novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • anime
  • โดจิน
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
hotgraph Hydra888 ดูบอลสด UFAC4 PANAMA888 lotto432 ufabet london168 newyork UFAZEED UFA1919 PG freefire เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350 เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด dgthai nowbet หวยออนไลน์

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 326 ตายหมดเกลี้ยง

  1. Home
  2. เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]
  3. บทที่ 326 ตายหมดเกลี้ยง
Prev
Next

บทที่ 326 ตายหมดเกลี้ยง

“กราบเรียนนายท่าน หลินเป่ยเฉินสามารถหลบหนีไปได้ขอรับ บัดนี้ทางเจ้าหน้าที่ทั้งเมืองกำลังตามล่าตัวเขาอยู่ ข้าน้อยจึงอยากรบกวนให้ท่านใช้พลังพิเศษช่วยระบุตำแหน่งของหลินเป่ยเฉิน เพื่อให้พวกเราตามจับตัวเขาได้รวดเร็วมากขึ้นขอรับ”

ไป๋ไห่ชินคุกเข่า ก่อนก้มตัวแนบหน้าผากติดพื้นห้อง แสดงออกถึงความเคารพต่ออีกฝ่าย

“อย่างนี้นี่เอง” เสียงที่ดังแปลกหูพูดออกมาจากรูปปั้นอีกครั้ง “ถ้าไม่มีอะไรเร่งด่วน อย่าติดต่อข้ามาอีก”

ไป๋ไห่ชินรีบพูดโดยเร็วว่า “แต่สถานการณ์ตอนนี้เร่งด่วนมาก…”

“หุบปาก” พลัน เสียงแหบแห้งนั้นคำรามออกมาด้วยความเดือดดาล “ข้าอุตส่าห์ร่วมมือกับเจ้า ก่อการร้ายในลานจัตุรัสหน้าวิหารเทพกระบี่ โอกาสดีงามเช่นนั้นพวกเจ้ากลับทำให้หลินเป่ยเฉินหลุดมือไปเสียได้ แล้วยังคิดจะมาขอความช่วยเหลือจากข้าอีกหรือ? เจ้าช่างทำให้ข้าผิดหวังเสียเหลือเกิน”

ไป๋ไห่ชินตัวสั่นเทาในขณะที่พยายามอธิบายว่า “ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยจะเพิ่มของบูชาเป็น 2 เท่า แต่นายท่านได้โปรดช่วยระบุตำแหน่งที่อยู่ ณ ปัจจุบันของหลินเป่ยเฉินให้ข้าน้อยได้รู้ด้วยเถิด”

เสียงจากรูปปั้นเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะดังออกมาว่า “ข้าเคลื่อนไหวอีกไม่ได้แล้ว มิเช่นนั้นจะถูกผู้คนสงสัยเอาได้ ถ้าเกิดข้าถูกเปิดโปงเมื่อไหร่ แม้แต่เจ้าก็ต้องตายไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด”

ไป๋ไห่ชินกัดฟันกรอดและรวบรวมความกล้าพูดออกมาว่า “ข้าน้อยเอาชีวิตเป็นเดิมพันและยอมเสียสละทุกอย่างให้แก่นายท่าน แต่สถานการณ์ตอนนี้ยากลำบากมากเกินไป เราค้นหาทั้งในเมืองและนอกเมืองหยุนเมิ่งแล้ว กลับหาตัวหลินเป่ยเฉินไม่เจอแม้แต่เงา ข้าน้อยเกรงว่าหากปล่อยให้ทุกอย่างล่วงเลยล่าช้าไปมากกว่านี้ หลินเป่ยเฉินอาจจะตั้งหลักมาตอบโต้พวกเราได้ และความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดของพวกเราก็จะสูญสลายไปทันที”

รูปปั้นเงียบเสียงไปอีกครั้ง

แต่หลังจากนั้น หมอกควันจากตัวรูปปั้นก็จางหายไป

รูปปั้นไม่ได้เปล่งแสงสว่างออกมาอีกแล้ว

ไป๋ไห่ชินรอคอยอยู่เนิ่นนาน เมื่อเห็นว่าไม่มีการตอบสนอง หัวใจก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม

ดูเหมือนว่านายท่านของเขาจะปฏิเสธการช่วยเหลือแล้วสิ

ถึงจะรู้สึกเจ็บใจสักเท่าไหร่ แต่ไป๋ไห่ชินก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

