สลับชะตา ชายามือสังหาร - ตอนที่ 402 อดีตของเสี่ยวเมิ่ง
ซือหม่าโยวเย่ว์ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ทุกคนล้วนกินอาหารสุกกันทั้งนั้น”
“อาหารสุกคืออะไรหรือ” เสี่ยวเมิ่งถามต่อ
“อีกประเดี๋ยวให้พวกเขาทำให้เจ้าสักหน่อย เจ้ากินแล้วก็จะรู้เองนั่นแหละ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ดี” เสี่ยวเมิ่งพยักหน้าอย่างดีใจ
เจ้านายมิได้ด่านาง ทั้งยังบอกว่าจะทำอาหารสุกให้นางกินอีก เจ้านายช่างแสนดีเหลือเกิน!
“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราไปล้างเนื้อล้างตัวกันก่อนดีกว่านะ” เธอลากนางออกจากเล้าแล้วพูดว่า “เจ้าวิญญาณน้อย ไปปรุงไก่ฟ้ากลับมาที อืม… ปรุงสัตว์ป่าอย่างอื่นมาด้วยล่ะ”
“ตะกละนัก!” เจ้าวิญญาณน้อยปรากฏตัวขึ้นแล้วมองเสี่ยวเมิ่งพลางเอ่ยขึ้น
แต่ในดวงตานั้นกลับมิได้มีแววตำหนิมากมายสักเท่าใดนัก
สัตว์ป่าภายในเจดีย์วิญญาณมีอยู่มากมาย มันกำลังรู้สึกว่าระยะหลังๆ มานี้สัตว์ป่าเพิ่มจำนวนขึ้นเร็วเหลือเกิน ไม่มีทางหมดแน่นอน
หลิงหลงนั่งอยู่บนหัวไหล่ของเจ้าวิญญาณน้อยพลางเอ่ยว่า “เจ้านายช่างอ่อนโยนกับเสี่ยวเมิ่งเหลือเกิน”
“กับเจ้าก็อ่อนโยนมากเช่นกันนั่นแหละ” เจ้าวิญญาณน้อยพูดจบแล้วพานางไปจากที่นั่นเพื่อไปจับสัตว์ป่า
“เป่ยกง อีกประเดี๋ยวพวกเจ้าก็ทำของกินได้ตามใจชอบเลยนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดแล้วพาเสี่ยวเมิ่งจากไป
ทิ้งคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวกลุ่มหนึ่งเอาไว้
“ข้าสงสัยว่าเหตุใดโยวเย่ว์ถึงได้ดีต่อสัตว์อสูรแห่งฝันร้ายตนนี้เหลือเกิน” เจ้าอ้วนชวีถาม
“ข้าก็รู้สึกเช่นกัน มิได้ดีแบบธรรมดาเสียด้วยสิ” เว่ยจือฉีพูด
“ออกจะแตกต่างกับยามปกติอยู่สักหน่อยนะ” โอวหยางเฟยเอ่ยอย่างเห็นด้วย
“เป็นไปได้ว่าอาจมีเหตุผลอะไรกระมัง” เป่ยกงถังพูด
“กุ๊กๆ…”
“จิ๊บๆ…”
“กาๆ…”
ทันใดนั้นสัตว์ป่าฝูงหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นในเล้า เสียงของแต่ละชนิดดังก้องไปทั่วทุกทิศ
“มากมายเช่นนี้…” เป่ยกงถังหยิบขนที่ปลิวมาติดผมออกพลางเอ่ยว่า “เริ่มปรุงกันดีกว่า ไม่อย่างนั้นอีกประเดี๋ยวโยวเย่ว์ออกมาแล้วจะยังทำไม่เสร็จนะ”
พวกเว่ยจือฉีต่างกลั้นหัวเราะแล้วพยักหน้า ก่อนจะเริ่มลงมือทำ
“อยากรู้จริงๆ ว่าเหตุใดโยวเย่ว์จึงได้อ่อนโยนต่อเสี่ยวเมิ่งถึงเพียงนั้น…”
ซือหม่าโยวเย่ว์พาเสี่ยวเมิ่งไปยังห้องอาบน้ำของตน ซึ่งในสระน้ำได้เตรียมน้ำเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
“เจ้านาย นี่จะทำอะไรหรือ” เสี่ยวเมิ่งถามพลางมองสระน้ำอย่างใคร่รู้
