ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 643 อินทรีวายุฟักไข่
บทที่ 643 อินทรีวายุฟักไข่
“อาการบาดเจ็บถูกรักษาแล้วจริง ๆ” ภายในโลกแห่งเกม อู๋ฝานพูดกับตัวเองขณะมองหน้าท้อง เขาพบว่ามันได้รับการรักษาอย่างไม่หลงเหลือร่องรอยใดทั้งสิ้น
หลังพ้นเที่ยงคืน อู๋ฝานก็เร่งรีบเทเลพอร์ตมายังโลกแห่งเกม และทันทีที่มาถึง ตนก็ตรวจสอบอาการบาดเจ็บเป็นสิ่งแรก พร้อมกับพบผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจเหมือนที่คาดหวังเอาไว้
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก!”
และหลังมาถึงได้ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ชายหนุ่มเดินไปเปิดประตูพร้อมกับได้พบอูหย่า
“ทำไมวันนี้ตื่นแต่เช้าอีกแล้วล่ะ?” เขาถามยิ้ม ๆ
ช่วงที่ผ่านมานี้หญิงสาวไม่มีความคิดเร่งร้อนอยากจะเดินทางตั้งแต่รุ่งสางเหมือนดังวันแรก แต่คล้ายว่าจะต้องยกเว้นวันนี้เอาไว้แล้ว
“ก็นะ เมื่อคืนตอนที่หลับ ข้านึกขึ้นได้ว่าใกล้ ๆ นี้มีถนนเล็ก ๆ ที่ใช้เดินทางไปอาณาจักรหนานปิงอยู่ ถ้าพวกเราใช้เส้นทางนั้นน่าจะไปถึงอาณาจักรหนานปิงได้ในช่วงเย็น” อูหย่าบอกอีกฝ่าย
หลังเดินทางมาหลายวัน พวกเขาก็อยู่ไม่ไกลจากอาณาจักรหนานปิงแล้ว ทว่าตามแผนการเดิม ระยะทางที่เหลือไม่มากก็ยังต้องใช้เวลาอีกสองถึงสามวันกว่าจะถึง แต่ก็ไม่คาดคิดว่าหญิงสาวจะรู้จักทางลัด
“แล้วยังจะรออะไรอยู่? รีบไปเรียกลั่วเยวี่ยกับลั่วหยางมาเถอะ พวกเราจะได้เริ่มออกเดินทาง” คำบอกเล่าของอูหย่าทำให้อู๋ฝานรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เพราะหลังเดินทางมาหลายวันจนเหนื่อยล้าและเบื่อหน่าย ในที่สุดก็ใกล้จะถึงจุดหมายปลายทางเสียที
“ข้าจะไปเรียกพวกเขาเดี๋ยวนี้แหละ” อูหย่าตอบรับ เห็นได้ชัดว่านางเองก็ตื่นเต้น “แต่ว่าถนนเส้นนั้นออกจะเดินทางลำบากอยู่บ้าง”
“ลำบาก? เป็นความลำบากแบบไหน?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“เป็นถนนที่ไม่ค่อยมีคนใช้งาน เส้นทางคับแคบ มีป่าหนาทึบและสูงชันด้วย ดังนั้นเลยต้องใช้การเดินเท้า ไม่สามารถใช้งานรถลากได้ ที่ข้าบอกเพราะต้องการให้เจ้าตัดสินใจว่าจะใช้เส้นทางนั้นหรือว่าไม่ใช้” หญิงสาวตอบกลับ
แม้จะไม่รู้ตัว แต่อูหย่าก็มองอู๋ฝานเป็นผู้นำ ถึงนางสามารถเสนอทางเลือกได้ ทว่าคนตัดสินใจก็คือชายหนุ่ม
อู๋ฝานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับ “ใช้เส้นทางนั่นก็แล้วกัน ถ้าสภาพเลวร้ายเกินไปพวกเราค่อยถอยกลับมา”
“ตกลง” อูหย่าพยักหน้ารับ
กลุ่มคนออกเดินทางอีกครั้งก่อนฟ้าจะสางเสียด้วยซ้ำ จนกระทั่งช่วงกลางวันจึงมาถึงตีนเขาของภูเขาขนาดใหญ่
“ปีนขึ้นเขาลูกนี้และเดินต่ออีกหน่อยก็จะถึงอาณาจักรหนานปิงแล้ว ทางนี้คือเส้นทางภูเขา ถ้าพวกเราไม่ใช้ทางนี้ก็ต้องเดินทางอ้อมเขาไปอีกพอสมควร” อูหย่ารับหน้าที่คนนำทางพลางบอกให้คนอื่น ๆ ฟัง
