novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • anime
  • โดจิน
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
hotgraph Hydra888 ดูบอลสด UFAC4 PANAMA888 lotto432 ufabet london168 newyork UFAZEED UFA1919 PG freefire เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350 เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด dgthai nowbet หวยออนไลน์

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 11 แมงป่องพายุลม (1)

  1. Home
  2. ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)
  3. บทที่ 11 แมงป่องพายุลม (1)
Prev
Next

บทที่ 11 แมงป่องพายุลม (1)

“อ้าก !”

เสียงกรีดร้องดังก้องแทงทะลุท้องฟ้า

ไป๋อี่หงไม่เคยนึกฝันมาก่อนเลยว่าซูเฉินจะกล้าโจมตีเขา ทว่าเขาก็ไม่พูดอะไรออกมาเลย กลับกันในจังหวะที่นิ้วของไป๋อี่หงถูกหัก เขาก็ได้ฟาดพัดในมืออีกข้างไปทางซูเฉิน

ซูเฉินไม่ได้ตอบโต้ เขาเลือกที่จะเปิดใช้เกราะป้องกันหลาย ๆ ชั้นเพื่อป้องกันตัว

พัดด้ามจิ้วกระแทกเข้าใส่ชั้นเกราะพวกนั้นอย่างแรง ทำให้เกิดประกายแสงขึ้นจากแรงปะทะ

ในขณะที่ไป๋อี่หงกำลังจะเริ่มโจมตีอีกครั้ง ก็มีเสียงดังลงมาจากท้องฟ้า “หยุดมือซะ ! ไม่มีการอนุญาตให้ต่อสู้กันในสถาบันมังกรซ่อนเร้นโดยเด็ดขาด !”

ความเจ็บปวดจากนิ้ว ทำให้ไป๋อี่หงสูญเสียสติทั้งหมดไป แล้วเขาจะมาฉุกคิดใส่ใจกฎของสถาบันได้อย่างไร ? ไป๋อี่หงตะโกนขึ้น “เจ้ากล้าทำร้ายข้า ? ข้าจะฆ่าเจ้า !”

เกราะป้องกันของซูเฉินถูกทำลายทิ้งในทันที ไป๋อี่หงกวาดพัดของเขาออกไป มันสร้างม่านแสงสีรุ้งออกมาและกระแทกเข้าใส่ซูเฉิน

ซูเฉินไม่ไม่ได้ต่อต้าน เขายืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ ปล่อยให้การโจมตีเข้าถึงตัว

“อวดดี !” เสียงก่อนหน้านี้ตะโกนขึ้นอีกครั้งด้วยความเกรี้ยวโกรธ

เสียงจากท้องฟ้าดังสนั่นดุจอสนีบาตคำราม

ม่านแสงที่สวยงามสั่นไปมาและระเบิดออกราวกับฟองสบู่ในทันที เหลือทิ้งไว้เพียงประกายแสงสีรุ้ง

แสงสีรุ้งจำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่กลางอากาศ เปล่งประกายแวววาวชวนหลงใหล

ไป๋อี่หงกระอักเลือดออกมาขณะที่เขาถูกส่งกระเด็นไป

การเคลื่อนไหวของไป๋อี่หงถูกบังคับให้ผิดพลาด ผลลัพธ์ที่ได้คือพลังต้นกำเนิดของเขาตีกลับจนได้รับบาดเจ็บ

เสียงจากท้องฟ้าดังก้อง “หากข้าบอกให้เจ้าหยุดมือก็ต้องหยุดมือ เจ้ากล้าที่จะขัดคำสั่งของข้า เจ้ากำลังหาเรื่องตายงั้นหรือ ? สถาบันมังกรซ่อนเร้นไม่อนุญาตให้มีการต่อสู้ในสถาบัน เจ้ากล้าเพิกเฉยต่อคำสั่งของข้า ดังนั้นเจ้าจะถูกตัดคะแนนอุทิศ 20 แต้ม การโจมตีนี้เจ้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อนหักอีก 10 แต้มและรับโทษกักบริเวณ 1 วัน !”

