สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 407 ยืมคน
ตอนที่ 407 ยืมคน
……….
เฮ่อชิงเซียววิเคราะห์ “ฝ่ายตรงข้ามอาจจะลงมือกับแปลงปลูกมันหวานในคืนสองคืนนี้ หากข้านำกำลังคนไป ทางนี้จะรับมือไม่ไหว”
“เจ้านำไปสองสามคนก็พอ คุณหนูไป๋จะได้ไม่เกิดอันตราย ไม่แน่ว่ายังอาจจับตัวพวกนั้นได้อีกด้วย ทางนี้มีคนอยู่มาก มีเพิ่มอีกสองสามคนก็ไม่แตกต่าง”
เฮ่อชิงเซียวนิ่งจ้องมองซินโย่ว
เพิ่มอีกสองสามคนไม่แตกต่างก็จริง แต่ทว่าตอนเกิดเรื่อง เขาไม่ได้อยู่ข้างกายนาง ย่อมแตกต่างมาก
“ไปเถอะ” ซินโย่วผลักเขาเบาๆ ทีหนึ่ง “อย่าได้เป็นห่วงข้า ข้าหาคนมาช่วยได้ ท่านรีบไปติดต่อกองกำลังฉางผิง รอให้ทหารกองใหญ่มาก็จะคลายกังวลได้”
“หาคนมาช่วย?”
ซินโย่วแย้มยิ้ม “ข้าไปขอให้นายอำเภอจางช่วย”
นายอำเภอจางไม่แน่ว่าจะไว้ใจได้ แต่ทว่าย่อมกลัวตาย
เฮ่อชิงเซียวเข้าใจความคิดซินโย่ว จึงไม่รอช้าอีก “ได้ ข้าไปช่วยคุณหนูไป๋ อาโย่ว เจ้าต้องดูแลตนเองให้ดี”
“วางใจ มีเชียนเฟิงกับผิงอันอยู่”
ได้ยินซินโย่วเอ่ยถึงองครักษ์สองนาย เฮ่อชิงเซียวก็มีสีหน้าสับสน
สองสามเดือนมานี้ เขากับอาโย่วใกล้ชิดกันบ้าง ผู้ที่ไม่อาจพบเจอที่สุดก็คือสองคนนี้
พอเฮ่อชิงเซียวไปแล้ว ซินโย่วก็ไปพบนายอำเภอจาง
“ใต้เท้าจาง เรื่องมือสังหารมีเบาะแสแล้วหรือยัง” ซินโย่วรู้อยู่แต่ก็ยังถาม
นี่นับว่าเป็นวิธีการการรบแบบจิตวิทยาซึ่งหน้า เอ่ยถึงเรื่องที่ฝ่ายตรงข้ามมีหน้าที่แต่ทำได้ไม่ดี แล้วค่อยเอ่ยข้อเรียกร้อง อีกฝ่ายย่อมรับปากง่ายดาย
นายอำเภอจางเผยสีหน้าขออภัยรู้สึกผิด “ยังกำลังตรวจสอบอยู่ มือสังหารเป็นคนแปลกหน้า ตอนนี้ยังสืบประวัติไม่ได้ ขอคุณหนูซินให้เวลาอีกสักระยะ…”
นายอำเภอจางกล่าวอย่างสุภาพ แอบบ่นในใจว่าเรื่องเพิ่งเกิดเที่ยงวานนี้ เช้าวันนี้ก็มาถาม เจ้าของที่ยังไม่เข้มงวดกับผู้เช่าที่มากเพียงนี้เลย
“ค่อยๆ ตรวจสอบไปก็ได้ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ข้าคิดขอให้ใต้เท้าจางช่วย”
“คุณหนูซินเชิญกล่าว”
“ข้าเป็นกังวลว่าผู้บงการจะมุ่งทำลายพืชที่พวกข้าปลูก อยากขอยืมคนใต้เท้าจางจำนวนหนึ่งมาคุ้มกันแปลงนา”
คุ้มกันแปลงนา?
นายอำเภอจางควบคุมสีหน้าตนเองไม่ได้ไปชั่วขณะหนึ่ง
จะว่าไป เขาเองก็แปลกใจกับบรรดากลุ่มคนสูงศักดิ์จากเมืองหลวงเหล่านี้มานานแล้วว่ามาพื้นที่ห่างไกลเช่นที่นี่ของพวกเขาทำไมกัน แท้จริงทำงานอันใดกัน
พื้นที่เพาะปลูกสิบห้าหมู่ปลูกเถาพืชเขียวขจี เขาส่งคนแอบไปสอบถามชาวนารับจ้าง ก็บอกเพียงว่าเป็นเถาพืชป่าที่ชื่อว่าชุนเกินเถิง พบเห็นได้บ่อยตามชายป่า
องค์หญิงหนึ่ง ท่านโหวหนึ่ง ผู้ตรวจการหนึ่ง มหาขันทีข้างพระวรกายฮ่องเต้อีกหนึ่ง เดินทางรอนแรมมาเพื่อปลูกพืชป่าที่นี่?