ทั้งลั่วเยวี่ยและลั่วหยางต่างก็ไม่เห็นแย้งแต่อย่างใด ดังนั้นคนทั้งสี่จึงทิ้งรถลากเอาไว้และเริ่มเดินเท้าขึ้นภูเขา
ภูเขาลูกนี้เป็นไปตามที่อูหย่าบอก เส้นทางค่อนข้างคับแคบ ทั้งยังมีป่าทึบรายล้อม และเป็นทางขึ้นภูเขาที่สูงชัน
“เจ้ารู้จักเส้นทางนี้ได้ยังไง?” อู๋ฝานถามขณะเดินนำหน้ากลุ่มคนพร้อมถือกระบี่ไว้ในมือ เพื่อใช้มันตัดวัชพืชและพุ่มไม้ที่ขวางทาง
เส้นทางนี้ไม่ควรเรียกว่าเส้นทาง เพราะมันไม่มีทางบนพื้นให้เห็นอย่างที่ควรจะเป็น สถานที่ที่พวกเขากำลังเดินอยู่ไม่ต่างอะไรกับการเดินกลางป่า รอบด้านมีแต่วัชพืชและต้นไม้ปกคลุม หากอูหย่าไม่คอยชี้บอกทางตลอดเวลา พวกอู๋ฝานก็คงไม่ทราบว่าต้องไปทางไหนต่อ
“ตอนออกมาฝึกฝนข้าหลงมาที่ภูเขาลูกนี้ หลังคลำทางอยู่นานเลยได้พบเส้นทางนี้เข้า ตอนออกไปจากภูเขาลูกนี้ได้ก็พบว่ามันสั้นกว่าที่คิด” อูหย่าบอกขณะเดินตามติด ๆ เพราะนางรับผิดชอบเป็นคนนำทาง
“ตอนเจ้าฝึก เจ้าแวะมาที่อาณาจักรเหยียนเฟิงด้วยหรือ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
ภูเขาลูกนี้ยังถือเป็นอาณาเขตของอาณาจักรเหยียนเฟิง ปัจจุบันพวกเขายังถือว่าอยู่ในอาณาจักร
“ใช่ จริง ๆ แล้วข้าก็ไปมาหลายอาณาจักรนะ ไม่ใช่แค่อาณาจักรเหยียนเฟิง แต่อาณาจักรอื่นใกล้เคียงก็เคยแวะไปมา” อูหย่าตอบกลับ
“ในบรรดาองค์หญิงทั้งหลาย คงมีแค่เจ้าเพียงคนเดียวที่ทำแบบนี้” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ
“ใช่ เสด็จพ่อของข้าก็พูดแบบเดียวกัน” หญิงสาวตอบกลับ “ตอนนั้นข้าคิดแค่ว่าอยากจะออกไปฝึกฝนให้ทั่วทุกที่ น้อยครั้งจะได้ใช้เวลาอยู่ที่วังหลวง ทำให้ไม่ค่อยได้ใช้เวลาร่วมกับเสด็จพ่อและเสด็จแม่ …สุดท้ายตอนนี้ต่อให้อยากอยู่ด้วยแค่ไหนก็ไม่มีโอกาสแล้ว”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มอมทุกข์อีกครั้ง อู๋ฝานก็ตระหนักว่าคำพูดของตนเองทำให้นางอารมณ์ดิ่ง ตอนนี้จึงต้องเปลี่ยนหัวข้อสนทนา แต่ก่อนจะทันได้พูดอะไรกลับได้ยินเสียงจักรกลอันคุ้นเคยดังขึ้นมา
[ติ๊ง ไข่ของอินทรีวายุฟักตัวเสร็จสมบูรณ์แล้ว]
อินทรีวายุออกมาจากไข่แล้ว?
อู๋ฝานชะงักไปครู่หนึ่ง ขณะนี้เริ่มเกิดความสงสัยจนต้องเรียกเจ้าตัวน้อยออกมาจากมิติสัตว์เลี้ยง
เพียงชั่วอึดใจ เจ้าตัวน้อยก็มาปรากฏตัวและยืนบนฝ่ามือของชายหนุ่มที่ยื่นออกไป ขนาดตัวของมันไม่ใหญ่มาก น่าจะราวนกกระจอกตัวเต็มวัยของที่โลกแห่งความเป็นจริง แต่จะงอยปากแหลมและยาวกว่า ทั้งร่างมีขนสีขาวบริสุทธิ์ปกคลุม รูปลักษณ์ของมันจึงทั้งดูดุร้ายและน่ารักในเวลาเดียวกัน
[อินทรีวายุ : ฟักออกมาจากไข่สัตว์เลี้ยงของมอนสเตอร์อินทรีวายุ เมื่อโตเต็มวัยจะมีความดุร้ายและรุนแรง ขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ แผ่นหลังของมันกว้างมากพอที่จะให้คนขึ้นไปนั่งได้ สามารถบินด้วยความเร็วสูง | เลเวลปัจจุบัน : 1 | การเจริญเติบโต : ทารก | ทักษะ : บิน , แบ่งปันการมองเห็น]
[บิน : อินทรีวายุถือกำเนิดขึ้นพร้อมความสาม