“อะไรนะ ?” ไป๋อี่หงตะลึง เขาชี้ไปที่ซูเฉิน “แล้วมันล่ะ ? เหตุใดมันถึงไม่ถูกลงโทษ ?”

“ชายชราคนนี้ไม่เห็นว่ามันจะลงมือต่อเจ้าตรงไหน ทั้งหมดที่ข้าเห็นคือเจ้าที่ลงมือโจมตีใส่มัน เจ้าจะบอกว่าข้ากล่าวผิด ?”

“ไม่ได้ลงมือ !?” ไป๋อี่หงตะโกนด้วยความโกรธ “คนที่ลงมือก่อนคือมัน มันหักนิ้วข้า !”

“จากสิ่งที่ข้าเห็น เป็นเจ้าที่ลงมือต่อมันหลายครั้งโดยที่ไม่สนใจคำของข้า ส่วนนิ้วของเจ้า … แน่ใจหรือว่าเจ้าไม่ได้ทำระหว่างที่สู้ ? เปล่าประโยชน์จริง ๆ”

ไป๋อี่หงขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจและต้องการที่จะเถียงกลับ แต่ก็เกิดลมกระโชกแรงขึ้น จากนั้นก็มีมือที่มองไม่เห็นเอื้อมเข้ามาคว้าตัวเขาแล้วดึงขึ้นไปในอากาศ ส่งร่างไป๋อี่หงไปยังสถานกักบริเวณ

ซูเฉินหันหน้าไปแสดงความขอบคุณต่อเสียงจากท้องฟ้า “ขอบคุณผู้อาวุโสสำหรับการตัดสินสถานการณ์อย่างยุติธรรม”

เสียงจากท้องฟ้าตรงเข้าสู่หูของซูเฉิน “อืม คราวหน้าใจเย็น ๆ เอาไว้หน่อยล่ะ ข้าช่วยเจ้าก็เพื่อผลประโยชน์ของหานเยี่ยน แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น”

ซูเฉินยิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณ หากข้าได้ทำให้ท่านต้องยุ่งยากเกินไป ท่านสามารถหัก 10 แต้มจากคะแนนอุทิศของข้าได้ตามสมควร”

ตั้งแต่เริ่มแรกที่เขาตัดสินใจลงมือ ซูเฉินก็เตรียมใจที่จะเสียคะแนนอุทิศ 10 แต้มนั้นไว้แล้ว

ในระหว่างการเดินทางไปยังเทือกเขาสีเลือดทั้ง 3 ครั้งของซูเฉิน เขาได้เรียนรู้ถึงหลักการสำคัญบางอย่าง นั่นคือ ตราบเท่าที่เขาเต็มใจยอมรับบทลงโทษ การฝ่าฝืนกฎระเบียบบางอย่างก็ไม่ได้น่ากลัวมากนัก

เนื่องจากสถาบันมังกรซ่อนเร้นได้ลงโทษเหล่าศิษย์ด้วยการหักคะแนนอุทิศ สิ่งที่เขาต้องทำจึงมีเพียงแค่รับมันคืนมากกว่าที่เสียไปก็พอ

“เหอะ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับข้าหรอก” อาจารย์ส่วนตัวไม่ได้หักคะแนนอุทิศของซูเฉินไป “เจ้าเด็กนั้นตามหลอกหลอนหานเยี่ยนทั้งวัน ข้ารำคาญมัน และยืมมือเจ้าเพื่อสอนบทเรียนให้มันก็เท่านั้น ฮิฮิฮิ”

ดูเหมือนว่าชายชราผู้นี้จะมองหาเหตุผลที่จะใช้จัดการเจ้าคนผู้นี้ที่มายุ่มย่าม เล่นหูเล่นตากับลูกศิษย์ของเขามาสักระยะหนึ่งแล้ว

ชายชราจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะแปลก ๆ

อย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มนั้นเข้าใจดีว่าไม่มีสิ่งใดในสถาบันที่สามารถหลบหนีจากสายตาของบุคคลที่แข็งแกร่งดั่งเช่นชายชราผู้นี้ได้ เพราะยังไงซะพวกเขาก็มีพลังต้นกำเนิดจำนวนมาก และสามารถใช้ค่ายกลในสถาบันเพื่อคอยช่วยเหลือศิษย์ของพวกเขา

