novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • anime
  • โดจิน
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
hotgraph Hydra888 ดูบอลสด UFAC4 PANAMA888 lotto432 ufabet london168 newyork UFAZEED UFA1919 PG freefire เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350 เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด dgthai nowbet หวยออนไลน์

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 177 กระบี่กระดูกเหล็ก

  1. Home
  2. เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]
  3. บทที่ 177 กระบี่กระดูกเหล็ก
Prev
Next

บทที่ 177 กระบี่กระดูกเหล็ก

“กระบวนท่าโฉมงามจันทราเต็มดวง!”

หลินเป่ยเฉินยืนตั้งหลัก กุมด้ามจับดาบด้วยสองมือ ก่อนที่จะยกดาบขึ้นมาตั้งท่าแนวขวางและแสดงกระบวนท่าที่สามของวิชากระบี่รักนิรันดร์ออกมา

กลีบดอกไม้โปรยปราย

คมดาบเป็นประกายราวแสงจันทร์

เมื่อคมดาบพุ่งออกไป มันก็เปล่งแสงสว่างราวกับพระจันทร์เต็มดวง พร้อมด้วยภาพมายาของกลีบดอกไม้ร่วงโรย

ดูสวยงามและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน

นี่คือวิชากระบี่ที่สามารถใช้ได้ทั้งการโจมตีและการป้องกัน

วิชากระบี่รักนิรันดร์มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 กระบวนท่า

กระบวนท่าเหล่านั้นประกอบไปด้วย ‘ชวนโฉมงามชมบุปผา’ ‘เด็ดบุปผาใต้แสงจันทร์’ ‘โฉมงามจันทราเต็มดวง’ และกระบวนท่าสุดท้าย ‘โฉมงามสะบั้นจันทรา’

จากคำอธิบายของอาจารย์ใหญ่หลิงไท่ซวี กระบวนท่าทั้ง 4 นี้เป็นตัวแทนเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างบุรุษหนุ่มกับหญิงสาว ที่แรกเริ่มก็ต้องทำความรู้จักกัน สนิทสนมกัน ตกหลุมรักกัน และสุดท้ายก็ต้องเลิกรากันไปในที่สุด

เช่นเดียวกับความรัก

ใน 4 กระบวนท่านี้ 2 กระบวนท่าแรกแยกออกเป็นกระบวนท่าจู่โจมและกระบวนท่าตั้งรับอย่างละหนึ่ง

กระบวนท่าที่ 3 สามารถใช้ได้ทั้งสำหรับการโจมตีและตั้งรับ

ส่วนกระบวนท่าที่ 4 มีไว้ใช้เพื่อโจมตีอย่างรุนแรงเท่านั้น

อาจารย์ใหญ่หลิงไท่ซวีอธิบายเอาไว้ในคัมภีร์ว่า คนเราเมื่อเลิกรากัน ก็จะมีความรู้สึกทุกข์ทรมานเสมือนคนที่กำลังจะตายทั้งเป็น ดังนั้นกระบวนท่าที่ 4 จึงมีความอันตรายในการใช้งานมากที่สุด เหมาะสมสำหรับการต่อสู้แบบแตกหักมากที่สุด

หลินเป่ยเฉินยังไม่อยากใช้กระบวนท่าระดับสูงเช่นนี้กับหัวหน้าใหญ่ของสมาคมนักล่าอสูร

ดังนั้น เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจใช้กระบวนท่าที่ 3

แต่ระดับพลังของเขาไม่ได้แข็งแกร่งเท่าชายชราผมเทา

ผู้เป็นหัวหน้าใหญ่มีพลังอยู่ในขั้นปรมาจารย์ระดับที่ 4 แล้ว

แถมยังมีพลังปราณธาตุดินอีกด้วย

ตู้ม!

พลังลมปราณโลหิตสลายคมดาบของหลินเป่ยเฉินหายไปหมดสิ้น

ตัวของเด็กหนุ่มลอยกระเด็นไปด้านหลัง

ต้องกระอักเลือดออกมาจากปากอีกหลายครั้ง

บัดนี้ หลินเป่ยเฉินลอยไปกระแทกกับประตูหินเหมือนเป็นตุ๊กตาหุ่นฟางตัวหนึ่ง

ผลั่ก!

