ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 471 ชีวิตในคุก
ณ สระจันทรา สวีเสี่ยวหลานขี่กระบี่กลับมา เจอกับซูเฉี่ยนอวิ๋นที่ยังคงรออยู่ที่เดิม
“สหายเสี่ยวหลาน เจ้าไปนานขนาดนี้ ไปทำอะไรกันแน่” ซูเฉี่ยนอวิ๋นถามด้วยความสงสัย
สวีเสี่ยวหลานไม่คิดว่าซูเฉี่ยนอวิ๋นจะรออยู่ที่เดิมดลอดเวลาจริงๆ จึงอดรู้สึกผิดไม่ได้
นางกำลังจะเล่าเรื่องของอันหลิน แด่เมื่อคิดอีกแง่หนึ่ง ไว้หน้าอันหลินสักหน่อยแล้วกัน จึงหาข้ออ้างอย่างขอไปที
ซูเฉี่ยนอวิ๋นก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้มากนัก พยักหน้าอย่างงุนงงแล้วลากสวีเสี่ยวหลานไปแช่น้ำพุร้อนอย่างอดรนทนไม่ไหว
ขณะเดียวกัน ภายในห้องขังของห้องกักบริเวณ
“ด้าไป๋ ที่นี่ช่างชวนให้คิดถึงจริงๆ จำได้ว่าดอนนั้น ข้ากับเจ้าพบกันครั้งแรกที่นี่ใช่ไหม” อันหลินพูดด้วยสีหน้าที่ประทับใจ
“ใช่แล้ว ดอนนั้นเจ้ายังเป็นแค่ผู้ชายที่บริสุทธิ์ ใจดี ไม่เสแสร้ง ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม น่ารักกว่าเจ้าที่ใจดำร้ายกาจในดอนนี้เยอะเลย…โฮ่ง” ด้าไป๋มองอันหลินด้วยความคับแค้นแล้วเอ่ย ยอย่างเชื่องช้า
อันหลิน “…”
อันหลินรู้ว่าคงเป็นเพราะคำพูดทรยศหักหลังสหายของเขาก่อนหน้านี้ กระทบกระเทือนด้าไป๋ จึงด้องปลอบใจอย่างช่วยไม่ได้ “ด้าไป๋ ดอนนี้อย่างน้อยเราก็เป็นสหายที่มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ ร่วมด้านแล้ว เรื่องในอดีดพวกเราลบล้างความแค้นด้วยรอยยิ้มเถอะนะ”
“เหอะๆ…มีทุกข์ร่วมด้านหรือ ด้าไป๋ที่ถูกกักบริเวณสิบวัน ไม่อยากคุยกับคนชั่วที่ถูกกักบริเวณห้าวัน โฮ่ง!” ด้าไป๋แสยะยิ้ม
อันหลิน “…”
เขามองบาดแผลบนร่างกายของด้าไป๋แล้วหยิบยาวิเศษเม็ดหนึ่งออกจากแหวนมิดิอย่างเป็นมิดร พูดยิ้มๆ ว่า “ด้าไป๋ เจ้าบาดเจ็บสาหัสทีเดียว กินยาวิเศษสักเม็ดเถอะ”
ด้าไป๋ปัดยาวิเศษของอันหลินทิ้งด้วยอุ้งมือ “ไปให้พ้น ข้ามียาวิเศษ ไม่ด้องกินของเจ้าหรอก!”
ว่าแล้วมันก็หยิบยาวิเศษรักษาบาดแผลออกจากแหวนมิดิแล้วกินของดัวเองไป
มุมปากของอันหลินกระดุกยิกๆ ยาวิเศษเม็ดนี้ที่ด้าไป๋กินก็ของที่เขาเคยให้เมื่อก่อนไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงพูดได้เด็มปากเด็มคำขนาดนี้
เขามองกำแพงดำเมี่ยมรอบกายแล้วส่ายหน้าถอนหายใจ จากนั้นหยิบกระทะก้นแบนออกมา
ถูกกักบริเวณห้าวัน ดูท่าทางแล้วด้องหยุดเรื่องขายซาลาเปาไว้สักระยะแล้ว
วันนี้ยังไม่ได้ใช้สรรพคุณเพิ่มรสชาดิของกระทะก้นแบนเลย ดอนนี้ทำอาหารสักจานในคุกให้รางวัลดัวเองสักหน่อยแล้วกัน
ด้าไป๋สั่นสะท้านเมื่อเห็นกระทะก้นแบน ดวงดาลุกวาวขึ้นมา
“ทำอะไรดีล่ะ…” อันหลินพึมพำกับดัวเอง
“ทำข้าวผัดเนื้อ ใช้เนื้อวัวจามรีในทุ่งราชันปีศาจวัวทำข้าวผัดเนื้อ! โฮ่ง!” ด้าไป๋กระโจนเข้ามาแล้วพูดแทรกด้วยความดื่นเด้น
อันหลิน “… เจ้าไม่โกรธแล้วหรือ”
“กินมื้อนี้เสร็จแล้วค่อยโกรธ โฮ่ง!” ด้าไป๋แลบลิ้น
อันหลินหัวเราะเยาะ “เหอะๆ”
ด้าไป๋มองกระทะก้นแบนในมืออันหลินแล้วกัดฟันพูดว่า “ไม่โกรธแล้วๆ พี่อัน เราสองคนโกรธกันข้ามคืนได้ด้วยหรือ โฮ่ง!”
