หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 375 ละทิ้งงานทุกอย่าง ความสุขของงานวิวาห์ (1)
ตอนที่ 375 ละทิ้งงานทุกอย่าง ความสุขของงานวิวาห์ (1)
ถังเซียวอี้ยกจอกเหล้าไปชนกับจอกของซูอวี้ผิง แล้วถามว่าช่วงนี้ท่านซื่อจื่อทำอะไรในจวน เหตุเพราะช่วงนี้ซูอวี้ผิงยังคงไว้อาลัยอยู่ จึงพลาดโอกาสออกรบที่เขตตอนเหนือในครั้งนี้ ภายในใจค่อนข้างรู้สึกโดดเดี่ยว จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เสวนาเรื่องที่เกิดขึ้นตอนทำศึกสงครามกับเหล่าแม่ทัพที่กลับจากการรบในเขตชายแดนตอนเหนือ ดังนั้นจึงพูดคุยกับถังเซียวอี้
เฟิงเซ่าเชินและโจวเฉิงหยางอยู่พูดคุยด้วยกันตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว พวกเขาสองคนล้วนเป็นปัญญาชนจึงมีประเด็นให้พูดคุยมากกว่า พวกเขาดื่มสุราและวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเสียงดนตรีที่ส่งมา ต่างไม่ได้สนใจในประเด็นที่เหล่าแม่ทัพเสวนากันแม้แต่น้อย
หันซังจี่อายุยังน้อย เรื่องที่เหล่าพี่ๆ คุยกัน เขาพูดแทรกไม่ได้เลย จึงไปร่วมพูดคุยกับทางฝั่งเฟิงเซ่าเชิน
กลับกล่าวถึงอวิ๋นคุนที่ออกจากงานเลี้ยง เขาตามผัวจื่อคนหนึ่งไปที่สุขา หลังจากล้างมือออกมาก็รู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อย ถึงแม้เขาจะคอแข็ง ทว่าก็ดื่มหนักเกินไป ดังนั้นจึงสั่งให้ผัวจื่อไปได้ ตนเองไปเดินเล่นตรงต้นทับทิมที่ตอนนี้กำลังออกดอก
นี่เป็นช่วงเดือนห้า จึงเป็นช่วงที่ดอกทับทิมเบ่งบานพอดี ต้นทับทิมที่มีอายุสี่ห้าสิบปีนั้นเต็มไปด้วยดอกสีแดงดูเร่าร้อนยิ่งนัก
อวิ๋นคุนเดินไปใกล้แล้วยกมือขึ้นเด็ดดอกทับทิมที่กำลังผลิบานมาหนึ่งดอก พร้อมทั้งนั่งยิ้มอย่างขมขื่นบนหินที่อยู่ใต้ต้นทับทิม
สีแดงเจิดจรัสนี้ประดุจพลอยแดงทับทิม และโดดเด่นดุจดั่งหมู่ดาวที่ระยิบระยับอยู่บนฟากฟ้า ความงดงามและความเย้ายวนใจที่ส่องประกายนี้ กำลังอุปมาถึงนางชัดๆ
พอนึกถึงยัยหนูคนนั้นที่นั่งกินทับทิมบนตักของตนเอง เม็ดทับทิมสีแดงอันเจิดจรัสนั้น ทำให้คนหลงใหลเป็นพิเศษ นางโยนเม็ดทับทิมเข้าปาก ทำให้นางที่ได้ลิ้มรสเปรี้ยวจนคิ้วชนกัน จากนั้นก็ร้องโอ๊ยไม่หยุด ท่านพี่ช่างเลวยิ่งนัก! เกลียดท่านพี่!
เขาหัวเราะอย่างอิ่มเอมใจ แล้วยื่นมือไปรับเม็ดทับทิมที่นางคายออกมา ทั้งยังให้มือเล็กๆ ของนางจับจมูก หู แม้กระทั่งปากของตนด้วยความเต็มใจ…
ทว่าแม้จะผ่านเรื่องราวหลายๆ อย่างมามากมาย ยัยหนูน้อยคนนั้นที่เขาอยากจะเก็บไว้ในอ้อมกอดไปชั่วนิรันดร์ วันนี้กลับต้องไปเป็นภรรยาของคนอื่นเสียแล้ว!