บนร่างกายเกิดบาดแผลฉกรรจ์หลายตำแหน่ง

แต่หลินเป่ยเฉินเตรียมตัวอยู่นานแล้ว เขาใช้วงแหวนวารีรักษาตัวเอง 5 ถึง 6 ครั้ง จากที่บาดเจ็บสาหัสอยู่เมื่อสักครู่ ร่างกายก็เริ่มกลับมาเคลื่อนไหวได้แล้ว

ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจึงสามารถหมุนตัวหลบหลีกฝ่ามือของชายชราได้อย่างเฉียดฉิว

แต่ม้วนตัวไปมาได้ไม่นาน เขาก็ถูกพลังลมปราณของหัวหน้าใหญ่ กระแทกเข้าไปอีกหลายครั้งติดๆ

กร๊อบ กร๊อบ กร๊อบ!

เสียงกระดูกแตกหักดังขึ้นไม่หยุด

“ฟู่…”

หลินเป่ยเฉินกระอักเลือดออกมาจากปากอีกคำใหญ่

ด้วยช่องว่างระหว่างพลังที่เยอะเกินไป ถึงแม้เด็กหนุ่มจะยกดาบขึ้นมาปัดป้องอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นการโจมตีจากชายชราได้อยู่ดี

แต่โชคดีที่หลินเป่ยเฉินมีความสามารถพิเศษ สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ ดังนั้น ร่างกายของเขาจึงฟื้นตัวขึ้นมาทันเวลาเสมอ

“นี่เรา…กลายเป็นกระสอบทรายไปแล้วใช่ไหมเนี่ย?”

หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความเศร้า

“อย่าต่อยหน้าสิโว้ย เดี๋ยวเสียโฉมหมด”

เขาแผดเสียงใส่ชายชราผมเทา

บัดนี้ สีหน้าของชายชราเต็มไปด้วยความประหลาดใจที่ซ่อนเอาไว้ไม่มิด

ทำไมเด็กหนุ่มถึงได้แข็งแรงขนาดนี้?

ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เมื่อเผชิญหน้าผู้มีพลังขั้นปรมาจารย์ระดับที่ 4 อย่างเขา คงได้ตัวระเบิดกระจายเป็นม่านหมอกเลือดไปตั้งแต่กระบวนท่าแรกๆ แล้ว

หรือถ้าไม่ตาย อย่างน้อยก็ต้องพิการ

แต่สำหรับกับหลินเป่ยเฉิน นอกจากกระอักเลือดออกมาเป็นระยะ เด็กหนุ่มก็ไม่มีอาการบาดเจ็บอื่นใดอีกเลย

มิหนำซ้ำ ในดวงตายังปรากฏความสะใจขึ้นมาอีกด้วย

แล้ววงแหวนสีเขียวบนหัวเจ้าหนุ่มนี่คืออะไรกัน?

เวทมนตร์อย่างนั้นหรือ?

มิน่าเล่าถึงหายเจ็บได้เร็วนัก

ชายชราผมเทารู้สึกร้อนรนอยู่ในหัวใจ จึงรีบระเบิดพลังลมปราณออกจากฝ่ามือไม่หยุดพัก

ผลั่ก ผลั่ก ผลั่ก ผลั่ก!

หลินเป่ยเฉินลอยกระเด็นไปทางนั้นทีทางนี้ที เหมือนกับกระสอบทรายที่มีชีวิต

เวลาผ่านไปชั่วชงน้ำชาหนึ่งถ้วย

แล้วในทันใดนั้น

“ติ๊ง!”

เสียงสวรรค์ก็ดังขึ้นในหัวของหลินเป่ยเฉิน

“นายท่านเจ้าคะ การฝึกวิชากระบี่เร้นกายขั้นพื้นฐานฉบับสมบูรณ์ลุล่วงเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ นายท่านจึงเลื่อนขึ้นมาอยู่ในขั้นกระบี่กระดูกเหล็กแล้วเจ้าค่ะ” น้ำเสียงที่อ่อนหวานของเสี่ยวจี้ดังขึ้นในหูของเขา

แล้วในพริบตาต่อมานั้นเอง

กร๊อบ!

เสียงกระดูกแตกหักดังขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง

หลินเป่ยเฉินพลันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ร่างกายมีพลังงานกลุ่มใหม่ก่อกำเนิดขึ้นมาไหลเวียนตามกระดูกและอวัยวะทุกสัดส่วน ราวกับเป็นน้ำบาดาลที่ผุดขึ้นมาจากบ่อน้ำใต้ดินอย่างไรอย่างนั้น

ว่าแต่ว่า…มันจะช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้บ้างไหมนะ?

เด็กหนุ่มจับด้ามดาบด้วยสองมือ

พลังลมปราณไหลเวียนไปทั่วร่างกาย

“เตรียมรับมือให้ดี”

ดาบถูกตวัดฟันออกไป

วูบ วูบ วูบ วูบ!

พลังฝ่ามือโลหิตสีแดงสดถูกตัดขาดกระจายหายไปในอากาศ

“นี่มันอะไรกัน?”

ชายชราผมเทาหรี่ตาลงด้วยความประหลาดใจ

วิชาฝ่ามือเทพเจ้า ร้อยก้าวสู่ปรภพถูกทำลายลงแล้วอย่างนั้นหรือ?

จังหวะนั้น ผู้เป็นหัวหน้าใหญ่ของสมาคมนักล่าอสูรพลันรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจและปอด

แย่แล้ว

ยาพิษจากน้ำดื่มเริ่มออกฤทธิ์แล้วสิ

แต่นั่นยังไม่เลวร้ายมากพอ ชายชราผมเทาเพิ่งสังเกตเห็นว่าขณะนี้ ระดับพลังลมปราณของตนเองก็ลดน้อยลงไปมากเช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นวิชา ‘โลหิตกระชากวิญญาณ’ หรือวิชา ‘ฝ่ามือเทพเจ้า ร้อยก้าวสู่ปรภพ’ ล้วนเป็นวิทยายุทธ์ระดับ 3 ดาวทั้งสิ้น ดังนั้น จึงผลาญพลังลมปราณจำนวนมากในการใช้งานแต่ละครั้ง

โดยเฉพาะวิชาแรก

นอกจากทำให้เสียพลังลมปราณไปจำนวนมหาศาลแล้ว ยังทำให้ชายชราผมเทาต้องสูญเสียเลือดไปอีกจำนวนไม่น้อย

เมื่อต้องสูญเสียทั้งพลังลมปราณและเลือดไปพร้อมๆ กันเป็นระยะเวลานาน ร่างกายจึงเกิดอาการอ่อนล้าขึ้นมาแล้ว

เมื่อส่วนหนึ่งบาดเจ็บ ส่วนอื่นๆ ก็เริ่มบาดเจ็บตาม

หลินเป่ยเฉินอาศัยจังหวะนี้บุกเข้าโจมตีไม่รีรอ

เขาใช้วิชาตัวเบาวิหคดั้นเมฆ

บุกเข้าประชิดตัวฝ่ายตรงข้าม

ใช้วิชากระบี่สามพิฆาตโจมตีอย่างต่อเนื่อง

เด็กหนุ่มสามารถพัวพันชายชราได้หลายกระบวนท่า

“ยิ่งใหญ่กว่าขุนเขา เจ้าจอมปฐพี…”

บทเพลงถูกเปิดเล่นอยู่ในพื้นหลัง

“วิชามังกรคำรณ โฮก!”

หลินเป่ยเฉินอ้าปากส่งเสียงคำราม

ไม่ว่าจะเป็นพลังกายหรือพลังจิต เด็กหนุ่มก็ทุ่มออกมาสุดตัวแล้ว

ทั้งหมดนี้คือไพ่ตายของเขา

ตลอดการต่อสู้ที่ผ่านมา หลินเป่ยเฉินยังไม่เคยใช้พลังจิตเล่นงานคู่ต่อสู้มาก่อน

ดูจากสีหน้าของชายชราผมเทาแล้ว หลินเป่ยเฉินพอจะคาดเดาได้ว่าหัวหน้าใหญ่ของสมาคมนักล่าอสูร คงไม่เคยฝึกการใช้พลังจิตมาก่อน

แล้วคลื่นพลังจิตของเขาก็รวมตัวเป็นลำแสงสีฟ้าคราม มันหมุนวนกลายเป็นหัวมังกรขนาดใหญ่ พุ่งตรงเข้าไปหาชายชราผมเทาด้วยความเกรี้ยวกราด

ชายชราสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวที่คุกคามเข้ามา ร่างกายของเขาตอบสนองอย่างเชื่องช้ามากกว่าเดิมหลายเท่า

“กระบวนท่ากระบี่สลายสายน้ำ!”

