เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 25 แฟนของไป๋จือหรานมาร่วมชมพิธี
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ประตูสำนักปิดไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“เขาเข้าไปได้ยังไง”
ทุกคนต่างตะลึงกับฉากที่ได้เห็น นั่นคือประตูสำนักเมฆาครามที่มีค่ายกลอายุนับพันปีของสำนักเมฆาครามเปิดใช้งานอยู่! ซึ่งก็สืบต่อกันมากว่าสองพันปีแล้ว ยังไม่มีใครเคยบุกเข้าไปได้ แต่เด็กหนุ่มคนเมื่อครู่กลับเดินเข้าไปราวกับเดินเข้าประตูบ้านของตัวเอง?
ตาลาย?
หรือค่ายกลอ่อนกำลังลงแล้ว?
มีคนลองเดินตามซูเย่เข้าไปอย่างสงสัย แต่ทันทีที่พวกเขาสัมผัสกับค่ายกล เสียงกรีดร้องของพวกเขาก็ดังระงมออกไปทั่วบริเวณ
……
สำนักเมฆาคราม
ประตูสำนักปิดลง ชายหนุ่มรีบเดินไปที่สถานที่จัดพิธีพร้อมศิษย์สำนักอีกหกคน
เขาไม่ชอบขี้หน้าคนเมื่อกี้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะไม่มีเวลา คงได้จัดการอีกฝ่ายเละแน่ แต่เขาไม่ได้รับรู้เลยแม้แต่น้อย ว่าคนคนนั้นที่เขาคิดว่าอยู่นอกประตูสำนัก ขณะนี้ได้เดินตามเข้ามาไปข้างหน้าด้วยสีหน้าสงบนิ่ง!
ในเวลานี้ สำนักเมฆาครามมีชีวิตชีวามาก ที่ลานพิธีมีศิษย์สำนักมากมาย ส่วนมากเป็นผู้หญิง มีศิษย์ชายเพียงไม่กี่คน ทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมความสงบในพิธี
ในส่วนที่ลึกที่สุดของลานกว้างใหญ่นี้ ผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันที่ด้านหน้าอาคารไม้อันโอ่อ่า ด้านซ้ายและด้านขวามีเก้าอี้ไม้ฝั่งละ 30 ตัว
นั่งบนเก้าอี้ไม้หกตัวบนด้านซ้ายคือที่นั่งของผู้บัญชาการหกคนที่มาชมพิธี
ที่ตำแหน่งประธานมีผู้หญิงวัยกลางคนสามคนนั่งบนเก้าอี้ พวกเธอสวมชุดยาวสีขาวแลดูสง่างาม
“เตรียมตัวให้พร้อม เริ่มพิธีได้”
ผู้หญิงที่นั่งในตำแหน่งประธานพิธีส่งสัญญาณให้เริ่มได้ ทว่า อยู่ ๆ ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาจากที่ไกล ๆ มายังลานพิธี
หืม?
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง ยังมีใครมาเพิ่มอีก?
“เป็นแก!”
ชายหนุ่มที่หน้าประตูสำนักหันศีรษะตามไปมองทันที ผู้ชายคนนี้เข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?
ประตูยังไม่ปิดเหรอ?
“นั่นใคร!”
ผู้คุมกฎสำนักหญิงวัยกลางคนผู้มีสีหน้าจริงจังเดินเข้าไปขวางทันที
“ซูเย่ครับ”
ซูเย่เอ่ยตอบ
ซูเย่มาจริง ๆ งั้นเหรอ?
ไป๋จือหรานและไป๋จือเหยียนที่นั่งแถวหน้าเผยสีหน้ามีความสุข แต่ในขณะเดียวกันพวกเธอก็อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล พวกเธอได้เห็นแล้วว่าสำนักนี้แข็งแกร่งเพียงใดในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ซูเย่มาแบบไม่ได้รับเชิญแบบนี้เขาจะเป็นอะไรไหม?
