เกิดใหม่ชาตินี้… ขอเป็นเจ้านิกายมาไลฟ์สด - บทที่ 86 ความจริงเกี่ยวกับชิ้นส่วนศพ
บทที่ 86 ความจริงเกี่ยวกับชิ้นส่วนศพ
สองวันต่อมา ด้วยการเร่งรัดจากตระกูลฮั่ว ทางตำรวจจึงคลี่คลายคดีนี้ได้อย่างรวดเร็ว
ฮั่วจิ้นที่กลับมาจากสถานีตำรวจ ก็นำเอกสารปึกใหญ่มาด้วย
เห็นสีหน้ามืดมนของเขา หยางไต้ก็ถามอย่างร้อนใจ “เป็นยังไงบ้างคะ ตรวจเจออะไรไหม?”
เขาพยักหน้า พลางมองฉู่ลั่วกับซ่งจือหนานที่อยู่ในห้องรับแขกเช่นกัน หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็พูดออกมาว่า “เขาคือวังหรง หุ่นส่วนทางธุรกิจที่เถาเป่ยแนะนำมาให้”
ซ่งจือหนานกระซิบข้างหูฉู่ลั่ว “เถาเป่ยเป็นลูกนอกสมรสของผู้เฒ่าฮั่วครับ อายุน้อยกว่าคุณชายฮั่วจิ่วหนึ่งปี”
นี่เป็นเรื่องซุบซิบของพวกคนรวย ซ่งจือหนานได้ยินพวกลูกหลานคนรวยในเมืองตี้จิงเล่ามา
ฮั่วจิ้นถอนหายใจ “พวกเราไม่ตกลงเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจด้วย เขาเลยจงใจแก้แค้น ตอนที่ตำรวจหาตัวเจอ เขาก็ฆ่าตัวตายไปแล้ว”
หยางไต้ไม่อยากจะเชื่อ “แค่เพราะเราไม่ร่วมมือด้วยน่ะเหรอคะ?”
สามีเธอพยักหน้า “จดหมายลาตายของเขาเขียนไว้แบบนี้ เขาบอกว่าตัวเองโกรธมาก และบังเอิญไปเห็นค่ายกลรวบรวมพลังหยินในตำราโบราณ ก็เลยมีความคิดชั่วร้ายขึ้นมา”
“หลังจากนั้นเขาก็ไปติดสินบนคนในโรงเผาศพ ให้ช่วยตัดชิ้นส่วนศพทุกศพที่กำลังจะเผาออกมาหนึ่งชิ้น ในช่วงหลายวันที่เขามาพักที่คฤหาสน์พร้อมกับเถาเป่ย ก็เอาชิ้นส่วนศพเข้ามาด้วย และเอาไปซ่อนไว้ในห้องเก็บของ”
“ทางตำรวจหาโรงเผาศพพบแล้วเหมือนกัน และพิสูจน์แล้วว่าวังหรงได้ให้เงินคนในโรงเผาศพจริง”
คิดไม่ถึงจริง ๆ ค่ายกลรวบรวมพลังหยินขนาดใหญ่นี้ จะทำขึ้นเพียงเพราะพวกเขาไม่เห็นด้วยกับโครงการที่จะร่วมมือกัน
ขอบตาของหยางไต้แดงก่ำเมื่อนึกถึงลูกชาย เธอกัดฟัน “แล้วเรื่องนี้… เกี่ยวข้องกับอาจิ่วหรือเปล่าคะ?”