หลินเป่ยเฉินแทงดาบออกไป

นี่คือหนึ่งในกระบวนท่าโจมตีที่เขาสามารถใช้ได้ดีที่สุด มีความเหมาะสมต่อระดับพลัง ณ ปัจจุบันมากที่สุด ซ้ำยังเป็นวิชากระบี่ระดับสูงอีกด้วย

เหมาะสำหรับเป็นท่าไม้ตายอย่างยิ่ง

ภาพมายาของคลื่นน้ำปรากฏขึ้นเป็นพื้นหลังของมังกรวารีถาโถมเข้าใส่ร่างกายของชายชราผมเทา ผู้ซึ่งขณะนี้ขนลุกเกรียวไปทั้งตัวด้วยความหวาดกลัวสยองขวัญ

“ย๊ากกก…”

ชายชราพยายามรวบรวมพลังลมปราณ ระเบิดพลังตั้งรับการโจมตีอย่างสุดความสามารถ

แต่เขาก็ยังลงมือช้าไปก้าวหนึ่ง

คมดาบในมือหลินเป่ยเฉินแทงทะลุหน้าอกของเขาแล้ว

ตู้ม!

พลังลมปราณระเบิดตามติด

“อ๊าก…” ผู้เป็นหัวหน้าใหญ่ของสมาคมนักล่าอสูรกระอักเลือดออกมาจากปาก ตัวคนลอยกระเด็นไปไกลหลายวา กระแทกเข้ากับขั้นบันไดหินหน้าบัลลังก์ ตั้งแต่หัวจรดเท้าปกคลุมด้วยโลหิตสีแดงสด มือและเท้าหงิกงอผิดรูปผิดร่าง

พั่บพั่บพั่บ!

เสียงนกกระพือปีกพลันดังขึ้น

หลินเป่ยเฉินใช้วิชาวิหคดั้นเมฆเข้าไปประชิดตัวคู่ต่อสู้อีกครั้ง ดาบในมือเงื้อขึ้นสูง

นี่ยังคงเป็นกระบวนท่ากระบี่สลายสายน้ำของเคล็ดวิชากระบี่สายน้ำไหล

“อย่าฆ่าข้าเลยนะ…” ชายชราผมเทาตะโกน “ข้ามีความลับสำคัญจะบอก…”

ฟู่!

คมดาบเป็นประกายวูบ

ศีรษะของหัวหน้าใหญ่แห่งสมาคมนักล่าอสูรประจำชายแดนเหนือขาดกระเด็น

หลินเป่ยเฉินทิ้งตัวลงมายืนอยู่หน้าบัลลังก์หิน พูดเสียงดังว่า “ลูกไม้อ่อนหัดแบบนี้ ใช้กับข้าไม่ได้ผลหรอก”

ใครจะไปสนความลับอะไรนั่นกัน

ตัววายร้ายมันก็พูดไปเรื่อยเพื่อหวังรอดชีวิตเท่านั้นเอง

ในบรรดาพระเอกซีรีส์กำลังภายในจำนวนไม่น้อย ต้องพลาดท่าเสียทีให้แก่ตัวร้ายยามบาดเจ็บแบบนี้แหละ

หลินเป่ยเฉินไม่มีทางผิดพลาดแบบเดียวกันเด็ดขาด

เมื่อจ้องมองเห็นว่าชายชราผมเทาไม่กระดุกกระดิกร่างกายอีกแล้ว หลินเป่ยเฉินก็ไม่ลืมที่จะเดินเข้าไปใช้ดาบแทงเข้าไปที่หัวใจฝ่ายตรงข้าม

นี่คือขั้นตอนที่จะข้ามไปไม่ได้

เมื่อทำลายหัวใจศัตรูเรียบร้อยแล้ว หลินเป่ยเฉินถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็ค่อยๆ หันหน้ากลับมา ส่งเสียงพูดกับกองซากศพที่อยู่ข้างทางเดินว่า “เลิกแสดงละครตบตาได้แล้ว ข้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้ายังไม่ตาย…”