ความรู้สึกในตอนนี้ของอวิ๋นคุน มันเปรี้ยวยิ่งกว่าทับทิม
“ท่านพี่?” หันหมิงชั่นที่มองที่ไกลๆ และเห็นว่าบุรุษคนนี้เหมือนจะเป็นอวิ๋นคุน กลัวว่าเขาจะเมาและเผลอหลับอยู่ที่นี่จึงมาดูอาการเขาเสียหน่อย กลับเห็นสีหน้าเขาที่กำลังครุ่นคิดบางอย่างเงียบๆ ไม่มีอาการมึนเมาแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงเดินไปตรงหน้าเขา แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงเบา “เหตุใดท่านถึงมานั่งอยู่ที่นี่ตามลำพังเล่า”
“ชั่นเอ๋อร์?” อวิ๋นคุนเงยหน้ามองหันหมิงชั่น นางยืนอยู่ใต้ดวงอาทิตย์ ดวงหน้าของนางที่สะท้อนแสงจึงมองไม่ชัดเจน ทว่ากลับเห็นรูปร่างของนางอย่างชัดเจน เหมือนนี่เป็นเพียงความฝัน อวิ๋นจึงขานเรียกด้วยเสียงต่ำ “ชั่นเอ๋อร์”
หันหมิงชั่นอมยิ้มเบาๆ แล้วเอ่ยถาม “ท่านพี่ ให้คนเตรียมชาสร่างเมาให้ท่านหน่อยไหม”
อวิ๋นคุนส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม แล้วยกมือตบที่นั่งว่างด้านข้าง “นั่งนี่ ข้ามีอะไรจะคุยกับเจ้า”
หันหมิงชั่นหันไปมองสาวใช้ชั้นล่างที่ติดตามมา แล้วพยักหน้า จากนั้นก็เดินไปนั่งข้างอวิ๋นคุน
“เมื่อครู่ตอนอยู่ในงานเลี้ยง ท่านเซียวโหวบอกว่าอยากจัดงานสมรสในวันที่สิบหกเดือนเก้า” อวิ๋นคุนมองดอกไม้สีแดงในมือ แล้วพึมพำขึ้น
“อ๊า?” หันหมิงชั่นตะลึงงัน นั่นไม่ได้เป็นวันเดียวกับเยี่ยนอวี่หรือ
“ชั่นเอ๋อร์ เจ้าโปรดปรานเซียวจื่อรุ่นจริงหรือ”
หันหมิงชั่นพยักหน้าด้วยรอยยิ้มจางๆ แล้วพูดขึ้น “โปรดปรานสิ”
จู่ๆ อวิ๋นคุนยกมือไปจับมือของนางไว้ แล้วถามขึ้น “แล้วข้าล่ะ”
“ท่านเป็นพี่ชายของข้า” หันหมิงชั่นพูดยิ้มๆ อย่างแผ่วเบา
“ตั้งแต่เด็กจนโต เจ้าเห็นข้าเป็นเพียงพี่ชายเท่านั้นหรือ”
หันหมิงชั่นหุบยิ้มแล้วนิ่งงันไปสักพัก แล้วเปรยด้วยเสียงเบา “ตั้งแต่เด็กจนโต หรือจนถึงบั้นปลายชีวิต ข้าก็เห็นว่าท่านเป็นพี่ชายทางสายเลือดที่น่านับถือเคารพ เหมือนพี่ใหญ่และพี่รอง”
อวิ๋นคุนจ้องหน้าของหันหมิงชั่นไปเนิ่นนาน แล้วค่อยปล่อยมือของนาง พร้อมพูดด้วยเสียงเบา “ข้ารู้แล้ว เจ้ากลับไปเถอะ”
หันหมิงชั่นลุกขึ้นช้าๆ พลางเกลี้ยกล่อม “เช่นนั้นท่านกลับไปเถอะ ประเดี๋ยวพวกเขาหาท่านไม่เจอ ต้องลงโทษให้ท่านดื่มสุราอีกแน่ๆ ”
อวิ๋นคุนพยักหน้าด้วยยิ้มจางๆ ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน
หันหมิงชั่นไม่ได้มากความอะไร แค่เดินจากไปทันที
เดิมทีชีวิตก็คือการวางหมอกล้อมดีๆ ระหว่างนั้นอาจต้องใช้กลวิธีและหลักการที่ลึกลับ ผู้คนที่หลงระเริงกับการเล่นหมากล้อม ไม่รู้ว่าควรเสียใจหรือดีใจ ไม่รู้ว่าควรพยายามต่อหรือยอมแพ้
สำหรับความผิดที่เคยกระทำ ไม่รู้ว่ายังทันกู้กลับมาหรือเปล่า
หากการรักใคร่กันเป็นความผิดบาปอย่างหนึ่ง แล้วมันสมควรที่จะได้รับการให้อภัยหรือไม่
แม้เจ้าจะใช้ใต้หล้านี้เป็นข้อต่อรอง ทว่าเจ้าอาจไม่ใช่ผู้ชนะ
และข้า ควรทำเช่นไรดี
