เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 549 ไม่อยากอยู่ก็ไสหัวไป
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 549 ไม่อยากอยู่ก็ไสหัวไป
บทที่ 549 ไม่อยากอยู่ก็ไสหัวไป
จี้จือฮวนก็ไม่ได้ฟังความจากคำพูดของเด็กหนุ่มเพียงฝ่ายเดียว นางหันกลับไปแล้วถามว่า “ที่เขาพูดมาเป็นความจริงหรือไม่?”
ชายอ้วนเอามือที่สวมแหวนพลอยลูบหน้าเล็กน้อย “ข้าแค่หยอกล้อสองสามประโยค…”
ได้ยินดังนั้นดวงตาของจี้จือฮวนก็เข้มขึ้น “ตามกฎหมายของต้าจิ้น ผู้ใดก็ตามที่พูดจาหยอกล้อสตรีบนถนนจะถูกควบคุมตัว และโบยห้าสิบครั้ง พร้อมกับชดใช้เงินเป็นจำนวนหนึ่งร้อยตำลึง
หากบีบให้ฝ่ายหญิงฆ่าตัวตาย ต้องชดใช้ด้วยชีวิต!
ฉู่จิ้น ปล่อยเด็กหนุ่มคนนั้นซะ ไปดูพี่สาวเขาว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่” จี้จือฮวนออกคำสั่ง เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ รอบข้างจึงเริ่มมีชาวบ้านมารวมตัวกันมุงดู
“อะไร…กฎหมายต้าจิ้นอะไรกัน เจ้าเป็นใคร เจ้าว่าอย่างไรก็ต้องเป็นเช่นนั้นหรือ ข้าก็แค่หยอกล้อนางสองสามประโยคเท่านั้น!”
จี้จือฮวนหันกลับไปตบหน้าชายอ้วนผู้นั้นทันที ทำให้เขาล้มลงไปกับพื้นและกลิ้งไปหนึ่งตลบ
เห็นได้ชัดว่าในเมืองมีคนที่รู้จักชายอ้วนผู้นี้ไม่น้อย “นั่นมันเศรษฐีโจวต้าไม่ใช่หรือ?”
“กองทัพทหารเกราะเหล็กออกหน้าให้ชาวต้าจิ้นแล้ว”
“ที่เขาพูดก็ไม่ผิดนี่นา แค่หยอกล้อสองสามประโยคก็ถูกตีแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ฉู่จิ้นเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว คำพูดหยาบคายก็เคยพูดมาไม่น้อย เมื่อได้ยินคนเหล่านี้พูดเช่นนี้จึงหันไปมอง “ปากเสียก็ควรถูกตีถูกแล้ว หากข้าเดินไปตามถนนเห็นน้องสาวเจ้าหรือแม่ของเจ้า แล้วข้าชมพวกนางว่าหน้าอกใหญ่น้ำนมเยอะ เจ้ารับได้อย่างนั้นหรือ?”
เรื่องที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวเอง แน่นอนว่าคนเราย่อมสามารถมองข้ามได้อย่างง่ายดาย และพูดอะไรที่ไม่ทันคิดออกไป
การพูดจาหยอกล้อผู้หญิงจึงกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ใครให้ความมั่นใจนี้แก่พวกเขากัน!
“เจ้า!” คนผู้นั้นถูกฉู่จิ้นตอกกลับจนนิ่งเงียบไป เพราะไม่สามารถโต้แย้งได้ จึงเอ่ยพึมพำขึ้นมา “กองทัพทหารเกราะเหล็กของพวกเจ้าแน่มาก อย่างไรเสียพวกเราก็เป็นแค่ชาวบ้านที่พวกเจ้าจะฆ่าจะแกงอย่างไรก็ได้”
“หากเจ้าไม่พอใจก็สามารถไปอยู่ที่ค่ายกักกันทาสได้” ทันใดนั้นจี้จือฮวนก็เอ่ยขึ้นมา
ตอนอยู่จวนเจ้าเมือง นางได้รู้แล้วว่าราษฎรต้าจิ้นใช้ชีวิตที่นี่เช่นไร คนที่อาศัยอยู่ภายใต้การคุ้มครองของซือถูรุ่ยเหล่านั้น ทำให้พวกเขาเป็นเหมือนหมูเหมือนหมา ดังนั้นจึงต้องสั่งสอนให้พวกเขาเข้าใจว่าอะไรคือสิทธิของมนุษย์
“‘จะฆ่าจะแกงอย่างไรก็ได้’ คำนี้ไม่สามารถใช้ส่งเดชได้ก็จริง แต่หากใครไม่พอใจก็ให้อดกลั้นเอาไว้ เพราะไม่มีใครจะตามใจพวกเจ้าอีกแล้ว หากไม่ปฏิบัติตามกฎก็ไสหัวออกไปซะ ตอนนี้ไม่มีเมืองเจว๋เฉิงอีกแล้ว ที่นี่คือ ‘เมืองโยวอวิ๋น’ ที่ได้รับการตั้งชื่อใหม่จากเนี่ยเจิ้งอ๋อง เมืองมีกฎเมือง รวมตัวกันปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับกองทัพทหารเกราะเหล็กในเมือง คิดว่าศีรษะตั้งอยู่บนคอของตัวเองมานานเกินไปแล้วใช่หรือไม่?”