ซูเฉินกำลังจะจากไป ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นคนรับใช้ของไป๋อี่หงยังคงยืนแช่อยู่ตรงนั้น

ไป๋อี่หงถูกส่งไปยังสถานกักบริเวณ แต่ดูเหมือนว่าผู้รับใช้ที่ชั่วร้ายของเขาจะยังคงสบายดีอยู่

เมื่อซูเฉินนึกถึงตอนที่คนรับใช้ผู้นี้พยายามที่จะปลุกปั่นทุกอย่าง ความโกรธก็พุ่งขึ้นมาในใจของเขา

คนรับใช้เห็นท่าไม่ดี เขาจึงพยายามหนีอย่างสุดกำลัง

ซูเฉินส่งเสียงเยาะเย้ย “ข้าบอกว่าเจ้าสามารถไปได้แล้ว ?”

เขาสะบัดแขนเสื้อ หนวดอากาศจำนวนมากปรากฏขึ้นและมัดคนรับใช้ผู้นั้นเอาไว้ จากนั้นซูเฉินลงมือออกไปแบบไม่ใส่ใจและจัดการอีกฝ่ายในทันที คนรับใช้ไม่ได้เป็นศิษย์ของสถาบันมังกรซ่อนเร้น ดังนั้นกฎของสถาบันจึงไม่มีผลกับฝั่งตรงข้าม

เขาพาคนรับใช้กลับไปที่หอพัก เมื่อกังเยียนเห็นซูเฉินพาคนกลับมาด้วยเขาก็ตกใจ “ชายคนนี้เป็นใคร ?”

“ไม่รู้และก็ไม่สำคัญ” ซูเฉินตอบอย่างสบาย ๆ “เอาขวดยาที่ข้าวางเอาไว้บนโต๊ะ ให้มันดื่ม”

“ยาเพิ่มความเหนียว ? มันล้มเหลวไม่ใช่เหรอ ?”

“นั่นคือเหตุผลที่ข้าต้องการให้มันดื่ม ข้าจะได้รู้ว่าปัญหามันอยู่ตรงไหนกันแน่”

“เข้าใจแล้ว” กังเหยียนคว้าคอคนรับใช้ผู้นี้และลากเขาไปที่โต๊ะ

ยาเพิ่มความเหนียว เป็นยาที่มีไว้เพื่อทำให้ผิวของคนเราแข็งแรงขึ้น มันสามารถใช้เพื่อเสริมการฝึกทักษะปรับแต่งร่างกาย มันเป็นที่รู้จักกันในชื่อยามาตรฐานสำหรับนักปรุงยาระดับเริ่มต้น

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหากผู้ใดสามารถปรุงยาเพิ่มความเหนียวนี้ได้สำเร็จ ก็สามารถถือได้ว่าคนผู้นั้นเป็นนักปรุงยาอย่างเป็นทางการแล้ว

ซูเฉินได้เรียนรู้ทักษะการเล่นแร่แปรธาตุมาระยะหนึ่งแล้ว และเขาเองก็เรียกได้ว่ามีพรสวรรค์ในด้านนี้ ด้วยการสนับสนุนของอารามนิรันดร์ เขาจึงก้าวหน้าอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า

แต่ถึงอย่างนั้นสูตรที่ซับซ้อนและวิธีการผสมที่ยุ่งยากของเจ้ายาเพิ่มความเหนียวนี้ก็ทำให้ซูเฉินหยุดชะงักไป

ในทวีปต้นกำเนิดนี้การจะปรุงยาขึ้นมาได้นั้น มันจำเป็นจะต้องทำมากกว่าการจับส่วนผสมทั้งหมดมาโยนเอาไว้ด้วยกัน มีเพียงยาระดับต่ำสุดเท่านั้นที่ปรุงในรูปแบบนี้

