ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 538 สถานการณ์ของอาณาจักรหนานปิง
บทที่ 538 สถานการณ์ของอาณาจักรหนานปิง
“เหล้าองุ่นนี่ใต้เท้าอู๋เป็นคนบ่มขึ้นมาเองจริงหรือขอรับ?” ขุนนางคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะถามขณะมองแก้วด้วยสีหน้าท่าทีราวกับไม่เชื่อ
“พูดแบบนั้นได้ยังไงกัน! ใต้เท้าอู๋จะกล่าวปดเพื่ออะไรกัน?” หลี่จื่อหยางเอ่ยอย่างไม่พอใจ
“ไม่เป็นไรขอรับ” อู๋ฝานยิ้มตอบรับพลางโบกมือ “ดังที่ทราบกันว่าข้ามาจากพื้นที่ห่างไกลในอาณาจักรเหยียนเฟิง ดังนั้นจึงมีสถานะต่ำต้อยจนไม่มีอะไรให้ทำ ไม่เหมือนเหล่าใต้เท้าที่ได้ช่วยแบ่งปันความกังวลขององค์เหนือหัวและจัดการกับกิจของบ้านเมือง ข้าค่อนข้างมีเวลาว่างมากกว่า เหล้าองุ่นและชาที่ข้านำมาด้วยนี้เป็นสิ่งที่ทำขึ้นเอง หากรสชาติไม่ถูกปากคงต้องขออภัยไว้ด้วยขอรับ”
“ใต้เท้าอู๋ถ่อมตัวเกินไปแล้ว เหล้าองุ่นนี้ล้ำเลิศที่สุดเท่าที่ช่วงชีวิตนี้ของข้าเคยได้ดื่มด้วยซ้ำ!”
“ถูกต้องแล้ว! กลิ่นหอมของเหล้าองุ่นนี้เลิศล้ำเกินกว่าเหล้าองุ่นอื่นจะเทียบได้ ใต้เท้าอู๋สามารถบ่มสุดยอดเหล้าองุ่นแบบนี้ขึ้นมาได้ นับว่ามีพรสวรรค์อย่างแท้จริง!”
“ใต้เท้าอู๋ไม่เพียงมีวิทยายุทธยอดเยี่ยม แต่ยังทำเหล้าองุ่นได้อย่างเก่งกาจจนหาใครเทียบแทบไม่ได้!”
ทุกคนต่างเอ่ยคำชมอู๋ฝานกันออกมา
“พวกใต้เท้าชอบก็ยินดีแล้วขอรับ” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ
พวกเขาหลายคนรวมถึงหลี่จื่อหยางต่างก็แสดงออกว่าชื่นชอบ ทั้งยังเอ่ยชมชายหนุ่มไม่ขาดปาก
“น่าเสียดาย” หนึ่งในขุนนางที่ได้ลิ้มรสเหล้าองุ่นเอ่ยขึ้นอย่างนึกเสียดาย
“เสียดายอันใดกัน?” อีกคนหนึ่งเอ่ยถาม
“น่าเสียดายที่โอกาสได้ดื่มเหล้าองุ่นดี ๆ เช่นนี้คงมีเพียงครั้งเดียว เกรงว่าเมื่อไหร่ที่ใต้เท้าอู๋ไปจากเมืองหลวงแล้ว ข้าคงจะไม่มีโอกาสได้ดื่มอีกเป็นครั้งที่สอง” ขุนนางผู้นั้นอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ
เมื่อคนอื่นได้ยินต่างก็เห็นพ้อง กระทั่งหลี่จื่อหยางที่ได้ดื่มเข้าไปแล้วยังรู้สึกชื่นชอบจนยากจะกลืนกินเหล้าองุ่นอื่นในภายหน้า เพียงแค่คิดเขาก็รู้สึกนึกเสียดายขึ้นมาอย่างไม่อาจปิดบัง