เรื่องนี้ถ้าจะโทษให้เป็นความผิดใครสักคน ก็ต้องบอกว่ามันเป็นความผิดของถังกู่จิน

ผู้ตรวจการมณฑลคนนั้นใจร้อนมากเกินไป เขายืนกรานที่จะถ่ายทอดสดการสอบปากคำหลินเป่ยเฉินที่วิหารเทพกระบี่ และนั่นทำให้นายท่านของไป๋ไห่ชินต้องเผชิญหน้ากับความเสี่ยง แต่ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามแผนการอย่างราบรื่น พวกเขาตั้งใจบีบบังคับให้หลินเป่ยเฉินหลบหนี และนั่นก็เป็นข้ออ้างสังหารเด็กหนุ่มผู้เป็นลูกศิษย์ของติงซานฉือได้โดยไม่มีใครสงสัย… แต่แล้วกลับเป็นพวกเจ้าหน้าที่มือปราบนั่นแหละ ที่ปล่อยให้หลินเป่ยเฉินหลุดมือไปได้อย่างไม่น่าให้อภัย

แต่จะให้เขาไปเอาเรื่องเอาราวกับถังกู่จิน นั่นก็เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้เด็ดขาด

ไป๋ไห่ชินรู้ดีว่าบัดนี้ตนเองต้องยอมทนแบกรับความเจ็บใจทั้งหมดเอาไว้ก่อน

สิ่งที่ต้องทำให้ได้เร็วที่สุดในขณะนี้ ก็คือการตามหาตัวหลินเป่ยเฉินให้เจอ และสังหารเด็กหนุ่มคนนั้นในฐานะสาวกปีศาจให้ได้ เมื่อไม่มีหลักฐานใดจะสาวมาถึงตัวไป๋ไห่ชินอีกแล้ว แผนการในขั้นตอนหลังจากนั้น ถึงจะดำเนินต่อไปโดยไม่มีปัญหา

“คงต้องทำมากกว่านี้แล้วสินะ”

ใบหน้าของไป๋ไห่ชินบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น

เขาวางกำลังคนเอาไว้ทั่วเมืองขนาดนี้ ย่อมไม่เชื่อเด็ดขาดว่าหลินเป่ยเฉินจะสามารถหลบหนีออกไปได้สำเร็จ

ไป๋ไห่ชินค่อยๆ เก็บรูปปั้นหน้าตาประหลาดเข้าไปในอกเสื้ออย่างระมัดระวังและหมุนตัวเดินออกไปจากห้องลับในความเงียบงัน

…

“ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ นี่เจ้ากำลังหลอกลวงเราอยู่ใช่หรือไม่?”

เมียวโหรวเฟย หัวหน้ากลุ่มเจ้าหน้าที่มือปราบจ้องมองหวังจงเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ “เจ้าพาพวกเราไปค้นหามาแล้วหลายสิบแห่ง แต่ก็เสียเวลาเปล่าทั้งหมด หรือว่าเจ้าตั้งใจถ่วงเวลาให้หลินเป่ยเฉินมีโอกาสหลบหนี?”

หวังจงพูดพร้อมกับร้องไห้น้ำตาไหลพราก “ข้าน้อยพาพวกท่านไปทุกสถานที่ที่นายน้อยควรจะไปหมดแล้ว ข้าน้อยมีนามว่าหวังจง คำว่าจงมาจากจงรักภักดี ข้าน้อยจงรักภักดีต่อผู้ที่มีผลประโยชน์มากที่สุดเสมอ…”

“เจ้าหุบปากไปเดี๋ยวนี้” เมียวโหรวเฟยใบหน้าบิดเบี้ยวเหมือนคนปวดฟัน เขายกมือขึ้นตบพ่อบ้านชราหน้าหันและออกคำสั่ง “พวกเราสั่งสอนมันซะ”

ผลั่ก! ผลั่ก! ผลั่ก!

เจ้าหน้าที่มือปราบชั้นผู้น้อยนับ 10 คนกรูเข้ามารุมกระทืบชายชรา

“อ๊าก อย่าทำข้าน้อยเลย… ข้าน้อยแก่แล้ว”

“ข้าน้อยไม่รู้จริงๆ โอ๊ย โอ๊ย ขอเวลาให้ข้าลองนึกดูอีกสักหน่อยเถิด…”

หวังจงส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน

หลังจากนั้นไม่นาน ชายชราก็มีสภาพใบหน้าบวมช้ำเหมือนหัวหมูไหว้เจ้าค้างคืน

“เอาล่ะ ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง บอกมาว่าหลินเป่ยเฉินซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ถ้าครั้งนี้ยังหาไม่เจออีก ข้าจะหักขาทั้งสองข้างของเจ้าทิ้ง และเปลี่ยนไปสอบปากคำหญิงรับใช้ทั้งสองนางนั้นแทน…”

เมียวโหรวเฟยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา สีหน้าอำมหิต

หวังจนตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว “กราบเรียนนายท่าน ข้าน้อยไม่ทราบที่อยู่ของเขาจริงๆ”

เช้ง!