ยาคุณภาพสูงที่แท้จริงล้วนแล้วแต่มีวิธีการผสมที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และจำเป็นต้องใช้พลังต้นกำเนิดเพื่อกระตุ้นพลังของตัวยาและผสมผสานส่วนประกอบเข้าด้วยกัน ในระหว่างขั้นตอนการทำ พวกมันจะต้องได้รับการควบคุมอย่างรอบคอบ และกำหนดเวลาที่แม่นยำเพื่อให้ได้ยาที่สมบูรณ์

ยาเพิ่มความเหนียวต้องใช้วิธีการที่แตกต่างกัน 3 วิธีเพื่อปรับสมดุลและผสมผสานส่วนประกอบเข้าด้วยกันอย่างเหมาะสม หากเกิดความคลาดเคลื่อนใด ๆ แม้เพียงเล็กน้อยมันก็จะส่งผลให้เกิดการล้มเหลวลงได้ และสิ่งที่ลำบากที่สุดคือมันยากที่จะระบุว่ามันเกิดความล้มเหลวที่ขั้นตอนไหน

หากมีใครสักคนยอมร่วมมือกับเขา บางทีเขาก็อาจจะเข้าใจในคุณสมบัติของตัวยาได้ดีขึ้น ซูเฉินอาจจะสามารถหาได้ว่า ณ จุดใดในระหว่างกระบวนการกันแน่ที่เขาทำพลาดไป

ในขณะที่ซูเฉินกำลังกังวลว่าเขาจะไปหาคนเช่นนี้ได้จากที่ไหน จู่ ๆ คนคนนั้นก็มาเคาะประตูหน้าถึงที่ด้วยตัวเอง

“มันดื่มยาทั้งหมดลงไปแล้ว” กังเหยียนเดินมาหาซูเฉินและแจ้งให้เขาทราบ “ตอนนี้มันกำลังกรีดร้องโหยหวนอยู่ในมุมนั้นและคร่ำครวญถึงบางอย่าง มันกล่าวว่ามันมาจากตระกูลฉางแห่งภูผาลมศักดิ์สิทธิ์ และเราจะต้องเสียใจในภายหลัง นายท่าน … ”

ซูเฉินหัวเราะเบา ๆ “ตระกูลฉาง ? ไม่ใช่ตระกูลไป๋ ? ทำไมเจ้ากลัวหรือ ?”

“ไม่” กังเยียนตอบอย่างมั่นใจ “ชีวิตของข้าเป็นของนายท่าน ข้าจะทำตามทุกอย่างที่ท่านสั่ง ข้าเพียงแค่เป็นกังวลเกี่ยวกับตัวท่าน ท้ายที่สุดแล้วตระกูลสายเลือดชั้นสูงก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถไปยั่วยุกันได้ง่าย ๆ ”

“ไม่สามารถไปยั่วยุได้ง่าย ๆ งั้นหรือ?” ซูเฉินพึมพำเบา ๆ

เขานึกถึงทัศนคติที่เจ้ากี้เจ้าการและท่าทางที่อวดดีของไป๋อี่หง

อย่างไรก็ตามผู้คนเช่นเขายังคงมีอีกมากมาย และเป็นตัวตนที่ธรรมดามากบนโลกนี้

สีหน้าของซูเฉินดูแย่ลงเล็กน้อย เขากล่าวขึ้นว่า “กังเหยียน ข้าจะไปหาอาจารย์ส่วนตัว”

ดวงตาของกังเหยียนทอประกายขึ้น “อาจารย์ส่วนตัว ? นี่เป็นวิธีที่ดี ! ด้วยการสนับสนุนจากอาจารย์ส่วนตัว แม้แต่ตระกูลสายเลือดชั้นสูงก็ไม่สามารถมายุ่งวุ่นวายกับท่านได้ ใช่แล้ว นายท่าน ท่านต้องการอาจารย์ท่านไหนมาเป็นอาจารย์ส่วนตัวของท่านรึขอรับ ?”

ซูเฉินขมวดคิ้วเบา ๆ เหตุผลที่เขาต้องการอาจารย์ส่วนตัว ไม่ใช่เพราะเขาต้องการผู้สนับสนุน

แต่สุดท้ายเขาก็บอกกับกังเหยียนไป “อาจารย์ส่วนตัวที่ข้าต้องการมีนามว่า ฉือไคฮวง”