นายอำเภอจางไม่มีทางเชื่อ แอบลอบเขียนจดหมายไปถามสหายในเมืองสืบข่าวคราวบ้าง
สหายรักตอบกลับมาว่า คุณหนูซินที่เป็นที่เล่าขานกันในเมืองหลวง ออกจากเมืองหลวงเงียบๆ มาหาพื้นที่อุดมปลูกต้นไม้เขย่าเงินทองผืนหนึ่ง
การกล่าวเช่นนี้นั้น…หากไม่เห็นด้วยตาว่าเป็นพื้นที่ต้นไม้เลื้อยทั่วพื้นที่สิบกว่าหมู่ เขาก็อาจจะเชื่อไปแล้ว…
“ใต้เท้าจางอาจจะอยากรู้ เถาไม้เลื้อยพื้นที่สิบกว่าหมู่นั่นเหตุใดจึงได้รับความสำคัญเพียงนี้” ซินโย่วเห็นท่าทางนายอำเภอจางแล้วก็หัวเราะ “เดิมตอนมาถึงที่นี่ก็คิดจะบอกใต้เท้าจาง แต่ทำอย่างไรได้ พวกข้าได้รับพระบัญชาให้ดำเนินการเป็นความลับ ไม่อาจปล่อยให้แพร่ออกไปได้ ขอใต้เท้าจางโปรดเข้าใจ”
“เข้าใจๆ” นายอำเภอจางยิ้มกว้าง
“พื้นที่สิบกว่าหมู่นี้ ฝ่าบาทให้ความสนพระทัยอย่างมาก รอให้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวก็เสด็จมาดูด้วยพระองค์เอง”
นายอำเภอจางได้ยินก็ตกใจอย่างมาก “ฮ่องเต้จะเสด็จมา?”
“อืม” ซินโย่วพยักหน้า น้ำเสียงหนักแน่น “ก่อนมาฝ่าบาทตรัสเช่นนี้”
คำพูดนี้คือวาจาลวงหลอก แต่นางคาดเดาว่า ไม่แน่คนผู้นั้นอาจลงใต้เพื่อมันหวาน
นายอำเภอจางคิดไม่ถึงว่าสาวน้อยตรงหน้าพูดจาท่าทีสบายๆ เอ่ยอ้างฮ่องเต้ ก็เชื่อสนิทใจ และยังตื่นเต้นจนใจเต้นโครมคราม “ฝ่าบาทจะเสด็จอำเภอเวิน เช่นนั้นก็เป็นวาสนายิ่งใหญ่ของอำเภอเวิน…”
ซินโย่วรอให้นายอำเภอจางซาบซึ้งจบก็ถอนหายใจเอ่ยว่า “แต่ว่าหากที่นาพวกนี้เกิดเหตุผิดพลาด พวกข้าย่อมต้องโดนลงอาญา ฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญเพียงนี้ ทุกคนในที่ทำการอำเภอนี้ก็จะยากหนีความผิดพ้น ไม่ว่าใต้เท้าจางหรือเจ้าหน้าที่ที่นี่ เกรงว่าก็คงโดนปลดจากตำแหน่งและมีโทษหนักถึงขั้นประหาร…”
นายอำเภอจางสีหน้าซีดเผือด จากความซาบซึ้งตื่นเต้นกลายเป็นความตกใจหวาดกลัว “คุณหนูซิน ที่นาเหล่านี้มีความสำคัญเพียงนี้จริงหรือ”
ซินโย่วเลิกคิ้ว “ไม่เช่นนั้นพวกข้าเหตุใดต้องเดินทางจากเมืองหลวงมาโดยเฉพาะ และมาเลือกพื้นที่อุดมสมบูรณ์ของอำเภอท่านกัน”
นายอำเภอจางตบหน้าขาฉาดใหญ่ ใช่เลย!
ซินโย่ว “…”
“คุณหนูซิน” นายอำเภอจางหรี่เสียงแผ่วลงไม่รู้ตัว เอ่ยด้วยท่าทางลึกลับว่า “หรือว่าที่ท่านปลูกจะเป็น…”
กล่าวว่าเป็นต้นไม้เขย่าเงินทอง เขาก็รู้สึกว่าไร้สติปัญญาไปสักหน่อย หยุดไปเล็กน้อยก่อนถามว่า “ของล้ำค่า?”
ซินโย่วแย้มยกมุมปาก ยิ้มเอ่ยว่า “ก็ประมาณนั้นกระมัง ของล้ำค่าล้ำค่ากว่าที่ใต้เท้าจางจะจินตนาการได้ เป็นของล้ำค่าที่ฝ่าบาททรงยินดีแลกด้วยเงินในคลังหลวงหมดคลัง”
นายอำเภอจางได้ยินก็ตาค้าง เหงื่อเย็นค่อยๆ หลั่งออกมา ยกมือปาดเหงื่อไม่หยุด
ของล้ำค่าเช่นนี้ หากเกิดเรื่อง สูญเสียตำแหน่งหัวหลุดจากบ่าเกรงว่าคงไม่พอ ไม่แน่ว่ายังต้องประหารเก้าชั่วโคตร!