เหล้าองุ่นสุดเหนือเมฆทั้งสองขวดที่วางตรงหน้านี้อู๋ฝานเป็นคนมอบให้ และยังบ่มโดยชายหนุ่มเป็นการส่วนตัว เขาคงไม่อาจไร้มารยาทขนาดจะขอเหล้าองุ่นจากอีกฝ่ายเพื่อดื่มกินในภายหน้า ดังนั้นจะเสียดายก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลี่จื่อหยางจึงเร่งรีบเก็บเหล้าองุ่นอีกสองขวดที่เหลือในทันที
“ใต้เท้าหลี่ทำอะไรกันน่ะขอรับ?” หนึ่งในกลุ่มคนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เหล้าองุ่นนี้ใต้เท้าอู๋มอบเป็นของกำนัลให้ข้า และยังมีเพียงแค่สองขวด หากเมื่อไหร่หมดก็เลือนหาย ข้าจึงคิดเก็บไว้ลิ้มลองอย่างละเมียดละไมทีละน้อย ตอนนี้คงต้องดื่มอย่างอื่นกันแทนแล้ว” หลี่จื่อหยางแสดงความหวงแหนออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ได้สิใต้เท้าหลี่ พวกเราเพิ่งได้ดื่มกันไปนิดเดียวเอง!”
“ใต้เท้าหลี่อย่าได้ทำเช่นนี้ ได้ดื่มเหล้าองุ่นนี้ครั้งหนึ่งแล้วจะไปดื่มเหล้าองุ่นอื่นอีกได้อย่างไร?”
“ใต้เท้าหลี่ทำเกินไปแล้ว ทำเกินไปแล้วจริง ๆ!“
เหล่าขุนนางต่างทักท้วงอย่างร้อนรน ภายหน้าพวกเขาจะได้ดื่มหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง แต่วันนี้พวกเขามีโอกาสได้ดื่มแต่ไม่อาจดื่ม การกระทำนี้แทบไม่ต่างกับทรมานกันทั้งเป็น
“ใต้เท้าทั้งหลายวางใจได้ขอรับ” อู๋ฝานที่เห็นกลุ่มคนคิดแย่งชิงสุดเหนือเมฆจึงยิ้มออกมา “หากใต้เท้าชื่นชอบ ข้าจะให้คนส่งไปมอบเป็นของกำนัลในภายหลังสักส่วนหนึ่งขอรับ”
“แม้น่าอายแต่คงต้องขอรับเอาไว้ขอรับ“
“ใต้เท้าอู๋ใจกว้างขวาง หากไม่รับไว้คงเป็นการปฏิเสธน้ำใจแล้ว”
“ขอบคุณใต้เท้าอู๋ล่วงหน้าขอรับ”
กลุ่มคนต่างหยุดการยื้อแย่งก่อนจะหันมาตอบรับอู๋ฝานด้วยสีหน้ายินดี
“ข้าเองก็อยากได้นะ!” หลี่จื่อหยางเอ่ยขึ้นโดยไม่สนหน้าตาแม้แต่น้อย
“แน่นอนอยู่แล้วขอรับ” อู๋ฝานตอบรับโดยไม่ลังเล
เมื่อได้ยินดังนั้นหลี่จื่อหยางจึงเผยยิ้มตอบด้วยความพึงพอใจ
“ได้เห็นใต้เท้าทั้งหลายชื่นชอบข้าก็สบายใจแล้วขอรับ” อู๋ฝานตอบกลับมา
“กังวลเรื่องใดกันเล่าขอรับ?”
“เนื่องจากไม่กี่วันก่อนข้าซื้อหน้าร้านในเมืองแห่งหนึ่งเพื่อใช้ขายของขอรับ” อู๋ฝานอธิบายออกมา “เหล้าองุ่นสุดเหนือเมฆเป็นหนึ่งในสินค้าทั้งหลาย ในเมื่อใต้เท้าชื่นชอบ ก็เหมือนว่าเหล้าองุ่นนี้จะพอเป็นที่ยอมรับได้ ผู้อื่นที่ได้ลิ้มลองก็น่าจะชอบเช่นกันขอรับ”
“ใต้เท้าอู๋เปิดร้านขายของชำงั้นหรือ?”