ผู้บัญชาการทั้งหกที่กำลังนั่งรอพิธีเริ่มเห็นซูเย่มา ดวงตาของพวกเขาจับจ้องไปทันที
ทำไมซูเย่มาที่นี่?
เจ้าเวรกรรมในเกม ผู้ทิ้งความประทับใจไว้ต่อพวกเขาไม่น้อย
ผู้คุมกฎสำนักหรี่ตาลงเล็กน้อย และนึกรายชื่อแรกในใจอย่างรวดเร็ว
ซูเย่?
คนในยุทธภพที่เชิญมามีชื่อนี้ด้วยงั้นเหรอ?
“โปรดหยุดก่อน มาจากสำนักไหน?”
อีกฝ่ายเอ่ยถามทันที
“ทีมสืบสวนครับ!”
ซูเย่เอ่ยตอบ
วันนี้เขาขอเล่นใหญ่หน่อยแล้วกัน!
ในเมื่อแย่งตัวคนในทีมสืบสวน เขาก็ขอมาในนามของทีมสืบสวน!
ทีมสืบสวน? ผู้คุมกฎขมวดคิ้วและเหลือบมองผู้บัญชาการทั้งหกคนโดยไม่ได้ตั้งใจ คนอื่น ๆ ก็หันไปมองทางผู้บัญชาการทั้งหกเช่นกัน
คนของพวกคุณ?
สีหน้าของผู้บัญชาการทั้งหกยังคงเดิม เจ้าเด็กคนนี้ถึงกับกล้าดึงทีมสืบสวนออกมา! ช่างกล้าอะไรเช่นนี้!
แต่ว่า น่าสนใจดี! หึ ใครใช้ให้พวกคุณขโมยสมาชิกของเราล่ะ
ผู้บัญชาการทั้งหกคนหัวเราะในใจอย่างสาสมใจ
“นอกจากนี้ ผมยังมีอีกฐานะหนึ่งคือแฟนของไป๋จือหราน วันนี้ขอมาร่วมชมพิธีด้วยนะครับ!”
แฟนหนุ่ม?
แฟนหนุ่มของไป๋จือหราน?
ภายในชั่วพริบตา ทุกคนในกลุ่มผู้มาร่วมงานต่างตะลึงงัน… ลูกศิษย์ของสำนักเมฆาครามทุกคน รวมทั้งแขกผู้มาร่วมชมพิธีต่างก็รู้ดีว่าไป๋จือหรานหรือตัวเอกของงานวันนี้ สำนักเมฆาครามเปิดประตูสำนักจัดพิธีขึ้นเพื่อรับศิษย์
ไม่ใช่ว่าเข้าสำนักแล้วต้องตัดความสัมพันธ์กับคนภายนอกหรอกเหรอ?
ไป๋จือหรานยังไม่ได้บอกเลิก? แถมอีกฝ่ายยังมาหาถึงที่…
ไม่สิ! เขาเข้ามาได้ยังไง?
ไม่มีใครขวางเขาไว้เลยงั้นเหรอ
หลายคนในสำนักมองไปที่ศิษย์ชายผู้รับหน้าที่คุ้มกันประตูสำนัก ใบหน้าของพวกเขาดูหวาดกลัวเล็กน้อยในขณะนั้น
ผู้คุมกฎมองดูศิษย์เหล่านั้นอย่างเย็นชา จากนั้นจ้องไปที่ซูเย่ด้วยแววตาข่มขู่ “อย่าพูดเรื่องไร้สาระ!”
“ที่นี่คือสำนักเมฆาคราม ไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะมาก็มาได้! ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร คุณก็ไม่สามารถทำลายพิธีได้”
“ผมไม่ได้มาเพื่อทำลาย ผมมาที่นี่เพื่อร่วมพิธี ในเมื่อผมรบกวน งั้นผมจะออกไปดูพิธีจากไกล ๆ แล้วกันนะครับ”
ซูเย่เอ่ยพูดด้วยรอยยิ้มแล้วกำลังจะเดินออกไป
“ฉันให้โอกาสอีกครั้ง ออกไปโดยเร็ว เราละเว้นคุณได้ถ้ายอมออกไป! ไม่เช่นนั้น! ผู้บุกรุกสำนัก ตายสถานเดียว!”