อวิ๋นคุนเอนกายพิงลงบนก้อนหิน แล้วมองดอกทับทิมที่งอกงามภายใต้แสงแดด ตั้งแต่ที่เกิดมา นี่คงเป็นครั้งแรกที่รู้สึกเศร้ารันทดเช่นนี้
ตอนงานเลี้ยงจบลง หันซังเกอดึงซูอวี้ผิงไปพูด “สองวันก่อนฮ่องเต้บอกข้าเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยตรงกันโจว บอกว่าถึงแม้หลี่อี้หรงจะมีความสามารถ ทว่าก็ฃไว้วางใจไม่ได้ จึงอยากส่งคนที่น่าเชื่อถือในเมืองหลวงไปเฝ้าที่นั่นครึ่งปี รอให้สถานการณ์ทางเขตชายแดนตอนเหนือนิ่งไปก่อน”
ซูอวี้ผิงเดินไปด้านนอกไปด้วยและพยักหน้าไปด้วย “ฮ่องเต้ทรงกังวลพระทัยได้ถูกต้องแล้ว ถึงแม้พวกเราและเป่ยหูจะหยุดการทำศึกสงคราม ทว่าก็ไม่ควรวางใจพวกเขามากเกินไป ก่อนหน้านี้พวกเขาก็บุกรุกอาณาจักรของพวกเราอยู่ประจำ แล้วแย่งแผ่นดินของเราไป เห็นได้ว่าพวกเขาไม่น่าเชื่อถือแม้แต่น้อย”
“ทว่าสำหรับคนที่ถูกพระทัยฮ่องเต้ ฮ่องเต้ให้ข้าเป็นคนตัดสิน ข้าคิดว่างานวิวาห์ของเสี่ยนจวินไม่ควรล่าช้าไปกว่านี้ คนอื่นข้าคงไม่วางใจ มิเช่นนั้นเจ้าไปเถอะ?” หันซังเกอมองซูอวี้ผิงด้วยรอยยิ้มจางๆ
ซูอวี้ผิงตะลึงงัน แล้วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ข้าคงไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“เช่นนั้นข้าจะเขียนสาส์นกราบทูลให้ฮ่องเต้ในวันพรุ่งนี้”
“ได้” ซูอวี้ผิงพยักหน้าด้วยความซาบซึ้งใจ
หันซังเกอส่งซูอวี้ผิงไปถึงประตู แล้วมองเขาขึ้นม้าและจากไปอย่างสง่างาม แล้วจึงยิ้มขึ้นน้อยๆ
หันซังเย่ว์ส่งสองพี่น้องโจวเฉิงหยางจากไป แล้วหันไปถามหันซังเกอ “พี่ใหญ่ ฮ่องเต้จะให้พี่ซูที่เมืองเฟิ่งหรือ”
“ข้าก็ไม่แน่ใจ” หันซังเกอยิ้มๆ แล้วยกมือตบไหล่ของน้องชาย พร้อมพูดเสริมขึ้น “ทว่าข้าจะรีบทูลเหตุผลต่างๆ ให้ฮ่องเต้ทรงทราบให้เร็วที่สุด”
หันซังเย่ว์ก็ยิ้มตาม
สำหรับซูอวี้ผิงแล้ว การเฝ้าเมืองแม้จะไม่ได้รับบำเหน็จเท่าการออกรบ ทว่าก็ยังดีกว่าอยู่จวนเฉยๆ
เขาคือแม่ทัพ หากเขาอยู่ว่างในจวนเป็นเวลายาวนาน เขาที่เป็นคนรุ่นหลังคงต้องถูกฮ่องเต้ลืมแน่นอน
อวิ๋นคุนกลับจวนเฉิงอ๋อง พอเข้าประตูไปก็มีพ่อบ้านมาต้อนรับอย่างเร่งด่วน พร้อมพูดด้วยความเร่งรีบ “ท่านซื่อจื่อ ท่านกลับมาแล้ว”
“อืม” อวิ๋นคุนถือว่าดื่มสุราไปไม่มาก อีกอย่างเขาได้พักผ่อนอยู่ใต้ต้นทับทิมไปสักพัก ตอนนี้กลิ่นสุราก็หายไปไม่น้อย พอเห็นแม่ทัพทำสีหน้ากระวนกระวาย จึงเอ่ยถาม “เป็นเช่นไรบ้าง”
พ่อบ้านถอนหายใจ แล้วพูดด้วยความลำบากใจ “ท่านซื่อจื่อ ท่านรีบไปดูหวังเฟยหน่อยเถอะ”
“เสด็จแม่เป็นอะไรไป”
“หวังเฟย…บ่าวได้ยินผัวจื่อด้านในบอกว่าวันนี้หวังเฟยไม่เสวยมื้อเที่ยงขอรับ ภายในใจรู้สึกไม่มีความสุขยิ่งนัก”
“เป็นอะไรไป” อวิ๋นคุนถามจบแล้วเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมา “เหยาเอ๋อร์ล่ะ”
พ่อบ้านถอนหายใจ แล้วค้อมตัวตอบกลับ “เรียนท่านซื่อจื่อ จวิ้นจู่ไปสนามฝึกแล้วขอรับ”