพลังจิตใจ ทำไมถึงถูกแอบฟังได้?
ฟางผิงเหมือนตระหนักได้เหมือนกันว่าตัวเองหลุดออกไป สีหน้าเปลี่ยนทันที เอ่ยอึกอักว่า “ผม…คือว่า ผมหลอมกระดูกทองแล้ว พลังจิตใจ…เหมือนว่าจะไม่อ่อนแอ…เลยเผลอได้ยินเข้า พวกคุณคุยต่อเถอะครับ ไม่ต้องสนใจผมหรอก”
ปรมาจารย์ทุกคนหน้าดำคล้ำเป็นก้นหม้อ!
น่าอายชะมัด!
แม่งน่าอายจริงๆ
ขั้นเก้าสามคน ขั้นแปดอีกหลายคน รวมถึงทั้งเจ็ดเยอะขนาดนี้พูดคุยกัน กลับถูกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าคนหนึ่งแอบฟังได้ แปลกเกินไปแล้ว!
นี่หน้าแทบจะหน้าชากันไปหมด!
แต่หลังจากนั้นสักพัก จางเว่ยอวี่ก็เอ่ยว่า “ไอ้หนูนี้แปลกๆ!”
หนานอวิ๋นเยวี่ยขมวดคิ้วเช่นกัน “เมื่อกี้เขาเก็บงำลมหายใจ พวกเราเลยมองข้ามเขาไป”
ทั้งหมอนี่ยังจงใจด้วย
จงใจเก็บงำลมหายใจ ทะลวงผ่านม่านพลังจิตใจ พวกเขายังไม่ทันรับรู้อะไรเลย
หากไม่ใช่ว่าเขาฉีกยิ้มอย่างเซ่อซ่าขึ้นมา พวกเขาคงไม่ทันได้สนใจจริงๆ
หนานอวิ๋นเยวี่ยเอ่ยทันที “เขาเคยไปเมืองเทียนเหมิน อาจจะเข้าไปลึกภายในเมือง บางทีอาจจะเปิดเผยกลิ่นอายของอาวุธวิเศษออกไปด้วย ช่างเป็นเด็กที่กลอกกลิ้งจริงๆ”
ฟางผิงมุมปากกระตุกเล็กน้อย
จางเว่ยอวี่เอ่ยด้วยเสียงเยือกเย็น “มีฝีมือไม่น้อย! ในเมื่อมีฝีมือขนาดนี้ งั้นการรายงานข้อมูลหลังจากนี้ยกให้เป็นหน้าที่เธอแล้วกัน!”
“แล้วไปเถอะ!”
จู่ๆ เถียนมู่ก็เบะปาก ส่ายหัวว่า “คุณอยากให้เขากระตุ้นสงครามใหญ่ขึ้นอีกหรือไง? หากยังไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ก็รีบทิ้งความคิดนี้ไปซะ”
จางเว่ยอวี่พูดไม่ออก มีเหตุผลเหมือนกัน
ให้เจ้าเด็กนี้ไปรวบรวมข้อมูลข่าวสาร เขากลัวว่าข่าวยังไม่ทันมาถึง มนุษยชาติจะเปิดสงครามกับถ้ำใต้ดินซะก่อนน่ะสิ
ฟางผิงหัวเราะแห้งๆ เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “ปรมาจารย์ทุกคน พวกเรา…ประเทศจีนของพวกเรามีขั้นเก้าขั้นสุดยอดเยอะหรือเปล่าครับ?”
ทุกคนต่างเงียบกริบ
“ทางถ้ำใต้ดินล่ะ?”
“สถานการณ์ของเขตหวงห้ามเป็นยังไง?”
“เผ่าเยามิ่งและเยาจื๋อบรรลุข้อตกลงร่วมมือกันหรือเปล่า?”
“อัจฉริยะของถ้ำใต้ดินอยู่ในเขตหวงห้ามทั้งหมด ทำไมถึงไม่มีใครกลับมา?”
“พืชปีศาจสัตว์ปีศาจของเขตหวงห้ามกับเมืองถ้ำใต้ดินมีความสัมพันธ์ยังไงกัน?”
“มนุษยชาติไม่ใช่คู่ต่อสู้จริงๆ ไม่มีความหวังเลยงั้นเหรอครับ?”
“ถ้าจะหนี มีพื้นที่ที่เหมาะสมให้มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่หรือเปล่า?”
“เทพเซียนในตำนานของประเทศจีนของเรายังมีใครมีชีวิตอยู่ไหม?”
