เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 581 กินดีหมีหัวใจเสือ
บทที่ 581 กินดีหมีหัวใจเสือ
ระหว่างพักครึ่ง ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องปรับกลยุทธ์ เผยจี้ฉือปาดเหงื่อบนใบหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหาศาลาเพื่อนั่งพักผ่อน พลางมองดูกาต้มน้ำบนโต๊ะ พร้อมกับเรียกเด็กรับใช้คนหนึ่งมา “เอาไปส่งให้คุณชายเสิ่นเยี่ยนชิวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามที”
“ขอรับ”
“รอบหน้าพวกเราเปลี่ยนกลยุทธ์กันเถอะ ข้าจะจับตามองเสิ่นเยี่ยนชิวไว้”
เผยจี้ฉือได้ยินดังนั้นก็เอ่ยขึ้นมาทันที “ไม่ได้ เสิ่นเยี่ยนชิวเป็นของข้า”
ทันทีที่เขาพูดจบทุกคนก็หันไปมองเขาเป็นตาเดียว แต่ก็ไม่มีใครคัดค้าน เพราะเขาคือหวงไท่ซุนนี่นา
“อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นข้าจะจับตามองโหลวเฉิงเย่ก็แล้วกัน แต่ว่าเสิ่นเยี่ยนชิวผู้นั้นเก่งมากจริง ๆ”
เผยจี้ฉือใบหูแดงก่ำ ก่อนจะลอบถอนหายใจเล็กน้อย
ทว่าด้านข้างกลับมีเสียงดังขึ้นมา “เอ่อ…หวงไท่ซุน”
เผยจี้ฉือหันหน้าไป ก็พบว่าเป็นเกาเสียน
“พี่สาวข้าอยากจะขอพบท่านจะได้หรือไม่?”
เผยจี้ฉือรู้สึกสงสัย “มีอะไร?”
เกาเสียนพูดปด “พี่สาวข้าชื่นชมพระชายาเนี่ยเจิ้งอ๋องอย่างมาก จึงอยากจะถามว่าปกติแล้วพระชายาชอบกินอะไร นางจะได้กลับไปทำบ้าง”
พอเผยจี้ฉือได้ยินว่านางสนใจท่านแม่ ดวงตาก็อ่อนแสงลง “ที่แท้ก็เพราะเหตุนี้นี่เอง เช่นนั้นก็ให้พี่สาวเจ้าเข้ามาเถอะ”
เมื่อครู่ดูจากท่าทางพี่สาวของเกาเสียนแล้ว คาดว่าคงมีอายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีแล้ว ซึ่งโตกว่าพวกเขา
เหล่าเด็กหนุ่มก็ถอยไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งอย่างรู้ความ เกาเสียนจึงไปพาเกาซิ่วมาด้วยความดีใจ
เกาซิ่วผู้นั้นเดินกรีดกรายเข้ามา เป็นวิธีการเยื้องย่างของสตรีในยุคโบราณ ทุกการเคลื่อนไหวล้วนแฝงไว้ด้วยเสน่ห์
“เกาซิ่วคารวะหวงไท่ซุนเพคะ”
“พี่สาวตระกูลเกาไม่ต้องมากพิธี เชิญนั่ง” ทว่าเผยจี้ฉือไม่ได้มองหน้านาง แต่กลับส่งยิ้มให้เสิ่นเยี่ยนชิวที่กำลังโบกมือให้เขาอยู่
เกาซิ่วมองตามสายตาของหวงไท่ซุนไป เมื่อเห็นว่าเป็นเสิ่นเยี่ยนชิวก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร และพูดขึ้นมาว่า “ได้ยินมานานแล้วว่าพระองค์ทรงสง่างาม วันนี้ได้เห็นกับตาจึงได้รู้ว่าพระองค์ทรงสง่างามยิ่งกว่าคำร่ำลือเสียอีก”
เผยจี้ฉือไม่ชอบฟังคำพูดพวกนี้ “พี่สาวตระกูลเกาอยากรู้อะไรเกี่ยวกับท่านแม่ของข้าอย่างนั้นหรือ?”
เกาซิ่วเห็นเขาพูดถึงจี้จือฮวน จึงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “พระชายาถือเป็นวีรสตรีในหมู่สตรี เกาซิ่วอยู่ที่จวนมักได้ยินคนพูดถึงนางบ่อย ๆ ก่อนหน้านี้ที่งานเลี้ยงในวังหลวงก็ได้เห็นไกล ๆ ครั้งหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้เข้าไปคารวะ ตอนนี้ได้ยินมาว่าพระชายาตั้งครรภ์แล้วหรือเพคะ?”