เสียงผู้คุมกฎเอ่ยตอบอย่างเฉยชา แม้ว่าที่จริงแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องไร้สาระเลยแม้แต่ประโยคเดียว เธอสามารถผลักซูเย่ออกไปได้ในคราวเดียว แต่ในเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าเขาเป็นสมาชิกทีมสืบสวน ผู้บัญชาการทั้งหกก็ไม่ได้ปฏิเสธ ดังนั้นเลยไม่กล้าทำอะไรรุนแรง
ด้วยถ้าทำเช่นนั้น คนอื่นก็จะมองว่าสำนักเมฆาครามก้าวร้าว และยังเป็นการไม่ไว้หน้าผู้บัญชาการทั้งหก
แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลย ก็จะสูญเสียศักดิ์ศรีของสำนักเมฆคราม และยิ่งปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าไปพัวพันนานเท่าไร พวกเธอก็ยิ่งขายหน้ามากขึ้นเท่านั้น
เรื่องนี้จัดการค่อนข้างลำบาก
“บุกรุก?”
ซูเย่สูดหายใจเข้าลึก และเอ่ยตอบ “ผมมาที่นี่เพื่อร่วมพิธีแฟนของผม ไม่ใช่การบุกรุก พิธีรับศิษย์ไม่อนุญาตให้คนใกล้ชิดเข้าร่วมงั้นหรือครับ”
เขารู้กฎของสำนักเมฆาครามดี และถ้าเข้าสำนักแล้ว จะต้องตัดความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาว
แต่ทำไมล่ะ?
ความรักของพวกเขาใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่ง
สำนักเมฆาครามก็ไม่ได้!
“ศิษย์สำนักเมฆาครามของฉันเป็นผู้บริสุทธิ์ ห้ามคุณมาใส่ร้ายพวกเธอ ใครก็ได้ มาไล่เขาออกไป!”
ผู้คุมกฎสำนักตะโกนเสียงดังและไม่รอช้าอีกต่อไป
“เขาเป็นแฟนของฉันจริงค่ะ”
ในขณะนี้ ไป๋จือหรานพลันพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง แม้ว่าเสียงไม่ดังมาก แต่ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน
ยอมรับด้วย!
ทุกคนขมวดคิ้วแน่น
ไป๋จือหรานยอมรับงั้นเหรอ?
นี่มันอะไรกัน?
แม้แต่ผู้บัญชาการทั้งหกคนและเจ้าสำนักที่นั่งอยู่ที่ตำแหน่งประธานพิธีต่างหน้าเปลี่ยนสี
“จือหราน!”
หญิงสาวสวยที่อยู่ใกล้ไป๋จือหรานส่งเสียงเอ็ดอีกฝ่าย
ซูเย่ผงะไปครู่หนึ่ง พลันหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
หัวใจที่ปฏิเสธความรักมาสองพันกว่าปี หลอมละลายหมดสิ้น ณ เวลานี้!
ผู้หญิงคนหนึ่งเคยเหยียบเขาเป็นบันไดไต่ขึ้นไปเพื่ออนาคตของเธอ
ผู้หญิงอีกคนหนึ่งยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างเขาสองคนต่อหน้าธารกำนัลโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะว่ายังไง
ในที่สุดเขาก็ไม่ได้เลือกผิด! คราวนี้เขามาถูกทางแล้ว!
“จือหราน ไม่ต้องกังวล วันนี้ฉันต้องให้เธอได้เข้าพิธีอย่างสมศักดิ์ศรี!”
ซูเย่สูดหายใจเข้าลึกและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ตัวตนของเขาในวันนี้ไม่ใช่แค่ซูเย่ แต่เป็นแฟนของไป๋จือหรานที่พร้อมจะสนับสนุนเธอในวันนี้!
ใช้ความสามารถที่มีสนับสนุนเธอ!