ที่นี่มีหนึ่งในผู้อำนวยการของสามหน่วยอยู่ ยอดฝีมือขั้นเก้าหนึ่งในสี่กองตั้งมั่นเฝ้าระวังอีกหนึ่งคน ฟางผิงคิดว่าพวกเขาต้องรู้ข้อมูลความลับมากมายแน่ๆ
ก่อนหน้านี้แอบฟัง อันที่จริงก็เพื่อเข้าใจข้อมูลของเบื้องบนให้มากขึ้น
นึกไม่ถึงว่า…การถูกชมจะทำให้หลุดตัวเปิดเผยออกไป
อีกอย่างพวกอู๋ขุยซานและหวงจิ่งต่างก็อยู่ที่นี่ ตาเฒ่าพวกนี้ต่างปิดบังอะไรเขาอยู่ใช่หรือเปล่า?
คำพูดของยอดฝีมือเชื่อไม่ได้ทั้งนั้น!
หลอกคนอื่นเยอะเกินไป ตอนนี้ฟางผิงสงสัยแล้วว่าตาเฒ่าพวกนี้อาจจะกำลังหลอกเขามาโดยตลอดเหมือนกัน
บางทีคนพวกนี้อาจจะรู้เรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังกันหมดแล้ว
รอเขาถามออกไปยกใหญ่ จางเว่ยอวี่ก็ส่ายหน้าเบาๆ ว่า “สิ่งที่เธอควรรู้ เธอจะรู้เอง สิ่งที่ไม่ควรรู้ ก็ไม่จำเป็นต้องพยายามเข้าใจให้ชัดเจน…”
ฟางผิงถอนหายใจ “ประเด็นอยู่ที่ผมวางแผนจะไปตระเวนที่เขตหวงห้ามสักหน่อย ไม่เข้าใจอะไรเลย ผมไปแล้วไม่รู้เรื่องจะทำยังไง”
“…”
บรรยากาศตกสู่ความเงียบทันที เงียบงันไร้สุ้มเสียง
เนิ่นนานอู๋ขุยซานค่อยเอ่ยว่า “วางใจเถอะ ฉันจะดูเขาเอง! ถ้ำใต้ดิน…ภายในระยะเวลาสั้นๆ นี้ จะไม่ให้เขาเข้ามา!”
เมื่อกี้หนานอวิ๋นเยวี่ยพูดคำนี้ เขากลับแย้งออกมาทันที
ตอนนี้อู๋ขุยซานคิดว่าจำเป็นต้องจดเขาลงบัญชีดำแล้วจริงๆ
ไอ้หนูนี้บ้าไปแล้วสินะ!
เขาจะไปเขตหวงห้าม!
กระทั่งเถียนมู่ยังอดชกหัวตัวเองไม่ได้ ถอนหายใจว่า “ภายในระยะเวลาสั้นๆ นี้ถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ห้ามให้เขาเข้ามา ฉันแค่คิดจะทำสงครามกับเขตแดนเจ็ดทางใต้เท่านั้น ยังไม่ได้คิดจะทะลวงเข้าไปในเขตหวงห้ามจริงๆ”
ฟางผิงหัวเราะแห้งๆ ว่า “ผู้อาวุโสทุกท่าน ผมแค่ล้อเล่นเท่านั้น พวกคุณอย่าคิดเป็นจริงเป็นจังสิครับ…”
ถ้าเธอไปเขตหวงห้ามจริงๆ ไปก่อหายนะขึ้นมาอีก คนที่อยู่ตรงนี้ไม่มีใครสามารถช่วยตามล้างตามเช็ดให้เธอได้ทั้งนั้น
อู๋ขุยซานอยู่ในถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ยังพอต้านได้ แต่ยอดฝีมือระดับสุดยอดของเขตหวงห้ามออกมา…อู๋ขุยซานทำได้แค่คุกเข่าในชั่วพริบตา
“เธอไม่ได้ขาดแคลนทรัพยากร ไปตั้งใจฝึกวิชาดีกว่า ไสหัวไปซะ!”
อู๋ขุยซานถีบเขาออกไป ตอนนี้เขาไม่อยากเห็นหน้าฟางผิงอยู่บ้าง ถึงกระทั่งรู้สึกเห็นใจหวงจิ่งขึ้นมา ก่อนหน้านี้ตาเฒ่านี้คงไม่ได้ตกใจจนฉี่ราดกางเกงหรอกนะ?
ไม่น่าล่ะก่อนหน้านี้เห็นเขา เขาก็เอาแต่ปิดปากเงียบ ทำหน้าถมึงทึง สีหน้าดูไม่ได้ยิ่งกว่าตัวเองที่ทำอาวุธวิเศษหายซะอีก
วันนี้แค่แรงกดดันจากขั้นเก้าไม่กี่สิบสาย วันไหนฟางผิงยั่วโทสะขั้นเก้าขั้นสุดยอดขึ้นมา ทุกคนคงต้องร้องไห้กันแล้ว
ไม่สิ แค่แรงกดดันขั้นเก้าไม่กี่สิบสายงั้นเหรอ…จู่ๆ อู๋ขุยซานก็เสียวสันหลังวาบขึ้นมา ฉันเพิ่งจะขั้นแปดนะ ทำไมถึงเกิดความคิดแบบนี้ออกมาได้กัน
———————–
………………..