novel-lucky | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • ดูอนิเมะ anime
  • anime
  • โดจิน
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
  • จันทร์
  • อังคาร
  • พุธ
  • พฤหัสบดี
  • ศุกร์
  • เสาร์
  • อาทิตย์
  • ทุกวัน
  • จบแล้ว
  • นิยาย PDF
Sign in Sign up
Prev
Next
hotgraph Hydra888 เว็บสล็อต xoslotz ดูบอลสด UFAC4 PANAMA888 lotto432 ufabet london168 newyork UFAZEED UFA1919 PG freefire เว็บหวยฮานอย ซื้อหวยฮานอย SSGAME350 เล่นเซ็กซี่บาคาร่า AE SEXY เว็บบาคาร่าดีที่สุด dgthai nowbet หวยออนไลน์

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 436 คัมภีร์กระบี่สิบเจ็ดคาบสมุทร

  1. Home
  2. เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]
  3. บทที่ 436 คัมภีร์กระบี่สิบเจ็ดคาบสมุทร
Prev
Next

ตอนที่ 436 คัมภีร์กระบี่สิบเจ็ดคาบสมุทร

 

 

หวังจงไม่กล้าอิดออดอีกต่อไป ดังนั้น เขาจึงนำสัญญาส่งมอบความตายไปส่งให้แก่เจียงจี้หลิวด้วยความรวดเร็ว

 

 

และเมื่อพ่อบ้านชราก้าวเท้าออกไปจากตำหนักไม้ไผ่เรียบร้อย ติงซานฉือก็เดินสวนเข้ามาแทบจะในทันที

 

 

“อาจารย์สามารถเลื่อนระดับพลังได้แล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดอาจารย์ก็เลื่อนระดับพลังได้สำเร็จแล้ว”

 

 

ชายชรากระโดดโลดเต้นเหมือนเป็นเด็กตัวน้อยๆ

 

 

“จริงหรือขอรับ?”

 

 

หลินเป่ยเฉินเสแสร้งแกล้งทำเหมือนไม่รู้ พูดด้วยความดีใจว่า “อาจารย์มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ระดับ 7 แล้วใช่ไหมขอรับ? ยินดีด้วยนะขอรับอาจารย์ สมแล้วที่อาจารย์เคยเป็นยอดเซียนกระบี่แห่งยุค…”

 

 

ชีวิตนี้คือการแสดง

 

 

อยู่ที่ว่าแต่ละคนจะแสดงได้สมบทบาทมากแค่ไหน

 

 

“ขอบใจเจ้ามากนะ”

 

 

ติงซานฉือมองลูกศิษย์คนโปรดที่ยืนอยู่เบื้องหน้า หัวใจพองโตอย่างมีความสุข

 

 

เพี๊ยะ!

 

 

แล้วอาจารย์ติงก็เงื้อมือตบหัวลูกศิษย์ด้วยความเคยชิน เปลี่ยนแปลงบรรยากาศที่กำลังจะซาบซึ้งใจให้กลับคืนสู่ความปกติโดยเร็วไว “นับเป็นโชคดีของข้าที่รับเจ้าเป็นลูกศิษย์… ข้าคิดและตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า ข้าจะต้องมอบคัมภีร์เล่มนี้ให้กับเจ้าให้ได้…”

 

 

พูดจบ ติงซานฉือก็นำคัมภีร์ที่แกะสลักบนแผ่นไม้ซึ่งถูกห่ออยู่ในผ้าขาวใต้อ้อมแขนของเขาออกมา

 

 

ได้กลิ่นเลือดโชยบางเบา

 

 

เมื่อหลินเป่ยเฉินลองพิจารณาดูใกล้ๆ เขาก็ได้เห็นว่ารอยด่างสีน้ำตาลบนคัมภีร์ไม่ได้มีขึ้นมาเพราะความเก่าแก่ แต่มันเป็นร่องรอยของหยดเลือด

 

 

