ลูกเขยมังกร Royal Dragon Husband - บทที่ 246 กินข้าวฟรี
บทที่ 246 กินข้าวฟรี
“นี่คือเงินกว่าห้าร้อยล้านหยวนที่ตระกูลเติ้งมอบให้ นายรับไว้เถอะ” จูกว่างฉวนยิ้มพร้อมทั้งหยิบบัตรเดบิตออกมา
“ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันไม่ขาดแคลนเงิน เงินก้อนนี้นายเอากลับไปเถอะ ตระกูลจูของพวกนายทำธุรกิจ ยังต้องใช้เงิน”เฉินเฟิงฝืนยิ้ม ไม่ได้รับเงินไป
“เพื่อนเฉินเฟิง นายขาดแคลนเงินหรือไม่นั้น มันเป็นเรื่องของนาย เรื่องคืนเงิน มันเป็นเรื่องของฉัน นายยังช่วยตระกูลจูของพวกเราคืนเงินที่กู้มากว่าห้าร้อยล้านหยวน ฉันคงไม่มีหน้าจะไปเอาเงินนายอีกแล้ว” จูกว่างฉวนพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
“นี่ไม่ใช่เงินของฉัน นี่เป็นเงินของเติ้งซื่อชี”
“เพื่อนเฉินเฟิง นายพูดอย่างนี้ก็เกรงใจเกินไป ฉันนั้นรู้จักตัวเองดีพอ หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของเฉินเฟิง เป็นไปไม่ได้ที่เติ้งซื่อชีจะแสดงท่าทีที่มีต่อตระกูลจูเช่นนี้”
“อย่าว่าแต่ให้เงินตระกูลจูเลย ที่เติ้งซื่อชีไม่ทำให้ตระกูลจูล้มละลาย ก็ต้องขอบคุณบรรพบุรุษตระกูลจูแล้ว”
“จริงด้วย เพื่อนเฉินเฟิง นายอย่าพูดอีกเลย ไม่ว่ายังไง เงินก้อนนี้นายรับไปเถอะ มิฉะนั้น จะถือว่าไม่นับพี่นับน้องกับฉันจูกว่างฉวน” จูกว่างฉวนพูดใบหน้านิ่งๆ
“ก็ได้ ฉันรับไว้” เฉินเฟิงฝืนยิ้มพร้อมรับบัตรเดบิตมา จูกว่างฉวนพูดมาอย่างนี้แล้ว หากเขายังไม่รับไว้อีก ก็คงไม่มีอะไรให้พูดต่อไปอีกแล้ว
เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงรับบัตรไปแล้ว บนใบหน้าของจูกว่างฉวนถึงจะเผยรอยยิ้มออกมา : “ฮาๆ อย่างงี้แหละถึงจะสมกับที่เป็นเพื่อนรักของฉัน”
เฉินเฟิงส่ายหน้าพร้อมยิ้ม ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดกับจูกว่างฉวนว่าอย่างไรดี เพียงแค่เขา เผชิญหน้ากับเงินกว่าห้าร้อยล้านหยวน ก็ไม่สามารถสงบจิตใจลงได้เลย ท้ายที่สุดแล้วจูกว่างฉวนกลับเป็นว่ารู้สึกดี คืนเงินให้กับเขาโดยไม่ขมวดคิ้วแม้แต่น้อยเลย
“จูบเลย จูบเลย”
ทันใดนั้น ที่ห้องโถงใหญ่เกิดเสียงร้องดังลั่นขึ้นมา
เฉินเฟิงหันหน้า ไปมองตามทิศทางของเสียงที่ดังลั่น กลับเห็นล่างเวทีกลางห้องโถงใหญ่ รายล้อมไปด้วยแขกผู้มีเกียรติมากมาย ส่งเสียงโห่ร้องไห้กับคู่บ่าวสาวที่ยืนอยู่บนเวที
กลางเวทีงานเลี้ยง เจ้าสาวที่สวมชุดแต่งงานสีขาวหลับตาลงอย่างเขินอาย หลังจากนั้น เจ้าบ่าวร่างสูงใหญ่ที่สวมชุดสูทสีดำก็บรรจงจูบอย่างดูดดื่ม
กลุ่มคนต่างก็พากันส่งเสียงโห่ร้องดังอีกครั้ง เสียงปรบมือดังกึกก้อง
เฉินเฟิงอดไม่ได้เหลือบมองไปที่จูกว่างฉวนแวบหนึ่ง พบว่าใบหน้าของจูกว่างฉวนยังคงเผยรอยยิ้มเช่นเคย แต่นัยน์ตาลึกๆ กลับมีความเงียบเหงาที่ยากจะปิดบังได้อยู่ในนั้น
“ยังชอบเหรอ ?” เฉินเฟิงยิ้มพร้อมเอ่ยปากพูด
“ไม่ชอบแล้ว” จูกว่างฉวนส่ายหน้า ใบหน้ายังคงเผยยิ้มอย่างมีความสุขเช่นเดิม
เฉินเฟิงพยักหน้าเบาๆ ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