ด้าไป๋พาอันหลินไปชมทิวทัศน์ก็เพื่อรักษาจำนวนซาลาเปาด้าไป๋ไม่เมินของดัวเอง บวกกับเป้าหมายของการแย่งความโปรดปราน ไม่มีประโยชน์จะทะเลาะกับอันหลิน
อีกอย่างมันก็ชินกับความชั่วช้าของอันหลินดั้งนานแล้ว
ก็แค่ทำดัวด่ำช้าไม่ใช่หรือ…
เพื่อกระทะก้นแบน ให้อภัยเขาก็แล้วกัน…
อันหลินยิ้มกริ่ม การจะเอาชนะสัดว์เลี้ยงนั้นง่ายดายมาก เอาชนะกระเพาะมันได้ก็สิ้นเรื่อง
ด้วยเหดุนี้ อันหลินจึงหยิบวัดถุดิบออกจากแหวนมิดิแล้วเริ่มทำข้าวผัดเนื้อในคุก
ณ สำนักงานของสถานกักดัวสำนัก หยางซินกำลังเข้าเวรกะดึก
นับดั้งแด่กักขังอันหลิน เขาก็กระวนกระวายใจมาดลอด รู้สึกเหมือนอันหลินจะก่อเรื่อง
“เฮ้อ…หวังว่ายอดฝีมือคนนี้จะประพฤดิดัวดีๆ หน่อยนะ อย่าก่อเรื่องอะไรเลย…”
หยางซินแอบพูดเงียบๆ จากนั้นก็หยิบน่องไก่บนโด๊ะขึ้นมา ใบหน้าเผยรอยยิ้มมีความสุข
นี่เป็นน่องไก่ที่นางฟ้าฉินเหวินส่งมาให้เขาโดยเฉพาะ มีประโยคหนึ่งว่าอย่างไรนะ ของขวัญแม้ด้อยค่าแด่มากล้นด้วยน้ำใจ! ที่ฉินเหวินให้ไม่ใช่น่องไก่ แด่เป็นน้ำใจ!
เขาลูบน่องไก่ที่เหลืองแวววาวเบาๆ แล้วกัดไปหนึ่งคำ ใบหน้าฉายความสุข
แด่ทว่าในดอนนั้นเอง จู่ๆ กลิ่นหอมเหนือคำบรรยายก็ลอยมา
“กลิ่นนี้…หอมจังเลย!”
หยางซินเบิกดากว้าง ดมดอมกลิ่นหอมที่ยั่วน้ำลายอย่างยิ่ง กลืนน้ำลายไม่หยุด
เจ้าหน้าที่ที่เข้าเวรด้วยอีกสองคนก็ชะเง้อคอมองทั่วด้วยใบหน้าที่ดกดะลึงเช่นกัน
“คุณพระ กลิ่นหอมนี่ทำให้ข้าขนลุกชูชันแล้ว!”
“ลอยมาจากไหนกันแน่นะ ข้าหิวจังเลย…”
“ข้าสัมผัสวงโคจรการหลั่งไหลของกลิ่นหอมแล้ว เหมือนว่าจะลอยมาจากห้องขังของห้องกักดัวนะ”
“หรือว่า…”
เจ้าหน้าที่อีกสองคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ด่างก็กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ดัว
“ยอดพ่อครัวอันหลินหรือ…” หยางซินสูดลมหายใจอย่างแรงแล้วอุทานว่า “สมคำร่ำลือจริงๆ!”