“พวกเราไม่ต้องการทำให้เอิกเกริก จึงได้นำคนมาไม่มาก เมื่อวานเกิดเหตุลอบสังหาร ข้าเป็นห่วงว่าคนพวกนั้นคิดมุ่งทำลายที่นาเหล่านั้น จำต้องมาขอยืมคนจากใต้เท้าจางไปเฝ้าที่นาสักสองสามวัน”
“เพียงแค่สองสามวัน?”
ซินโย่วพยักหน้า
นายอำเภอจางสูดลมหายใจเฮือกหนึ่งก่อนถามว่า “คุณหนูซิน ท่านว่าสองร้อยคนพอไหม”
ซินโย่วเผยสีหน้าตกใจ “จัดหาคนมาได้มากเพียงนี้เทียวหรือ”
ที่ทำการอำเภอไม่ได้มีคนมากมายเช่นนี้
“ใช้เพียงแต่ไม่กี่วัน ย่อมไม่มีปัญหา”
เจ้าหน้าที่อำเภอไม่พอ ก็เอาที่อื่นมาผสม ชีวิตทุกชีวิตในครอบครัวเขาไม่อาจประมาทได้!
“เช่นนั้นก็ขอบคุณใต้เท้าจางแล้ว รอให้เก็บเกี่ยวของล้ำค่าราบรื่น ข้าก็จะทูลต่อฝ่าบาทว่าเป็นความชอบของใต้เท้าจาง”
“สมควรๆ ล้วนเป็นหน้าที่ข้า”
ดังนั้นตอนซินโย่วกลับไปก็นำคนสิบกว่าคนกลับไปด้วย พร้อมกับรองนายอำเภออีกหนึ่ง
พวกขุนนางเช่นนายอำเภอจางนี้อาจสมคบคิดกับคนพวกนั้นก็เป็นได้ แต่ทว่าให้พวกเขาได้รู้ว่า หากพื้นที่เพาะปลูกมันหวานเกิดเรื่อง ทั้งครอบครัวย่อมประสบภัยหายนะ แม้ไม่ยินดีเพียงใดก็ได้แต่จำใจช่วยเหลือเฝ้าแปลงเพาะปลูกไว้ อย่างไรคนพวกนั้นก็อยู่ในที่ลับ พวกนายอำเภอจางอยู่ในที่แจ้ง ทันทีที่เกิดเรื่องก็จะไม่อาจพ้นความกริ้วของโอรสสวรรค์ไปได้
เส้นทางไปยังกองกำลังฉางผิง ม้าสามตัวพร้อมคนบนหลังม้าพุ่งทะยานไป ร่างสตรีในชุดขาวสว่างด้านหน้าสุดก็คือไป๋อิง
นางขี่ม้าสีน้ำตาลแดงสง่างามตัวหนึ่ง เพราะซินโย่วเตือนสติก่อนออกเดินทาง ตอนรู้สึกว่าผิดปกติจึงได้กระโดดลอยตัวขึ้น ก่อนจะตีลังกาลงพื้นได้อย่างมั่นคง
เสียงม้าร้องดัง ขณะที่ม้าโดนขวางสะดุดนั้นเอง เงาร่างสิบกว่าสายก็วาบออกมาจากสองข้างทาง ตวัดดาบฟันพวกไป๋อิงสามคนจนร่วงจากหลังม้า
คนชุดดำปิดหน้าสิบกว่าคนพร้อมอาวุธมีดดาบครบมือ แต่งตัวเหมือนโจรในภาพความคิดของผู้คนทั่วไป เข้ามารุมล้อมไม่เอ่ยอันใดก็ตวัดดาบใส่อย่างดุดัน
แม้ว่าไป๋อิงเป็นหญิง แต่ได้รับพรสวรรค์จากมารดา กอปรกับฝึกฝนหนัก นับได้ว่าเป็นยอดฝีมือ
คนชุดดำปิดหน้าสิบกว่าคนมิใช่พวกไร้ฝีมือ ท่ามกลางจำนวนคนที่ได้เปรียบกว่า สองฝ่ายประมือเพียงไม่ถึงชั่วดื่มน้ำชาหนึ่งจอก ก็มีคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บแล้ว
ไป๋อิงได้ยินเสียงลูกน้องร้องเจ็บปวด ก็กัดฟันตวัดดาบใส่ไปเพื่อถือโอกาสที่ฝ่ายตรงข้ามหลบ เปิดช่องว่างกระโจนไปด้านหน้า
นางไม่ใช่ไม่สนใจชีวิตลูกน้อง แต่ภารกิจสำคัญยิ่งกว่า
หลังจากผ่านไปหนึ่งเค่อ ร่างไป๋อิงก็ชุ่มไปด้วยโลหิต มองดูกลุ่มคนรุกไล่เข้ามาด้วยแววตาเย็นชา