หยดเลือดเหล่านี้แห้งกรังมาหลายปีแล้ว มันแทบจะฝังตัวเป็นเนื้อเดียวกับคัมภีร์โบราณ

 

 

“นี่คือคัมภีร์ที่มีค่าที่สุดในชีวิตของอาจารย์ ตอนแรกอาจารย์อยากจะให้เจ้าเลื่อนระดับขึ้นสู่ขั้นยอดปรมาจารย์ได้เสียก่อน ถึงจะมอบมันให้แก่เจ้า”

 

 

ติงซานฉือจ้องมองคัมภีร์ด้วยแววตาเศร้าหมอง

 

 

ชายชรานึกถึงเรื่องราวที่ผ่านเลยไปในอดีต แล้วในส่วนลึกของดวงตา ก็ปรากฏความเจ็บปวดขึ้นมาวูบหนึ่ง

 

 

คัมภีร์ที่มีค่าที่สุดในชีวิตของอาจารย์?

 

 

แล้วยังไงล่ะ?

 

 

เอาไปขายแลกเงินได้หรือเปล่า?

 

 

ว่าแต่ทำไมมันถึงมีค่ากับอาจารย์ติงขนาดนั้นกันนะ?

 

 

หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความสงสัย

 

 

ก็พอดีกับที่เขาได้ยินติงซานฉืออธิบายต่อไปว่า “ถึงแม้เจ้าจะยังเลื่อนขึ้นสู่ขั้นยอดปรมาจารย์ไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นผู้ไร้เทียมทานในขอบเขตปรมาจารย์แล้ว ซ้ำเจ้ายังเป็นผู้ที่ถูกเลือก มีสถานะพิเศษเหนือคนทั่วไป ดังนั้น อาจารย์จึงอยากจะมอบคัมภีร์กระบี่ 17 คาบสมุทรเล่มนี้เอาไว้ให้เจ้าใช้เป็นท่าไม้ตาย เจ้าจะได้เริ่มต้นฝึกฝนโดยทันที…”

 

 

คัมภีร์กระบี่ 17 คาบสมุทรอย่างนั้นหรือ?

 

 

ช่างเป็นชื่อที่แปลกประหลาดอะไรขนาดนี้

 

 

หลินเป่ยเฉินก้มหน้ามองคัมภีร์โบราณที่อยู่ในมือของตนเองและเริ่มเปิดออกดูเพื่อทำความเข้าใจ

 

 

ปรากฏว่าคัมภีร์กระบี่ 17 คาบสมุทร ประกอบไปด้วยกระบวนท่ากระบี่ 17 กระบวนท่า

 

 

มีกระบวนท่าที่ 1 กระบวนท่าที่ 2 กระบวนท่าที่ 3…

 

 

คนที่เขียนคัมภีร์เล่มนี้ขึ้นมา ไม่คิดจะตั้งชื่อกระบวนท่าสักหน่อยหรือไง?

 

 

ทุกกระบวนท่าเพียงกำกับหมายเลขเอาไว้ด้านหลัง ยอดฝีมือที่ไหนกันจะขี้เกียจถึงเพียงนี้?

 

 

หลินเป่ยเฉินพยายามสงบจิตใจและเริ่มต้นอ่านคัมภีร์ต่อไป

 

 

“เอ๊ะ?”

 

 

เขาเปิดมาจนถึงหน้าสุดท้าย แล้วก็ต้องถามออกมาด้วยความสงสัยใจว่า “อาจารย์ขอรับ คัมภีร์เล่มนี้มีเพียง 7 กระบวนท่าเท่านั้น ไหนว่ามันมี 17 กระบวนท่าไม่ใช่หรือ? แล้วอีก 10 กระบวนท่าอยู่ที่ไหนล่ะขอรับ?”

 

 

หน้าสุดท้ายในคัมภีร์เป็นส่วนของกระบวนท่าที่ 7 และไม่มีข้อมูลของกระบวนท่าต่อจากนั้นอีกแล้ว

 

 

นี่มันอะไรกันเนี่ย?