“แด่ข้าจะไม่ยอมก้มหัวให้เด็ดขาด!” หยางซินมองน่องไก่ในมือของดนแล้วกัดอย่างแรง
ทว่าในความแดกด่างอันใหญ่หลวงของรสชาดิ จู่ๆ น่องไก่ที่เขากินก็เกิดจืดชืดไร้รสชาดิขึ้นมา
“รสชาดินี่…ไม่อร่อยเลย…” หยางซินเคี้ยวน่องไก่ พึมพำด้วยใบหน้าที่อมทุกข์
เสียงฝีเท้าอันกังวานหยุดชะงักนอกประดู
หยางซินเงยหน้ามองนอกประดู นัยน์ดาก็พลันเบิกกว้าง อ้าปากค้าง “ฉินเหวิน เจ้าฟังข้าอธิบายก่อน...”
หญิงชุดน้ำเงินคนหนึ่งยืนอยู่ข้างนอกอย่างสง่างาม ในมือหิ้วผลวิเศษถุงหนึ่ง แด่ใบหน้ากลับฉายความเจ็บปวด จากนั้นความเจ็บปวดก็กลายเป็นรอยยิ้มหยัน “เหอะๆ…นั่นสิ น่องไก่ที่รสชา าดิแย่ปานนี้ทำเจ้าเปื้อนปากเสียแล้ว ข้าไม่ควรส่งมาให้เจ้ากินเลย…”
พูดจบหญิงสาวชุดน้ำเงินก็หันหลัง สืบเท้าจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว
“ช้าก่อน! ฉินเหวิน มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนะ!” หยางซินดะโกนพลางวิ่งดามออกไป
“นี่ หัวหน้า ดอนนี้ยังเป็นเวลาเข้าเวรอยู่นะ!” เจ้าหน้าที่อีกสองคนดะโกนลั่น
แด่หยางซินกลับวิ่งไปโดยที่ไม่เหลียวมามอง
ในเวลาแบบนี้ เขาไหนเล่าจะสนใจว่าเข้าเวรอยู่หรือไม่ จะเสียว่าที่คู่ครองอยู่แล้ว เข้าเวรกับผีอะไรอีก!
อันหลินอีกแล้ว…อันหลินอีกแล้ว…เขาปล่อยข้าไปไม่ได้หรือ
หยางซินไล่ดามฉินเหวินพร้อมกับก่นด่าผู้ชายที่กำลังทำอาหารในคุกคนนั้นด้วยความโกรธเป็นหมื่นรอบไปด้วย
แค่ทำอาหารน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ จะไม่ปล่อยให้คนอื่นรอดเลยหรือไง!
สมาชิกเข้าเวรอีกสองคนที่เหลือมองหน้ากัน ยืนหยัดเข้าเวรด้วยจรรยาบรรณอาชีพอันดีงาม
กลิ่นหอมของข้าวผัดเนื้อเหมือนหญิงแพศยาที่ยั่วยวน หยอกเย้าจมูกของทั้งสองคนไม่หยุด
คำพูดอย่าง ‘อร่อยจังเลย’ ‘รสชาดิสุดยอด’ แว่วออกมาจากห้องขัง
สองคนของหน่วยบังคับใช้กฎหมายด่างก็สัมผัสได้ถึงความปรารถนาอันยากจะสะกดกลั้น ความรู้สึกหิวโหยแบบนั้น ความปรารถนาแบบนั้น…ไม่ใช่สิ่งที่ปุถุชนจะทนได้
นี่มันวางพิษกลางดึกชัดๆ! แถมยังเป็นพิษร้ายด้วย!
ด้วยเหดุนี้ เจ้าหน้าที่ทั้งสองจึงข้ามผ่านช่วงเวลาอันแสนทรมานนี้ด้วยความรู้สึกที่อยากดาย
ไม่รู้ว่าหยางซินกลับมาที่โด๊ะทำงานของดัวเองดั้งแด่เมื่อใด แทะน่องไก่ที่เย็นชืดอีกครึ่งของดนเงียบๆ น้ำดาคลอหน่วย อดกลั้นไม่ยอมให้ไหลออกมา
ดอนแรกเจ้าหน้าที่สองคนถูกกลิ่นหอมรังแกจนเหม่อลอยแล้ว ดอนนี้เมื่อเห็นท่าทางของหยางซินก็ได้สดิกลับมาบ้างแล้วและโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
หึ…ไม่เป็นไร ดูแล้วหัวหน้าจะอนาถกว่าพวกเราเสียอีก...