เมียวโหรวเฟยชักกระบี่ออกมาแล้ว

หวังจงสะดุ้งโหยงด้วยความตื่นตระหนก “เดี๋ยวข้าขอนึกดูก่อนนะขอรับ โปรดให้โอกาสข้าน้อยอีกสักนิด… อ้อ นึกออกแล้ว ยังมีอีกที่หนึ่ง นายน้อยน่าจะไปที่นั่น เดี๋ยวข้าจะพาพวกท่านไปเอง”

“งั้นก็นำทาง” เมียวโหรวเฟยออกคำสั่งเสียงเข้ม

หวังจงลุกขึ้นยืนโงนเงน และเริ่มต้นรับหน้าที่นำทางอีกครั้ง

ผ่านไปช่วงเวลา 1 ก้านธูป

ชายชราก็พาพวกของเมียวโหรวเฟยมาถึงกระท่อมน้อยที่ตั้งอยู่ในสถานที่ห่างไกลหลังหนึ่ง

“น่าจะเป็นที่นี่แหละขอรับ นายน้อยเคยพูดถึงให้ข้าฟังครั้งหนึ่งว่า หากเกิดเหตุอันตราย เขาจะมาหลบซ่อนตัวอยู่ในกระท่อมหลังนี้…”

เมียวโหรวเฟยขมวดคิ้วและปล่อยพลังลมปราณสำรวจพื้นที่รอบบริเวณ

ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่มือปราบสุดโหดก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

“มีกลิ่นไอปีศาจอยู่ที่นี่ พวกเราทุกคนระวังตัว”

เมียวโหรวเฟยชักกระบี่ออกมาถือในมือและเดินนำผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าไปใกล้กระท่อมน้อยมากขึ้นเรื่อยๆ

วูบ!

พลังลมปราณถูกยิงออกไป

โครม!

ประตูกระท่อมกระเด็นหลุดออกจากวงกบ

เมียวโหรวเฟยและเจ้าหน้าที่มือปราบซึ่งมีพลังอยู่ในขั้นปรมาจารย์ระดับ 6 อีก 2 นาย พร้อมใจกันโคจรพลังลมปราณเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้

…

ผ่านไปอีก 1 ก้านธูป

ณ ห้องรับแขกของสำนักมือปราบประจำเมืองหยุนเมิ่ง

“ว่าไงนะ?” ถังกู่จินเด้งตัวลุกขึ้นมาจากที่นั่งด้วยความตกใจพร้อมกับพูดว่า “เจ้ากำลังจะบอกว่าเมียวโหรวเฟย หยวนซิงและหลี่ฉีเฟิง ทั้ง 3 คนนั้นตายหมดแล้วหรือ?”

“ใช่แล้วขอรับใต้เท้า เจ้าหน้าที่มือปราบทั้ง 3 นายนั้นพบร่องรอยของหลินเป่ยเฉินอยู่ในกระท่อมน้อยทางตอนเหนือของตัวเมืองหลังหนึ่ง มันตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลบ้านเรือนผู้คน พวกเขารีบไปที่นั่นเพราะอยากจะจับตัวหลินเป่ยเฉินให้ได้โดยเร็วที่สุด แต่เมื่อกำลังเสริมไปถึง พวกเราก็ได้พบว่าเมียวโหรวเฟยและลูกน้องเสียชีวิตหมดแล้วขอรับ”

อู๋ซางหยานมีเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผาก พยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ

“เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้ชักไม่ชอบมาพากลแล้วสิ… หลินเป่ยเฉินไม่ควรมีพลังแข็งแกร่งขนาดนั้น”

ถังกู่จินหนังหัวชายิบ พยายามไม่แสดงอาการตื่นตกใจออกมามากกว่าเดิม “เมียวโหรวเฟยกับผู้ติดตามอีก 2 คนเป็นเจ้าหน้าที่มือปราบระดับเหรียญทองแดง ส่งตรงมาจากสำนักผู้ว่าการมณฑล ทุกคนมีพลังอยู่ในขั้นปรมาจารย์ระดับที่ 6 ซ้ำยังได้รับการฝึกฝนวิธีต่อสู้กับสาวกปีศาจเป็นอย่างดี ต่อให้หลินเป่ยเฉินกลายร่างเป็นปีศาจ ก็ไม่สามารถรับมือพวกเขาได้แน่นอน แล้วกลุ่มมือปราบชั้นผู้น้อยอีก 30 คนที่พวกเขาพาไปด้วยนั้นเล่า… ไม่มีใครรอดชีวิตเลยหรือ?”