 

 

ขนาดเขียนคัมภีร์ขึ้นมา ยังเขียนไม่จบเลยอย่างนั้นหรือ?

 

 

ดูเหมือนติงซานฉือจะสามารถอ่านใจเด็กหนุ่มได้ทะลุปรุโปร่ง เขาจึงตบหัวหลินเป่ยเฉินเสียงดังสนั่นอีกครั้ง

 

 

“เจ้าอย่าได้คิดลบหลู่ผู้ที่เขียนคัมภีร์เล่มนี้ขึ้นมาเด็ดขาด… คัมภีร์กระบี่ 17 คาบสมุทร นับเป็นวิชากระบี่ที่มีความมหัศจรรย์พันลึกที่สุดในจักรวรรดิเป่ยไห่ การที่เจ้าจะฝึกให้ครบ 17 กระบวนท่านั้น เจ้าต้องมีระดับพลังสูงส่งเพียงพอเสียก่อน…”

 

 

พูดจบ อาจารย์ติงก็ถอนหายใจออกมาอย่างรวดเร็ว “ในเมืองไป๋หยุน เคยมีคนที่สามารถฝึกได้ครบทั้ง 17 กระบวนท่าแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น”

 

 

“หืม?”

 

 

หลินเป่ยเฉินรับฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ

 

 

ติงซานฉือหันมามองหน้าเขาและพูดเน้นย้ำทีละคำว่า “หากเจ้าสามารถฝึกได้ครบทั้ง 17 กระบวนท่า เจ้าก็จะกลายเป็นเซียนกระบี่อมตะ!”

 

 

ถ้าฝึกได้ครบ 17 กระบวนท่า ก็จะได้เป็นเซียนกระบี่อมตะอย่างนั้นหรือ?

 

 

ทันทีที่หลินเป่ยเฉินได้ยินคำนั้น เขาก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

 

 

เซียนกระบี่อมตะ?

 

 

หมายความว่าเป็นมือกระบี่ผู้ไร้เทียมทานอย่างแท้จริงใช่หรือไม่?

 

 

สุดยอดมือกระบี่แห่งใต้หล้า!

 

 

เมื่อมีกระบี่อยู่ในมือ ทุกคนก็ต้องยอมคุกเข่าศิโรราบให้แก่เขา

 

 

มือกระบี่ผู้ไม่เหมือนใคร มือกระบี่ผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง มือกระบี่ผู้ฉีกกฎเกณฑ์ทุกสิ่งอย่าง

 

 

ความคิดที่อยากจะอยู่เงียบๆ ของหลินเป่ยเฉินหายไปทันที

 

 

เขาอยากจะมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับจากทุกคน

 

 

“อาจารย์เองก็เคยได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในห้าเซียนกระบี่จากเมืองไป๋หยุน ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าอาจารย์ต้องเคยฝึกฝนวิชากระบี่ 17 คาบสมุทรเช่นกันใช่ไหมขอรับ?”

 

 

เด็กหนุ่มถามด้วยความอยากรู้

 

 

ติงซานฉือพยักหน้า ก่อนจะส่ายศีรษะ

 

 

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด อาจารย์สามารถฝึกฝนได้เพียง 3 กระบวนท่าเท่านั้น ก็ได้รับการขนานนามให้เป็นเซียนกระบี่เรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อมาย้อนคิดดูในตอนนี้ มันช่างเป็นเรื่องราวตลกร้ายเหลือเกิน ในอดีตอาจารย์หลงใหลไปกับชื่อเสียงเกียรติยศ จนลืมไปว่าโลกนี้กว้างใหญ่มากมายเพียงใด และอาจารย์ก็เป็นเพียงกบตัวเล็กๆ ในบ่อน้ำเท่านั้น…”

 

 

พูดจบ สีหน้าของติงซานฉือก็แสดงความเศร้าโศกออกมาโดยไม่รู้ตัว

 

 

หลินเป่ยเฉินอ้าปากเหวอ

 

 

ขนาดอาจารย์ติงฝึกเพียง 3 กระบวนท่ายังแข็งแกร่งขนาดนี้

 

 

แล้วถ้าเขาฝึก มันจะแข็งแกร่งขนาดไหน?