แม้จะไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ระหว่างจูกว่างฉวนและแฟนเก่าของเขาเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แต่บางคน พลาดไปแล้ว ก็คือทั้งชีวิต
หลังจากที่คู่บ่าวสาวบรรจงจูบกันแล้ว ก็เริ่มเดินไปชนแก้วตามโต๊ะ
ภายในห้องโถง บรรยากาศที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรื่นเริงและยินดีปรีดา
มีเพียงโต๊ะของเฉินเฟิงเท่านั้น ที่ค่อนข้างเบื่อหน่าย
ตั้งแต่ที่พูดประโยคว่าไม่ชอบแล้วนั้น จูกว่างฉวนก็รินเหล้าลงแก้วโดยที่ไม่เปล่งเสียงพูดสักคำ ดื่มหมดแก้วเพียงพริบตาเดียว อย่างกับคนเสียสติ
ในเวลานี้ เฉินเฟิงกลับว่าไม่พูดปลอบใจอะไรสักคำ
ความเป็นเพื่อนกัน สิ่งเดียวที่เขาต้องทำก็คือ ดื่มเป็นเพื่อนจูกว่างฉวน
ผ่านไปอย่างรวดเร็ว คู่บ่าวสาวที่ชนแก้ว(แสดงความเคารพ)ตามโต๊ะก็ชนมาถึงโต๊ะนี้
เมื่อเห็นสีหน้าที่แดงก่ำของจูกว่างฉวน เจ้าสาวก็ค่อนข้างที่จะหลบหลีกสายตาไป
แต่นัยน์ตาของเจ้าบ่าว กลับแสดงความเยือกเย็นออกมา
“ไอ้ซากศพหมู มึงมาทำไม?!”
เดินก้าวเข้ามายังตรงหน้าของจูกว่างฉวน เจ้าบ่าวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
จูกว่างฉวนในตอนนั้น ค่อนข้างที่จะเมาเล็กน้อย เจอคำถามที่เจ้าบ่าวเอ่ยถาม เขาถึงกับพงะไปโดยไม่รู้ตัว แต่ปากก็เอ่ยขอโทษออกมา : “ขอโทษนะ ไม่มีใครให้ฉันมา ฉันอยากมาเอง”
“มึงอยากมาเอง?!” เจ้าบ่าวหรี่ตาลง ตวาดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา : “ที่นี่เป็นงานแต่งงานของกูกับเสี่ยวเชี่ยน มึงจะมาทำอะไร?!”
“ฉันมาเพื่ออวยพรให้นายและเสี่ยวเชี่ยนจนแก่เฒ่า……”
“กูต้องการมึงอวยพรเหรอ?” จูกว่างฉวนยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนเจ้าบ่าวตัดบทอย่างไร้ความเมตตา
“กูว่ามึงก็คงเป็นไอ้ซากศพหมูที่ยังคงไม่ล้มเลิกความคิด ยังอยากได้เสี่ยวเชี่ยนสินะ!” เจ้าบ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาครั้งแล้วครั้งเล่า
จูกว่างฉวนขมวดคิ้ว : “นายคิดมากไปแล้ว ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น”
“ฮึ ไม่ได้คิดงั้นเหรอ?!ก่อนหน้านี้ไอ้ซากศพหมูตัวไหน ยังโทรหาเสี่ยวเชี่ยนอยู่ ให้เสี่ยวเชี่ยนแต่งงานกับมึง ตอนนี้มึงบอกว่าไม่ได้คิด!” เห็นได้ชัดว่าเจ้าบ่าวค่อนข้างที่จะควบคุมอารมณ์โกรธไม่ได้
จูกว่างฉวนเงียบขรึม หลังจากนั้นไม่นานถึงจะเงียบสงบลง : “ขอโทษ”
เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาโทรศัพท์ไปหาเน่เชี่ยนจริงๆ เพราะเขายังอยากเอาเธอกลับคืนมา ถึงอย่างไรเน่เชี่ยน เป็นผู้หญิงที่เขาชอบมาโดยตลอดสี่ปีในมหาวิทยาลัย
“ไสหัวไป!” เจ้าบ่าวชี้ไปทางประตูอย่างไร้ความเมตตา ข่มขู่ด้วยน้ำเสียงที่โหดเหี้ยม : “กูไม่อยากเห็นหน้ามึงอีก ต่อไปถ้าไอ้ซากศพหมูอย่างมึงมายุ่งกับเสี่ยวเชี่ยนอีก กูจะหักขามึง”
จูกว่างฉวนไม่พูดไม่จาสักคำ ลุกขึ้น เดินออกจากประตูไปเลย
เฉินเฟิงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เดินตามจูกว่างฉวนไป
“แม่งเอ้ย ไอ้ซากศพหมูมาเองก็ช่างมันเถอะ ยังจะพาเศษสวะมากินข้าวฟรีอีก” เจ้าบ่าวอดไม่ได้พูดด่าออกไป
จูกว่างฉวนหยุดย่างเท้าครู่หนึ่ง หมุนตัวกลับไปมองเจ้าบ่าวแวบหนึ่งด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก : “เฉินเฟิงเขาไม่ได้มากินข้าวฟรี”
“ไอ้ซากศพหมู กูไว้หน้าให้มึงไม่เอาใช่ไหม!” เจ้าบ่าวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เมื่อเห็นจูกว่างฉวน เดิมทีเขาก็โกรธอย่างมากอยู่แล้ว หากวันนี้จูกว่างฉวนยังกล้าที่จะมาต่อปากต่อคำต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ ก็จะยิ่งทำให้เขาโกรธจนควันออกหูเลยทีเดียว
“ฉันจะพูดอีกแค่ครั้งเดียว เฉินเฟิงเขา ไม่ใช่มากินข้าวฟรี” จูกว่างฉวนใบหน้าที่ขรึมเฉกเช่นน้ำ พูดเน้นทุกประโยคทุกคำ เจ้าบ่าวสามารถดูถูกเขาได้ แต่ดูถูกเฉินเฟิง ไม่ได้
จริงๆแล้วเป็นเพราะเขา เฉินเฟิงถึงได้มาที่โรงแรม ยิ่งไปกว่านั้นด้วยอสังหาริมทรัพย์ของเฉินเฟิง จะมาเพื่อกินข้าวฟรีๆได้อย่างไรกัน?
“ไม่ได้มากินข้าวฟรี?” เจ้าบ่าวหัวเราะออกมา เดินก้าวเข้ามาตรงหน้าของจูกว่างฉวน มองไปที่จูกว่างฉวน พูดจายั่วยุ : “แค่มึงบอกว่าเขาไม่ใช่แบบนั้นก็ไม่ใช่งั้นเหรอ?”
“เพื่อนที่รักทุกท่าน เศษสวะคนนี้ เหมือนกับไอ้ซากศพหมูใช่ไหม มาเพื่อกินข้าวฟรี?” เจ้าบ่าวชี้ออกไป พูดเสียงดัง เอ่ยถามแบบติดตลก
“ใช่!ฮาฮา”
กลุ่มคนต่างพากันหัวเราะ คนที่ยืนอยู่ในห้องโถงตอนนี้ ส่วนใหญ่ต่างก็เป็นเพื่อนเรียนที่สนิทของเจ้าบ่าว ในตอนนี้ แน่นอนว่าต้องอยู่ฝั่งเจ้าบ่าวอยู่แล้ว
“ได้ยินแล้วใช่ไหม?ไอ้ซากศพหมู!พวกเขาต่างก็บอกว่าใช่!” เจ้าบ่าวยังคงที่จะเยาะเย้ยและยั่วยุต่อ
“หลินตง นายอย่าให้มันมากเกินไปน่ะ!”
จูกว่างฉวนกำหมัดแน่น กระทุ้งกระพุ้งแก้ม นัยน์ตาพรั่งพรูไปด้วยความโกรธ
“กูทำเกินไป แล้วยังไง มึงจะกัดกูเหรอ? ” หลินตงยื่นมือออกไป ตบๆที่บนหน้าของจูกว่างฉวน อย่างน่าอับอายมาก
จูกว่างฉวนโมโหจนเส้นเลือดปูดออกมาที่หน้าผากแล้ว กำลังจะลงมือ เฉินเฟิงย่างเท้าก้าวไปข้างหน้า หยุดจูกว่างฉวนไว้
“ช่างมันเถอะ กว่างฉวน ไปกันเถอะ” เฉินเฟิงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง มองออก จูกว่างฉวนรักเจ้าสาวคนนี้มาก ดังนั้นเฉินเฟิงจึงไม่อยากให้ เป็นเพราะตัวเอง ทำให้จูกว่างฉวนหุนหันพลันแล่น ทำลายงานแต่งงานนี้
“ได้! ไปกัน!” จูกว่างฉวนกัดฟัน สูบลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมพูดออกมา
แต่เมื่อทั้งสองหมุนตัวไป เดินออกไปเพียงไม่กี่ก้าว จู่ๆหลินตงก็ตะโกนเสียงดังลั่น
“เดี๋ยวก่อน!”
จูกว่างฉวนหยุดย่างก้าว พูดออกมาด้วยเสียงที่เคร่งขรึม : “หลินตง นายยังมีอะไรอีก?”
หลินตงหัวเราะออกมาพร้อมพูดแบบติดตลก : “นาฬิกาของเพื่อนกูหายไป”
“เพื่อนของนายนาฬิกาหาย แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน?!” จูกว่างฉวนระงับความโกรธเอาไว้พร้อมพูดถามกลับไป