อู๋ซางหยานได้แต่ยิ้มขมขื่น ไม่กล้าเงยหน้าสบตาถังกู่จินด้วยซ้ำ “เจ้าหน้าที่มือปราบของพวกเราทั้ง 33 คน ตายหมดเกลี้ยงเลยขอรับ ไม่มีใครรอดชีวิต…แต่ว่า…”

“แต่ว่าอะไร?” ถังกู่จินถามเสียงเขียว

อู๋ซางหยานรีบตอบโดยเร็วว่า “พ่อบ้านหวังจง ซึ่งเป็นคนนำทางพวกของเมียวโหรวเฟยไปยังกระท่อมน้อยหลังนั้น เขาเป็นผู้เดียวในที่เกิดเหตุที่รอดชีวิตมาได้ แต่ดูเหมือนเขาจะเสียสติไปแล้วขอรับ เพราะพูดจาไม่รู้เรื่องเลย”

“พ่อบ้านหวังจงอย่างนั้นหรือ?” ถังกู่จินลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมาเพราะนึกขึ้นได้ “นั่นมันคนรับใช้ส่วนตัวของหลินเป่ยเฉินไม่ใช่หรือไง?”

“ใช่แล้วขอรับ” อู๋ซางหยานตอบ “พ่อบ้านคนนี้ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าเล่ห์เป็นที่หนึ่ง คนทั้งเมืองทราบดีว่าเขาไม่เคยภักดีต่อนายน้อยของตนเองเลย พวกเราจึงยอมให้หวังจงมาเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสวนขอรับ”

“แล้วมันพูดว่าอย่างไรบ้าง?” ถังกู่จินถามด้วยความหงุดหงิด

อู๋ซางหยานรายงานว่า “หวังจงพูดอยู่แค่คำเดียวเท่านั้นคือ “ผีร้าย ผีร้าย ผีร้าย” ตอนแรกข้าน้อยนึกว่าเขาแสดงละครตบตาเรา แต่เมื่อลองสอบปากคำดูถึงได้รู้ว่าไม่ใช่ ข้าน้อยว่าในกระท่อมหลังนั้นต้องมีปีศาจสิงสู่ และที่เจ้าหน้าที่ของพวกเราต้องตายทั้งหมด ก็เป็นเพราะฝีมือของปีศาจตนนั้นแน่นอน“

ถังกู่จินหันกลับไปนั่งที่เก้าอี้ครั้ง

เขายกมือกุมขมับด้วยความปวดหัว

“มีข่าวจากกลุ่มอื่นบ้างหรือไม่?”

ถังกู่จินถามออกมาอีกครั้ง

อู๋ซางหยานตอบว่า “ยังไม่มีขอรับ ถึงเราจะค้นหาทั่วเมืองหยุนเมิ่งแล้ว แต่หลินเป่ยเฉินยังคงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย”

ถังกู่จินยกมือขึ้นออกคำสั่งว่า “เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่มือปราบออกไปตามหาตัวเด็กคนนั้นให้มากกว่านี้”

“รับทราบขอรับ”

อู๋ซางหยานรับคำสั่งเรียบร้อยก็หมุนตัวเดินจากไป

“กราบเรียนท่านใต้เท้า อาจารย์ไป๋ไห่ชินเดินทางมาขอเข้าพบขอรับ”

เวรยามที่เฝ้าหน้าประตูวิ่งสวนเข้ามารายงานด้วยความกระตือรือร้น

“หืม? งั้นก็เชิญตัวเขาเข้ามาได้” ดวงตาของถังกู่จินเป็นประกายขึ้นมาทันที

ไม่นานหลังจากนั้น ไป๋ไห่ชินก็เดินมาประสานมือคำนับถังกู่จินอยู่ในห้องรับแขก

ผู้ตรวจการมณฑลถามด้วยน้ำเสียงมีความหวัง “เรื่องนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”

ไป๋ไห่ชินส่ายหน้าเล็กน้อย “นายท่านไม่ยอมร่วมมือกับข้าอีกแล้ว”

ประกายแวววาวในดวงตาของถังกู่จินหายวับไปในพริบตา

ไป๋ไห่ชินกัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้น พยายามสงบสติอารมณ์ พูดว่า “แต่ข้ายังมีอีกหนึ่งหนทางที่น่าจะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้ เราต้องหาวิธีกระจายข่าวให้ชาวเมืองทุกคนช่วยกันออกตามล่าตัวหลินเป่ยเฉิน เพียงไม่ทราบว่าใต้เท้าถังจะเห็นด้วยกับวิธีการนี้หรือไม่”