 

 

หลินเป่ยเฉินยิ้มมุมปากด้วยความดีใจ

 

 

ข้อดีของการฝึกวิชาด้วยโทรศัพท์มือถือ คือระดับพลังของเขาจะไม่มีการติดขัดในลักษณะคอขวดแน่นอน

 

 

“อาจารย์ไม่ต้องเป็นกังวล อย่าลืมว่าลูกศิษย์ของท่านมีนามว่าหลินเป่ยเฉิน ตำแหน่งเซียนกระบี่อมตะอยู่ไม่ไกลเกินฝันแล้วขอรับ” หลินเป่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “อีกหน่อยข้าจะทำให้ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นเซียนกระบี่อมตะรุ่นใหญ่ ส่วนข้านั้นคือเซียนกระบี่อมตะรุ่นเล็ก…”

 

 

เพี๊ยะ!

 

 

ติงซานฉืออาศัยจังหวะนี้ตบหลินเป่ยเฉินจนหัวโยกอีกครั้ง และตวาดว่า “ยังไม่ทันไรก็คุยโวโอ้อวดเสียแล้ว อาจารย์เคยสอนแล้วไม่ใช่หรือไง ว่ามือกระบี่ที่ดีควรปฏิบัติตัวเช่นไร?”

 

 

ชายชราลดฝ่ามือลง

 

 

ให้ตายสิ

 

 

การได้ตบหัวผู้ที่ถูกเลือกนี่รู้สึกดีชะมัด

 

 

หลินเป่ยเฉินยกมือคลำศีรษะของตนเองด้วยความปวดใจ “ศิษย์รู้แล้วขอรับอาจารย์… ว่าแต่ว่าอาจารย์มอบคัมภีร์กระบี่ 17 คาบสมุทรเล่มนี้ให้ศิษย์ทำไมขอรับ หรืออาจารย์กลัวว่าตนเองจะไม่รอดจากการประลองกับจูปี้ฉีในอีก 5 วันข้างหน้า? ถ้าอย่างนั้น อาจารย์อยากสั่งเสียให้ศิษย์จัดงานศพอย่างไรบ้างไหมขอรับ?”

 

 

เด็กหนุ่มถามออกมาอีกครั้ง

 

 

ติงซานฉือพูดอะไรไม่ออก

 

 

เพี๊ยะ!

 

 

เจ้าลูกเต่าสกปรกนี่

 

 

อดีตเซียนกระบี่ผู้ยิ่งใหญ่จ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยความเดือดดาลจนหนวดเคราปลิวไสว แล้วเขาก็หันหลังกลับ เดินออกไปจากตำหนักไม้ไผ่ ไม่พูดอะไรอีก

 

 

“อาจารย์ขอรับ อาจารย์…”

 

 

หลินเป่ยเฉินรีบตะโกนไล่หลังถามไปว่า “เรื่องกระบวนท่าที่ขาดหายไปในคัมภีร์ว่าอย่างไรขอรับ? ศิษย์จะไปตามหาส่วนที่เหลือได้จากไหน?”

 

 

“เมื่อถึงเวลา เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”

 

 

เสียงของติงซานฉือดังตอบกลับมาจากด้านนอกตำหนักไม้ไผ่

 

 

เฮ้อ

 

 

ทำไมพวกจอมยุทธ์หัวโบราณต้องทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ด้วยนะ

 

 

การกระทำของติงซานฉือทำให้หลินเป่ยเฉินนึกถึงละครแนวกำลังภายในที่เขาเคยดูบนโลกมนุษย์

 

 

ถ้าเป็นไปตามพล็อตยอดนิยม อาจารย์ติงสุดที่รักของเขาคงมีชีวิตได้อีกไม่เกิน 3 ตอนแน่ๆ

 

 