“นี่คือการอาบน้ำ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เจ้าถูกกักขังเอาไว้ที่นี่มาเนิ่นนาน มาอาบน้ำให้ดีๆ ก่อน หลังจากนั้นค่อยไปกินอาหารรสเลิศหอมกรุ่น”
“เจ้านาย เหตุใดจึงต้องอาบน้ำก่อนแล้วถึงจะกินได้เล่า” เสี่ยวเมิ่งถาม
“เพราะตอนนี้เจ้าอยู่ในร่างมนุษย์แล้ว ก็ต้องใช้ชีวิตให้เหมือนมนุษย์หน่อยสิ”
ซือหม่าโยวเย่ว์อุ้มตัวนางวางลงในน้ำ ในตอนแรกนางกลัวน้ำอยู่บ้าง จึงคว้าเสื้อผ้าซือหม่าโยวเย่ว์เอาไว้แน่น แต่เพียงไม่นานนางก็ค้นพบข้อดีของน้ำ จึงปล่อยซือหม่าโยวเย่ว์แล ล้วลงไปในน้ำเอง
คราบเลือดบนร่างนางถูกชำระล้างจนสะอาดเอี่ยม
ซือหม่าโยวเย่ว์พิงอยู่ข้างสระ พลางมองดูใบหน้าไร้เดียงสาของเสี่ยวเมิ่ง แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ตอนทำพันธสัญญา เธอได้เห็นความทรงจำที่ซ่อนเร้นเอาไว้ลึกที่สุดในห้วงสมองของมันผ่านการทำพันธสัญญา ซึ่งความทรงจำเหล่านั้นทำให้เธออดเจ็บปวดใจแทนมันมิได้
เสี่ยวเมิ่งเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงส่งที่สุดของเผ่าพันธุ์มารฝันร้าย ตั้งแต่เกิดมานางก็มีพลังยุทธ์ระดับราชาปีศาจแล้ว สูงส่งกว่าชาวเผ่าธรรมดาไม่น้อย
ถึงแม้ว่าเผ่าพันธุ์มารฝันร้ายจะมิได้โหดเหี้ยมดังเช่นเผ่ามารอื่นๆ แต่ก็มีสัญชาตญาณของเผ่ามาร มิได้มีนิสัยเมตตา แต่เสี่ยวเมิ่งกลับมิได้ชั่วร้ายเลยแม้แต่น้อย ถึงขนาดที่ไม่เคยทำ เรื่องเลวร้ายเลยแม้แต่เรื่องเดียวก่อนที่จะถูกสะกด เพียงแค่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ภายในเผ่าเท่านั้น
แต่ชีวิตเช่นนี้มิได้คงอยู่นานสักเท่าใดนัก สามปีให้หลัง เผ่ามารอื่นๆ ก็นำคนมาทำลายเผ่าพันธุ์มารฝันร้าย สังหารสมาชิกเผ่าพันธุ์ของเสี่ยวเมิ่งจนหมดสิ้น
สงครามในตอนนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด ความทรงจำของเสี่ยวเมิ่งก็มิได้บันทึกเอาไว้มากมายสักเท่าใดนัก แต่สมาชิกเผ่าปกป้องเสี่ยวเมิ่งอย่างไร หลังจากเสี่ยวเมิ่งถูกจับตัวมาแล้วถูกทารุณอย ย่างไรนั้น นางจดจำได้อย่างชัดเจน
พวกมันบอกว่าภายในร่างกายของเสี่ยวเมิ่งมีอะไร จับตัวนางมาก็เพื่อชิงของสิ่งนั้นมา ว่ากันว่าสิ่งนั้นอยู่ในหัวใจของเสี่ยวเมิ่ง จึงมีเพียงการฉีกทึ้งหัวใจเท่านั้นถึงจะนำออกมาได้
แต่เมื่อใดที่พวกเขาทำร้ายหัวใจของเสี่ยวเมิ่ง พวกเขาก็จะถูกทักษะของตัวเองโจมตีย้อนกลับ หลังจากพยายามอยู่หลายปี พวกเขาก็พบว่านางเป็นอมตะ ต่อให้บาดเจ็บสาหัสเพียงใด หรือพยายาม มจะทำลายหัวใจ สุดท้ายก็จะค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้นมาได้อยู่ดี
นี่คือสัตว์มารที่ไม่มีวันตาย!
เพราะเป็นผู้ที่มีพลังยุทธ์ระดับราชาปีศาจโดยกำเนิด ทั้งยังฆ่าไม่ตาย พวกเขาจึงได้แต่เลือกที่จะสะกดนางเอาไว้ อย่างดีที่สุดก็คือให้นางมิอาจเห็นเดือนเห็นตะวันได้อีกตลอดกาล
เพื่อความปลอดภัย พวกเขาถึงกับเลือกดินแดนอี้หลินซึ่งเปิดอุโมงค์ทางเดินได้ยากที่สุด แล้วสะกดนางเอาไว้ที่เกาะลืมกังวล ก่อนที่จะสะกด พวกเขายังได้ผนึกความทรงจำของนางเอาไว้ด้วย ย ทำให้นางลืมเลือนทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยประสบมาไปเสีย
นอกจากนี้พวกเขายังผนึกผู้อื่นเอาไว้ด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นจึงค่อยสะกด
เสี่ยวเมิ่งสับสนงงงวยมาตลอดหลายปี ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ประสบอะไรมา หรือแม้กระทั่งตัวเองเป็นใครก็ยังนึกไม่ออก ถึงขนาดที่หลายปีมานี้ได้แต่รักษาสภาวะอย่างเดียวมาโดยตลอด
เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะสะกดเสี่ยวเมิ่งเอาไว้ได้ตลอดกาล แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะดึงดูดซือหม่าโยวเย่ว์มาที่นี่ สุดท้ายก็ทำลายค่ายกลของพวกเขา และยังได้อ่านความทรงจำที่ถูกผนึกเอาไ ไว้ในตอนที่ทำพันธสัญญาอีกด้วย
นางถูกสะกดเอาไว้ที่นี่มากี่ปี นางเองก็ยังไม่รู้เลย
หลายปีก่อนที่กลืนกินสิ่งมีชีวิตบนเกาะ ก็เพราะดึงดูดมาโดยไม่ตั้งใจหลังจากที่ผนึกบนร่างนางคลายออก ด้วยสาเหตุที่แท้จริงก็คือ…หิวมาก
“เจ้านาย การอาบน้ำช่างสบายเหลือเกิน!” เสี่ยวเมิ่งยังจำเรื่องราวที่เคยประสบมาไม่ได้ จึงยังว่ายน้ำด้วยรอยยิ้มเบิกบานใจ
“เช่นนั้นก็อาบให้นานหน่อยสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์ลูบหัวนางพลางเอ่ยขึ้น
“แต่ว่า…” เสี่ยวเมิ่งมองซือหม่าโยวเย่ว์พร้อมเขินตัวบิดแล้วพูดขึ้น
“ทำไมหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“อาบน้ำสบายมากก็จริง แต่เสี่ยวเมิ่งหิวแล้วน่ะสิ” เสี่ยวเมิ่งก้มหน้าพูดเสียงเบา
ซือหม่าโยวเย่ว์เบ้ปาก เพิ่งจะกินไก่ป่าไปเกือบร้อยตัว อาบน้ำครั้งเดียวก็หิวเสียแล้ว
“เช่นนั้นพวกเราออกไปกินข้าวกันดีกว่านะ” เธอลุกขึ้นยืนแล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าสะอาด หลังจากควานหาในกองเสื้อผ้าของตัวเองแล้วก็ไม่พบเสื้อผ้าเด็กเลย
เธอจึงไปหาเสื้อผ้าของเสี่ยวถูมาให้นางใส่ ถึงแม้ว่าจะดูประหลาดอยู่บ้าง แต่ก็มีเพียงแค่นี้เท่านั้น รอให้ออกไปข้างนอกก่อนแล้วค่อยเตรียมเสื้อผ้าให้นางแล้วกัน
เมื่อเสี่ยวเมิ่งเห็นเสื้อผ้าที่ไม่เหมาะสมกับตัวเองแล้วก็ยังคงเบิกบานใจเป็นอย่างยิ่ง เจ้านายของตนช่างแสนดีเสียจริง!
ซือหม่าโยวเย่ว์พานางไปยังห้องอาหาร ยังไปไม่ถึงก็ได้กลิ่นหอมลอยมาเสียแล้ว
“เจ้านาย ช่างหอมเหลือเกิน!” เสี่ยวเมิ่งจูงมือซือหม่าโยวเย่ว์ นางยืนอยู่ข้างนอกแล้วพูดขึ้น
“เช่นนั้นพวกเราเข้าไปดูดีกว่าว่าพวกเขาทำของอร่อยอะไรกัน”
“ดี”
ภายในห้องอาหาร สัตว์ป่าหลายร้อยตัวถูกต้มผัดแกงทอดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แทบจะเต็มแน่นไปทั่วทั้งห้องอาหารเลยทีเดียว
เมื่อเห็นพวกนางเข้ามา เจ้าอ้วนชวีก็ปาดเหงื่อเยียบเย็นบนหน้าผากแล้วพูดว่า “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีวันที่ข้าทำอาหารให้ผู้อื่นกินด้วย”
“เจ้านาย พวกนี้ให้ข้ากินทั้งหมดเลยหรือ” เสี่ยวเมิ่งถาม
“ใช่แล้ว ไปกินเสียสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์จูงนางมาที่ข้างโต๊ะอาหาร แล้วมองดูนางเอื้อมมือไปคว้าไก่ย่างตัวหนึ่งมาเริ่มต้นกัดกิน
ตอนที่เสี่ยวเมิ่งกินคำแรกก็มิได้รู้สึกว่าสิ่งนี้อร่อยแต่อย่างใด จึงขมวดคิ้วโดยสัญชาตญาณ แต่เมื่อนึกถึงที่ซือหม่าโยวเย่ว์บอกว่านางเป็นมนุษย์คนหนึ่งแล้ว ก็ต้องกินอาหารปรุ งสุกเหมือนมนุษย์ จึงได้กัดฟันเคี้ยวกินต่อไป
หลังจากกินไก่ตัวแรกหมดแล้ว นางก็เหมือนจะค่อยๆ ชอบอาหารที่มีรสชาติแปลกประหลาดต่างๆ นานาเหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกว่าอาหารสุกก็มิได้กินยากถึงเพียงนั้น จากนั้นจึงเริ่มกิน นอย่างดีอกดีใจ
ไม่นานนักอาหารที่พวกเป่ยกงถังทำก็เข้าไปอยู่ในท้องของเสี่ยวเมิ่งจนหมด