“ไร้สาระ!”
เจ้าหน้าที่ห้องโถงตะโกนอย่างโกรธจัด “ศิษย์รุ่นหกสิบฟังคำสั่งและไล่บุคคลนี้ออกไป!”
“สวบ สวบ——”
เสียงลมพัดผ่านดังขึ้น
ศิษย์สำนักหลายสิบคนพุ่งทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“เยอะขนาดนี้เลย?”
ซูเย่ยกยิ้มพลางเอ่ยยียวน “แต่ไม่ดูดีเท่าจือหรานเลย”
ทันทีที่เขาพูดออกมา
คนที่ได้ยินต่างอึ้งงันกันหมด เรื่องบานปลายขนาดนี้แล้วยังจะมัวกวนประสาทคนเขาอีก!
ไป๋จือหรานมีอาการขัดเขินเล็กน้อย แต่เธอก็รู้สึกเป็นห่วงซูเย่ด้วย
ศิษย์หญิงหลายสิบคนแสดงใบหน้าขุ่นเคือง พวกเธอรวมตัวกันอย่างรวดเร็วโดยใช้ตัวเองเป็นเครื่องมือในการสร้างเขตกักกั้น!
แววตาของศิษย์จากสำนักอื่นพลันเป็นประกาย นี่เป็นเขตกักกั้นที่เป็นรู้จักดีของสำนักเมฆาคราม
ทันทีที่ตั้งเขตกักกั้นนี้ตั้งขึ้น เจ้าหมอนั่นที่เพิ่งขั้นสี่ระดับหนึ่งก็คงไม่ได้ออกมาง่าย ๆ
“พวกคุณคงไม่ได้คิดว่าแค่นี้จะหยุดผมได้จริง ๆ หรอกใช่ไหมครับ?”
ซูเย่ส่งเสียงหัวเราะแผ่วเบาพลางก้าวออกมาข้างหน้าทันที
ไม่เพียงแต่ผู้คนจากสำนักเมฆาครามเท่านั้น แต่ผู้คนจากสำนักอื่น ๆ ที่มาชมพิธี รวมทั้งผู้บัญชาการทั้งหกต่างก็ตกตะลึง และมองไปทางซูเย่อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
เขาออกมาได้ยังไง??
แม้แต่แววตาของเจ้าสำนักก็มีแววประหลาดใจเล็กน้อย เขตกักกั้นของสำนักใช้ไม่ได้ผลกับเจ้าหมอนี่งั้นหรือ?
ศิษย์ทุกคนมองซูเย่จนเกือบจะอ้าปากค้าง พวกเขามองซูเย่ราวกับมองดูมนุษย์ต่างดาว ส่วนผู้ที่มีสีหน้าตกใจสุดขีดคือผู้คุมกฎสำนัก เขตกักกั้นนี้ไม่เคยพลาดมาก่อน แต่วันนี้กลับไร้ผล!
วินาทีต่อมา ใบหน้าของเธอก็บิดเบี้ยวน่าเกลียด แต่เธอยังคงควบคุมอารมณ์ไว้และไม่สูญเสียการควบคุม
“อวิ๋นฮว่า!”
“ค่ะ!”
ศิษย์หญิงขั้นสี่ระดับหนึ่งลุกขึ้นยืน
“ไปจัดการเขา สำนักของเราไม่รังแกผู้น้อย”
ผู้คุมกฎสำนักหันไปพูดกับผู้บัญชาการทั้งหกคน ว่าเธอใช้คนที่อยู่ขั้นเดียวกับซูเย่ อีกฝ่ายจะได้ไม่มีข้ออ้างอะไรมาก้าวก่าย!
“ชิ้ง——!”
ดาบยาวถูกดึงออกจากฝักด้วยเสียงแผ่วเบา ทันใดนั้นอีกฝ่ายก็พุ่งเข้าโจมตีซูเย่ในทันที
วินาทีต่อมา
“เคร้ง——!”