หลินเป่ยเฉินเริ่มเกิดสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาในใจ

 

 

แต่ก่อนที่เขาจะได้คิดลงมือทำอะไรต่อไป ก็มีคนวิ่งเข้ามาหาอีกแล้ว

 

 

“นี่ๆ หลินเป่ยเฉิน เจ้าได้ยินข่าวนี้หรือยัง? มีจอมลามกผู้หนึ่งปรากฏตัวออกมา และเขาน่าจะเป็นคู่แข่งคนสำคัญของเจ้าทีเดียว…” ไป๋ชินหยุนตะโกนเสียงดังขณะวิ่งเข้ามาหาเด็กหนุ่มรุ่นพี่ “วีรบุรุษร่างเปลือยหน้ากากแดงไงล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า แต่น่าเสียดายที่เขามีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์แล้ว นั่นหมายความว่าเขาคงเก่งกาจมากกว่าเจ้าหลายเท่า”

 

 

หลินเป่ยเฉินใบหน้ากระตุกขึ้นมาทันที

 

 

“สรุปว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อหัวเราะเยาะข้าอย่างนั้นหรือ?”

 

 

เด็กหนุ่มพูดด้วยสีหน้าไม่รับแขก “ในเมื่อข้ามีสถานะเป็นเจ้าบ้าน …งั้นแล้วบ้านหลังนี้ไม่ขอต้อนรับเจ้าอีกต่อไป”

 

 

ไป๋ชินหยุนหยุดยืนหอบหายใจ และยกมือทำท่าปฏิเสธ “ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อหัวเราะเยาะเจ้าสักหน่อย ก็ครั้งที่แล้วเจ้าบอกว่าอยากจะยืมเงินข้าไม่ใช่หรือ? ข้าถึงรีบกลับไปรวบรวมเงินมาให้เจ้านี่แหละ…”

 

 

ได้ยินดังนั้น หลินเป่ยเฉินก็สะดุ้งโหยงเหมือนโดนไฟฟ้าช็อต เขารีบวิ่งไปประคองข้างกายไป๋ชินหยุนและก้มศีรษะด้วยความนอบน้อม ไม่ลืมขยิบตาให้นางในระหว่างที่พูดประโยคต่อมา “อ้า ที่นี่ยินดีต้อนรับเจ้าเสมอ เข้าไปคุยข้างในกันก่อนเถอะ หวังจง เฉียนเหมย เฉียนเจิน เตรียมน้ำชา เตรียมสุรา เตรียมอาหารให้พร้อมรับประทาน… ไม่เห็นหรือไงว่าคุณหนูไป๋มาถึงแล้ว?”

 

 

ไป๋ชินหยุนถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ

 

 

“เจ้าได้มาครบทั้ง 300,000 เหรียญทองคำเลยหรือเปล่า?”

 

 

หลินเป่ยเฉินเดินประคองแขนไป๋ชินหยุนเข้ามาถึงในห้องนั่งเล่นและกล่าว “คิดไม่ถึงเลยนะว่าคุณหนูไป๋จะสามารถรวบรวมเงินได้เร็วขนาดนี้”

 

 

ไป๋ชินหยุนรับจอกสุรามาจากเฉียนเหมย กระดกดื่มรวดเดียวหมด ก่อนจะให้คำตอบด้วยการส่ายศีรษะ “เจ้าคิดว่าการหาเงินให้ได้ 300,000 เหรียญทองคำมันง่ายนักหรือไง”

 

 

หลินเป่ยเฉินเหยียดตัวยืนตรงทันที “อ้าว”

 

 

ไป๋ชินหยุนพูดต่อ “บัดนี้ข้าหามาได้แล้ว 100,000 เหรียญ ส่วนจำนวนเงินที่เหลือหลังจากนี้ กำลังคิดหาวิธีอยู่”

 

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า คุณหนูไป๋ยอดเยี่ยมอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย”

 

 

หลินเป่ยเฉินโค้งตัวกลับลงมาอีกครั้ง