“ที่ร้านมีเหล้าองุ่นนี่ขายด้วยใช่หรือไม่?”
“ใต้เท้าอู๋จะเปิดร้านเมื่อใด? ข้าจะไปอุดหนุนอย่างแน่นอน หากไม่มีอะไรผิดพลาด ข้าอยากซื้อเหล้าองุ่นนี่มากเท่าที่จะมากได้”
“ข้าก็ด้วย!”
เมื่อเหล่าขุนนางในที่นี้ได้ยินคำพูดของอู๋ฝาน พวกเขาจึงเกิดความสนใจกันขึ้นมา
นครเหยียนหยางไม่ได้มีกฎห้ามขุนนางหรือผู้สูงศักดิ์ทำการค้า ดังนั้นในกลุ่มพวกเขาจึงมีกิจการเป็นของตนเองมากมาย ของที่จำหน่ายก็มีหลากหลาย รวมถึงกิจการประเภทอื่นก็ด้วยเช่นกัน ตราบใดที่ไม่ผิดกฎหมาย การที่อู๋ฝานจะเปิดร้านขายของชำก็ไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด
“ร้านจะเปิดในวันพรุ่งนี้ขอรับ เป็นร้านขายของชำแห่งหนึ่ง แน่นอนว่าเหล้าองุ่นนี่ก็เป็นหนึ่งในสินค้าด้วยเช่นกันขอรับ” อู๋ฝานตอบ
“วันพรุ่งนี้! ข้าจะไปรอซื้ออย่างแน่นอน!”
“ข้าด้วย!”
“ดีเลย งั้นพวกเราไปด้วยกัน!”
เหล่าขุนนางต่างรีบเอ่ยกันออกมา เพราะพวกเขาสนใจในเหล้าองุ่นเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังจะได้สนับสนุนกิจการของอู๋ฝานเพื่อเป็นการแสดงท่าทีดี ๆ ยามได้ทราบวันเปิดขายจึงมีใจคิดจะแวะเวียนไป
“ใต้เท้าอู๋ ทั้งหมดเป็นความผิดของท่านแล้วขอรับ เหตุใดไม่บอกพวกเราตั้งแต่แรกว่าเปิดร้านขายของ? หากพวกเราไม่หยิบยกหัวข้อสนทนานี้ขึ้นมาก็คงไม่ทราบ” หลี่จื่อหยางเอ่ยขึ้น
“เพียงแค่ร้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งขอรับ ไม่ได้ใหญ่โตแต่อย่างใด” อู๋ฝานโบกมือตอบ
“จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไรขอรับ?” หลี่จื่อหยางตอบกลับ “ใต้เท้าอู๋ถ่อมตัวเกินไปแล้ว”
“เป็นความผิดข้าเองขอรับ เดี๋ยวข้าลงโทษตัวเองด้วยการดื่มให้หนักเอง” อู๋ฝานหัวเราะตอบ
ดังนั้นบรรยากาศบนโต๊ะอาหารจึงดีขึ้นอย่างกะทันหัน เป้าหมายของอู๋ฝานก็สำเร็จลุล่วงด้วยเช่นกัน หากคนเหล่านี้ช่วยพูดปากต่อปากออกไป และด้วยความยอดเยี่ยมของไวน์สุดเหนือเมฆ เชื่อได้ว่าแม้เป็นกิจการในสถานที่ไกลห่างก็จะยังคงดำเนินต่อไปได้ด้วยดี
“เฮ้อ ไม่ทราบเลยว่าองค์เหนือหัวเป็นอย่างไรบ้าง นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นก็ไม่ให้ขุนนางผู้ใดเข้าเฝ้าเลยแม้สักคน ทำเอาเกิดความกังวลไปทั่ว” พวกเขาเริ่มเปลี่ยนหัวข้อสนทนากันไปเรื่อย ขณะนี้มาถึงคราวเรื่องราวของบ้านเมืองจึงไม่ใช่เรื่องแปลก อย่างไรจักรพรรดิของอาณาจักรก็ถูกลอบสังหาร นับเป็นเรื่องใหญ่ของอาณาจักรเหยียนเฟิงก็ไม่ผิด ไม่ว่าจะเป็นใครหรือที่ไหนล้วนแล้วแต่ต้องสนทนาถึงประเด็นร้อนแรงนี้