เสียงปะทะของอาวุธพลันดังขึ้น
ก่อนที่เสียงจบจบลง พลังปราณจากดาบอันรุนแรงก็พุ่งออกมา ทำให้ศิษย์หญิงเจ้าของนามอวิ๋นฮว่ากระเด็นออกไปและล้มลงอย่างแรงบนพื้น
ทั่วทั้งสถานที่จัดพิธีเงียบสงัด
ศิษย์ขั้นสี่ระดับหนึ่งของสำนักเมฆาคราม ถูกเด็กหนุ่มที่อยู่ในระดับขั้นเดียวกันผู้ยืนอยู่เบื้องหน้าเอาชนะได้ในกระบวนท่าเดียว?
สำนักเมฆาครามเป็นสำนักโบราณเชียวนะ! ศิษย์ในสำนักต้องแข็งแกร่งกว่าคนที่อยู่ในระดับเดียวกันมากแน่!
หมอนี่คือทีมสืบสวนไม่ใช่เหรอ?
“พวกคุณประเมินผมต่ำเกินไปหรือเปล่าครับ”
ซูเย่ถือดาบยาวที่แปลงมาจากพลังปราณพลางเดินไปข้างหน้าอย่างไม่ระวังตัวเลยสักนิด
“บังอาจ!”
ผู้คุมกฎสำนักกำลังเดือดดาลจัด
“เปลี่ยนขั้นห้ามาเถอะครับ!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา บรรดาผู้มาร่วมงานต่างตะลังงัน
ขั้นห้า?
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ระดับห้าขอสู้กับศิษย์ขั้นห้าของสำนักเมฆาครามจริงหรือ?
หมอนี่กำลังรนหาที่ตายชัด ๆ
ทันทีที่ผู้คุมกฎสำนักได้ยิน ก็ส่งเสริมอีกฝ่ายทันที อย่าตำหนิฉันทีหลังแล้วกัน!
“ตามใจคุณ!”
เธอพ่นลมอย่างเย็นชาและตะโกนเรียก “อวิ๋นฉิง!”
ทันใดนั้น ก็มีหญิงสาวก้าวออกมาขวางทางซูเย่ เธอสวมชุดโบราณมวยผมยาวไว้อย่างเรียบร้อย ในมือถือดาบยาวสีขาวราวหยกขาว สีหน้าหยิ่งยโส
“ถอยไปแต่โดยดี แล้วฉันจะไว้ชีวิต”
อวิ๋นฉิงจ้องเขม็งไปทางซูเย่
“ลงมือเถอะ!”
ซูเย่กล่าว
“ระวังตัวไว้เถอะ”
ในเวลาเดียวกับที่พูดจบ อวิ๋นฉิงได้ดึงดาบยาวในมือของเธอออกมา และพุ่งทะยานเข้าหาซูเย่อย่างรวดเร็ว
“เคร้งง!”
ซูเย่ยกดาบในมือของเขาเพื่อรับการโจมตี ในสถานการณ์ที่ฝ่ายตรงข้ามพุ่งเข้ามาโจมตี แต่ซูเย่ไม่เพียงไม่ถอยหลัง แต่หลังจากการปะทะ เขาก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แรงกดดันมหาศาลทำให้อวิ๋นฉิงถอยห่างออกไป และซูเย่ก็ฉวยโอกาสนี้พุ่งไปข้างหน้าจนสุดทางมาถึงกลางสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว
กระแสพลังได้ปะทุขึ้น
สิบกระบวนท่าล้มลงและภายใต้ผลกระทบของพลังดาบที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันของซูเย่ อวิ๋นฉิงก็พ่ายแพ้อย่างไม่คาดคิด เช่นเดียวกับอวิ๋นฮว่าที่ถูกโจมตีกระเด็นออกไปโดยซูเย่และล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง
แม้ว่าเธอจะทรงตัวได้อย่างทันท่วงทีไม่ได้เสียภาพลักษณ์มากนัก แต่ทุกคนเห็นอย่างชัดเจน… อวิ๋นฉิงแพ้แล้ว!