จี้จือฮวนมีกองทัพทหารเกราะเหล็กคอยหนุนหลัง และทุกคนต่างก็เคารพนางเป็นอย่างมาก เพียงพริบตาคนที่ต้องการโต้เถียงกับกองทัพทหารเกราะเหล็กก็หายโมโหทันที ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ หากพวกเขาถูกไล่ออกไป มิเท่ากับไม่เหลืออะไรแล้วหรอกหรือ?
จี้จือฮวนรู้ว่าคนเหล่านี้เคยเพลิดเพลินกับสิ่งที่ได้รับ และสามารถรังแกทาสเหล่านั้นไปทั่วตามอำเภอใจ แต่เมื่อต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ใหม่ สิ่งนี้จึงจำเป็นจะต้องใช้เวลาในการปรับตัว
แต่นางก็ไม่จำเป็นต้องตามใจคนเหล่านี้
ฉู่จิ้นหิ้วตัวเด็กหนุ่มผู้นั้นขึ้นมา แล้วหยิบมีดในมือของเขาออก
เด็กหนุ่มคิดไปคิดมา ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ท่าน…ท่านสามารถให้ความยุติธรรมกับพี่สาวข้าได้หรือ? ให้เขาชดใช้ด้วยชีวิต!”
“ข้าทำได้”
“ท่านเอาอะไรมารับประกัน?”
“อาศัยฐานะที่ข้าเป็นพระชายาเนี่ยเจิ้งอ๋อง คำพูดของข้าเท่ากับเป็นตัวแทนของกองทัพทหารเกราะเหล็ก”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นต่างก็ตกตะลึง คิดไม่ถึงว่านางจะเป็นพระชายาของเนี่ยเจิ้งอ๋อง คราวนี้สายตาที่ทุกคนมองชายอ้วนผู้นั้นจึงเต็มไปด้วยความสงสาร
ชายอ้วนได้สติขึ้นมาจึงตะโกนเสียงดังทันที “อย่าฆ่าข้า ข้าจะบริจาคเงินให้ ข้ามีเงินเยอะมาก!”
เมื่อก่อนเขาทุบตีฆ่าแกงทาสไปมากมาย ไม่เห็นเป็นอะไรเลย!
ทว่าจี้จือฮวนกลับให้คนมัดเขาเอาไว้ และรอฉู่จิ้นกลับมาจัดการ
สถานที่ที่หญิงสาวผู้นั้นหมดสติไปอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก ตอนที่ฉู่จิ้นไปถึงก็พบว่านางไม่มีลมหายใจแล้ว แต่หลังจากจับชีพจรดูจึงรู้ว่าชีพจรยังเต้นอ่อน ๆ อยู่ ดังนั้นจึงได้อุ้มนางขึ้นมา
“เจ้าจะทำอะไร!” เด็กหนุ่มขวางฉู่จิ้นเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“พระชายาของข้ารู้เกี่ยวกับการแพทย์ พี่สาวเจ้ายังไม่ตาย ดังนั้นเจ้าอย่ามาขวางข้า!” ฉู่จิ้นพูดเสร็จก็รีบอุ้มนางออกไปด้านนอกทันที โชคดีที่ที่ตรงนี้อยู่ไม่ไกล ฉู่จิ้นจึงอุ้มคนตรงมาหาจี้จือฮวนได้อย่างรวดเร็ว หลังจากจี้จือฮวนตรวจดูอาการเบื้องต้นแล้ว ก็เห็นว่ายังมีทางรอดอยู่
นางจึงหยิบเข็มเงินออกมาจากกระเป๋าใบเล็กที่พกติดกายทันที จากนั้นก็ทิ่มลงไปบนตำแหน่งฝังเข็มหลายจุด นี่เป็นสิ่งที่นางได้เรียนรู้มาจากเย่จิ่งฝู
ผ่านไปสักพักหญิงสาวผู้นั้นก็สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ลืมตาขึ้นมาด้วยความสับสน
“ฟื้นแล้ว! ฟื้นแล้วจริง ๆ!”
“พระชายาเน