ฮั่วจิ้นส่ายหน้าด้วยความเจ็บปวด “ตอนที่วังหรงสร้างเรื่องขึ้นมา อาจิ่วก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ไปก่อนแล้ว”
หยางไต้ร้องไห้เสียใจยิ่งกว่าเดิม
สามีปลอบเธอ ก่อนจะนำเอกสารทั้งหมดในมือยื่นให้เด็กสาว “นี่คือข้อมูลของชิ้นส่วนศพเหล่านั้นที่ตามสืบมาได้ครับ”
ฉู่ลั่วรับมาก่อนพลิกดูเล็กน้อย “ข้อมูลไม่มีปัญหาอะไร ถึงเวลาเที่ยงตรง ฉันก็สามารถแก้ค่ายกลรวบรวมพลังหยินได้แล้วค่ะ”
ฮั่วจิ้นโล่งใจแล้ว
เวลาเที่ยง
ดวงอาทิตย์อยู่ตรงศีรษะ
ทันทีที่เดินเข้าใกล้เรือนหลังเล็ก ก็สัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นอย่างประหลาด
ซ่งจือหนานที่อยากเข้าไปดูความน่าตื่นเต้น แต่ถูกฉู่ลั่วไล่ออกมาจากเรือนหลังเล็ก
เธอสะพายกระเป๋าเดินเข้าไปในเรือนหลังเล็กเพียงลำพัง
หยางไต้มองประตูเรือนหลังเล็กที่ค่อย ๆ ปิดลง พลางถามด้วยความกังวลว่า “จะไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
ซ่งจือหนานพูดอย่างโอ้อวด “วางใจได้ครับ! พี่ลั่วเก่งมาก ถ้าไม่มั่นใจ พี่ลั่วไม่มีทางลงมือหรอกครับ”
คุณนายสบายใจ เธอยืนอยู่ใต้แสงแดดกับสามี เฝ้ารอฉู่ลั่วออกมา
ฉู่ลั่วเดินเข้าไปข้างใน โดยสาวเท้าเดินขึ้นไปบนชั้นสองทีละก้าว ๆ
อาจเป็นเพราะพลังหยินไม่สามารถลอยออกไปได้ พลังหยินในวันนี้จึงเข้มข้นกว่าก่อนหน้านี้มาก
หากคนธรรมดาเข้ามา ควรรู้สึกปวดหัว และหงุดหงิดมากแน่นอน
“คุณสัมผัสได้ถึงพลังงานที่คุ้นเคยหรือเปล่า?” ฉู่ลั่วถามฮั่วเซียวหมิงที่เข้ามาด้วยกันกับเธอ
ฮั่วเซียวหมิงส่ายหน้า
ที่หน้าผากของเขามียันต์แผ่นหนึ่งแปะอยู่
ในเวลานี้หากมีคนปรากฏกายออกมา ก็จะเห็นว่ามียันต์แผ่นหนึ่งเคลื่อนตัวช้า ๆ อยู่ข้างฉู่ลั่ว ด้วยความเร็วเท่ากับที่ฉู่ลั่วเดิน
เมื่อพวกเขาเดินมาถึงหน้าประตูห้องเก็บของ พลังหยินที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายวิญญาณก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น
แม้จะมียันต์ แต่ร่างกายของฮั่วเซียวหมิงก็ยังคงปนเปื้อนด้วยกลิ่นอายวิญญาณร้ายเล็กน้อย
รูม่านตาของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง
ฉู่ลั่วยกมือข้างหนึ่งขึ้น แล้วตบเบา ๆ …วิญญาณของฮั่วเซียวหมิงก็ถูกผลักออกมาจากเรือนหลังเล็ก
ทันใดนั้น วิญญาณของฮั่วเซียวหมิงก็ปรากฏขึ้นที่ด้านนอกเรือนหลังเล็ก
ซ่งจือหนานลมหายใจติดขัด ดวงตาเบิกกว้าง
ฮั่วจิ้นรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ จึงถามว่า “มีอะไรเหรอ?”
ซ่งจือหนานรีบส่ายหน้า “เปล่าครับ เปล่า”
ทำไมฮั่วจิ่วถึงมาอยู่ที่นี่?
ไม่ใช่สิ!
ที่นี่คือบ้านของฮั่วจิ่ว ฮั่วจิ่วจะอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
เพียงแต่…
ซ่งจือหนานพยายามเก็บความสงสัยไว้ในใจ
เขาไม่รู้ตัวเลยว่าท่าทางแปลก ๆ ของตนกำลังอยู่ในสายตาของฮั่วจิ้น
ฮั่วจิ้นแอบมองตามสายตาของซ่งจือหนานไป
ตรงนั้นกลับว่างเปล่า ไม่เห็นอะไรเลย
แต่เขารู้ ตรงนั้นต้องมีอะไรบางอย่าง
ซ่งจือหนานมองเห็น
แต่กลับไม่ยอมบอกพวกเขา?
ซ่งจือหนานเห็นอะไรกันแน่?