เมื่อได้ยินคนกล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้นมา อู๋ฝานจึงเผยประกายในดวงตา เพราะมันเป็นอีกจุดประสงค์หนึ่งที่เขาเดินทางมาที่นี่
“องค์เหนือหัวได้รับพรจากสวรรค์ ดังนั้นจะไม่เป็นไรอย่างแน่นอน” ขุนนางคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ถูกต้องแล้ว องค์เหนือหัวย่อมต้องปลอดภัยดีอย่างแน่นอน” ขุนนางอีกคนข้างกายเอ่ยตอบรับ “แต่เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ทั้งหมดก็ต้องขอบคุณใต้เท้าอู๋อีกสักครั้ง หากไม่ได้ใต้เท้าเร่งมาช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที เรื่องราวในวันนั้นจะเป็นอย่างไรก็ยากจะพูดออกมา”
“จริงด้วย ต้องขอบคุณใต้เท้าอู๋ นับว่าเป็นการกระทำที่ช่วยทั้งองค์เหนือหัวและอาณาจักรเหยียนเฟิงของพวกเรา”
“เป็นเรื่องที่ข้าสมควรต้องทำขอรับ” อู๋ฝานโบกมือตอบพลางถ่อมตัว “แต่มือสังหารผู้นั้นคือองค์หญิงสามแห่งหนานปิง ทั้งที่สองอาณาจักรก็มีสัมพันธ์อันดีต่อกันมาตลอด การลอบสังหารครั้งนี้ดูไม่มีเหตุผลจนเกินไป ทั้งยังมีบางส่วนที่ดูแปลกด้วย เฮ้อ อาณาจักรหนานปิงไม่กลัวถูกล้างแค้นกวาดล้างโดยอาณาจักรเหยียนเฟิงของพวกเราหรืออย่างไรกัน?”
แม้อู๋ฝานได้ทราบเหตุผลจากปากองค์หญิงเช่นอูหย่ามาแล้ว แต่ครั้งนี้ต้องทำเป็นเนียนไม่รู้เรื่องราว
“ข้าพอทราบอะไรมาบ้างขอรับ” หลี่จื่อหยางเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับราชวงศ์ของอาณาจักรหนานปิง พวกเขาคล้ายจะถูกควบคุมตัวเอาไว้โดยอาณาจักรสุ่ยเยวี่ย เพื่อบีบบังคับให้องค์หญิงอูหย่ามาลอบสังหารองค์เหนือหัวของพวกเรา”
“เรื่องราวถึงกับเป็นเช่นนี้ งั้นข้าก็พอเข้าใจได้บ้างแล้ว” อู๋ฝานแสร้งทำเป็นเพิ่งทราบเรื่องราวเช่นเดิม “แต่ไม่ทราบเลยว่าสถานการณ์โดยภาพรวมของทางนั้นปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้าง”
“องค์ชายสี่แห่งหนานปิงขึ้นครองบัลลังก์แล้วขอรับ!” หลี่จื่อหยางตอบกลับมา “เป็นข่าวที่เพิ่งได้รับมาเมื่อเช้าวันนี้เอง”
“โห? เรื่องราวเป็นมาเช่นไรกันขอรับ?” อู๋ฝานเผยท่าทีประหลาดใจพลางเอ่ยถาม และความประหลาดใจครั้งนี้ไม่ใช่การเสแสร้ง แต่เป็นความรู้สึกของจริง