แววตาของอาฉือเย็นชาลงทันที “พี่สาวตระกูลเกาได้ยินมาจากที่ใดอย่างนั้นหรือ?”
นางคาดเดาจากการที่ไท่ซ่างหวงทรงให้หมอหลวงในวังไปชายแดน ยังมีแม่นมฟางซวินที่มีหน้าที่ปรนนิบัติพระสนมที่ตั้งครรภ์โดยเฉพาะตามไปด้วย ดังนั้นย่อมไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน
เกาซิ่วใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดหน้า ก่อนจะเอ่ย “หม่อมฉันรู้สึกสนใจพระชายาเป็นพิเศษ ดังนั้นทุกคำที่พูดมาล้วนมาจากความห่วงใย ไม่ใช่การคาดเดาโดยพลการอย่างแน่นอน ขอหวงไท่ซุนอย่าได้โมโหเลยนะเพคะ”
อาฉือแทบอยากจะลุกขึ้นและไล่คนออกไป พวกประจบสอพลอเช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจจับตามอง ยังจะมาเสแสร้งอยู่อีก!
เกาซิ่วยังไม่รู้ว่าตัวว่าถูกอาฉือรังเกียจเข้าแล้ว จึงเอ่ยต่อพร้อมกับเสียงสะอื้นเล็กน้อย “หวงไท่ซุนเพคะ ความจริงแล้วที่หม่อมฉันมาครั้งนี้ เพราะมีคำขอที่ไม่สมควรเพคะ”
อาฉือเอ่ยเสียงเรียบ “รู้ว่าเป็นคำขอที่ไม่สมควร เหตุใดยังจะพูดออกมาอีก?”
ตั้งใจทำให้คนอื่นลำบากใจอย่างนั้นหรือ?
เกาซิ่วพูดไม่ออกขึ้นมาชั่วขณะ คิดไม่ถึงว่าหวงไท่ซุนจะมีนิสัยเช่นนี้
แต่เขายังเด็กน้อย อาจมีนิสัยขี้โมโหไปบ้าง เกาซิ่วก็สามารถเข้าใจได้
และดูจากการที่หวงไท่ซุนผู้นี้สุภาพต่อผู้อื่น ถือว่าเป็นคนดีมากทีเดียว ไม่เหมือนที่ท่านพ่อบอกเลยสักนิด ว่าเขาเจ้าเล่ห์เพทุบาย อายุยังน้อยแต่กลับมีความคิดเช่นผู้ใหญ่
“หวงไท่ซุน จะไม่ฟังหม่อมฉันพูดจนจบจริง ๆ หรือเพคะ?”
อาฉือมองดูเวลาเล็กน้อย ยังสามารถพักได้อีกหนึ่งถ้วยชา “พูดมา”
เห็นดังนั้นเกาเสียนก็รีบให้กำลังใจพี่สาวทันที
“คืออย่างนี้เพคะ ตอนที่หม่อมฉันยังอายุเท่าหวงไท่ซุน ได้กลับไปที่บ้านเกิดมารดาเพื่อบูชาบรรพบุรุษ แต่ระหว่างทางกลับเมืองหลวงได้พบกับกลุ่มโจรกลุ่มหนึ่งเข้า แต่กลับได้ท่านอ๋องที่ช่วยหม่อมฉันเอาไว้ หม่อมฉันจึงจดจำบุญคุณครั้งนั้นไว้ในใจเสมอมา”
อาฉือคิดไม่ถึงว่าท่านพ่อจะทำเรื่องเช่นนี้ด้วย “จากนั้นเล่า?”
“ต่อมาหม่อมฉันจึงอยากรู้ว่าวีรบุรุษท่านนั้นเป็นใครมาโดยตลอด ในที่สุดในวันที่กองทัพทหารเกราะเหล็กกลับมาเมืองหลวง หม่อมฉันจึงได้รู้ว่าคนผู้นั้นคือเนี่ยเจิ้งอ๋อง”
“อืม” อาฉือตอบอย่างขอไปที
ท่านพ่อก็มีความสามารถเช่นนั้นจริง ๆ แต่ว่า…นางชื่นชมท่านแม่ไม่ใช่หรือ เหตุใดต้องพูดถึงท่านพ่อของเขากัน?
เกาซิ่วบิดผ้าเช็ดหน้าเล็กน้อย “ท่านอ๋องฉลาดห้าวหาญ พระชายาก็เปรียบเสมือนขงเบ้งในหมู่สตรี ทั้งสองคนจึงไม่ต่างจากเทพยดา”
อืม ตระกูลเกายังนับว่ารู้จักพูดอยู่
นิ้วของอาฉือเคาะลงบนโต๊ะเบา ๆ
จากนั้นก็ได้ยินเกาซิ่วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเขินอายแล